"เศรษฐา" พร้อมทำตามมติ กก.บห.พรรค หากเสนอชื่อเป็นนายกฯ มองเป็นบรรทัดฐานเสนอชื่อได้ครั้งเดียว ต้องพิจารณาให้ดี ชี้จะได้รับเสียงสนับสนุนต้องไม่มี ม. 112 รับมีเกมบีบ "เพื่อไทย" ผลัก "ก้าวไกล" เป็นฝ่ายค้าน ขอใจเย็นๆ ต้องให้เกียรติคณะเจรจา
วันที่ 20 ก.ค. 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าวันนี้พรรคเพื่อไทยจะมีการพูดคุยภายหลังที่ประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีรอบที่ 2 เมื่อวานนี้ (19 ก.ค.) ส่วนจะมีความชัดเจนในการเสนอชื่อนายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีวันนี้หรือไม่นั้นยังไม่ทราบ คงต้องรอหารือในที่ประชุมก่อน
เมื่อถามว่าเสียง สว.ชัดเจนว่าไม่เอาพรรคก้าวไกล การตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยจะยังมีพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายเศรษฐาบอกว่าต้องให้คณะเจรจาไปพูดคุยกัน แต่ก็อาจจะเป็นไปในทิศทางนั้น และตอนนี้เรายังมีข้อตกลงระหว่าง 8 พรรคอยู่ ก็ต้องพูดคุยและให้เกียรติทั้ง 8 พรรคที่ร่วมเจรจา ขอเวลาอีกนิดหนึ่ง
ส่วนพร้อมเป็นผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หากพรรคเพื่อไทยต้องเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล นายเศรษฐากล่าวว่ารายชื่อผู้ถูกเสนอเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคมี 3 รายชื่อ ต้องให้กรรมการบริหารพรรคเป็นคนเคาะก่อน ส่วนกระแสว่าน้ำหนักผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ คือนายเศรษฐานั้น เจ้าตัวยอมรับว่าก็เป็นไปในลักษณะนั้น แต่ก็มีแคนดิเดตฯ อีกหลายท่าน จากหลายพรรคเชื่อว่าหลายคนก็มีความพร้อมเหมือนกัน
นายเศรษฐายังย้ำว่า ณ จุดนี้ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ยังเหนียวแน่น จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง และขณะนี้ก็ยังไม่มีการพูดคุยกัน และเชื่อว่าคณะเจรจาจะมีการพูดคุยกันโดยเร็ว ไม่เย็นนี้ก็พรุ่งนี้ ก็คงมีแนวทางออกมาส่วนแกนนำจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ จะเป็นพรรคเพื่อไทยหรือไม่ก็คงต้องรอดู
เมื่อถามว่าการผลักดันนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตจากพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีของ 8 พรรคร่วมมาถึงที่สุดแล้วหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่าตามที่ฟังดูทางด้านกฎหมายก็น่าจะเป็นอย่างนั้น
ส่วนการโหวตนายกรัฐมนตรีเหมือนจะเป็นบรรทัดฐาน ว่า 1 แคนดิเดตสามารถโหวตได้แค่ 1 ครั้ง การจะเสนอชื่อนายเศรษฐาในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ ประเมินว่าการมีพรรคก้าวไกลอยู่ร่วมด้วยหรือไม่อยู่แบบไหนจะส่งผลดีกว่ากัน นายเศรษฐากล่าวว่าเรื่องการโหวตครั้งเดียวถือเป็นบรรทัดฐานอย่างหนึ่ง ตนมองว่าการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไป เป็นบรรทัดฐาน การเสนอชื่อต่อไปต้องคิดให้ดี ต้องเจรจาให้เหมาะสม
เมื่อถามว่ามองว่ายังควรจับมือไปด้วยกันกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่าต้องให้เกียรติคณะเจรจา
ส่วนจะทำอย่างไรไม่ให้มาตรา 112 เป็นปัญหาในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 3 นายเศรษฐากล่าวว่าเรื่อง 112 ต้องไม่อยู่ในการแก้ไข หรือยกเลิกไม่เช่นนั้นจะไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจาก สว.และอีกหลายพรรค ซึ่งคณิตศาสตร์ค่อนข้างพื้นฐานมาก นับดูก็รู้ว่าเรื่องอะไร
ส่วนวิธีไหนที่จะทำให้ 112 ไม่อยู่ในเงื่อนไข ให้คนเข้าใจเพื่อไทยว่าไม่ได้หักก้าวไกล ตนคงพูดแทน 8 พรรคก้าวไกลไม่ได้ ซึ่งต้องเป็นเรื่องที่มีการพูดคุยกัน พรรคเพื่อไทยต้องมีการพูดคุยกันหากจะเป็นแกนนำเรื่องนี้คงต้องพูดคุยกัน และไม่แต่ใจว่าจะต้องถกกันหนักกับพรรคก้าวไกลเรื่องมาตรา 112 หรือไม่เพราะตนไม่ได้อยู่ในคณะเจรจา แต่หากถามโดยส่วนตัว ถ้ามีมาตรา 112 อยู่ก็คงไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากหลายพรรค
เมื่อถามว่ามีโอกาสที่พรรคร่วมรัฐบาลจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ หากเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายเศรษฐากล่าวว่าคิดว่าเรื่องนี้จะล้ำหน้าไปนิดหนึ่ง ต้องให้เกียรติ 8 พรรคร่วม และปัจจุบัน 8 พรรคก็มีเสียงเยอะอยู่แล้ว แต่ต้องมาพูดคุยกันด้วยว่าจะเอาอย่างไร
เมื่อถามว่ายังยืนยันตามกรรมการบริหารพรรคไม่ว่าจะมีมติอย่างไร พร้อมที่จะตามใช่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบสั้นๆ ว่า “ครับ”
ส่วนทางที่ดีที่สุดที่จะได้เสียงเพิ่มเติมในการตั้งรัฐบาล นายเศรษฐากล่าวว่าเสียง สว. ถือเป็นส่วนที่สำคัญ ถ้าจะเอามาหนุนในการโหวตนายกรัฐมนตรีก็เป็นภาคส่วนที่สำคัญ ส่วนตัวรู้จัก สว.แค่ 2 คน คงไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องของหลักการมากกว่า หากหลักการตกลงกันได้และพูดคุยกันรู้เรื่องก็จะได้เสียงสนับสนุนจาก สว. ตนคิดว่าอย่าข้ามขั้นดีกว่า เพราะเรายังผูกมัดอยู่กับ เอ็มโอยู ต้องให้เกียรติคณะเจรจาว่าจะทำอย่างไรกันต่อ หากเจรจาแล้วเห็นเป็นอื่นก็ต้องกลับมาคุยในพรรค จึงจะพิจารณาขั้นตอนต่อไปว่าจะไปอย่างไร ไปกับใคร
เมื่อถามว่าคิดหรือไม่ว่ามีเกมบีบให้พรรคเพื่อไทยต้องข้ามขั้ว นายเศรษฐากล่าวว่าถ้าผมต้องตอบคำถามนี้ ยังไงก็ต้องคิดอยู่แล้ว เป็นธรรมดา ไม่ได้มีโจทย์อะไรที่ซับซ้อนมาก ต่างคนก็ต่างคิดไป แต่สำคัญที่สุดคือคนที่มีอำนาจในหการตัดสินใจ คือกรรมการบริหารพรรคและคณะเจรจา ส่วนเรามีหน้าที่ก็ต้องทำตาม ซึ่งวันนี้ตนเป็นแคนดิเดตนายกพรรคเพื่อไทยก็ต้องเตรียมพร้อม เรื่องเศรษฐกิจที่พรรคมอบหมายมา ไม่ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือเป็นแกนนำ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตนต้องทำ ก็เป็นเหตุผลที่ตนเข้ามาในพรรค นอกเหนือจากการพูดคุยกับผู้ใหญ่ ขอให้ใจเย็นๆ 8 พรรคยังคุยกัน การที่จะเปลี่ยนแปลงมีการข้ามขั้ว หรือมีพรรคอื่นมาเสริม ก็ต้องให้เกียรติกับคณะเจรจา ใจเย็นๆดีกว่ายังมีอีกหลายวันก่อนจะถึงวันที่ 27 คอยกันมานานขนาดนี้แล้ว แต่ทำอะไรก็ต้องให้เกียรติพรรคร่วมที่ทำงานกันมา ซึ่งผลการโหวตเมื่อวานนี้ก็น่าผิดหวัง ต้องยอมรับและเดินต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่ามีสูตรผลักก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน ยังมอบว่าต้องจับมือก้าวไกลไปจนสุดทาง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่าขึ้นอยู่กับว่าสุดทางคืออะไร สุดทางคือพรรคก้าวไกลไม่สามารถเสนอนายกรัฐมนตรีได้แล้ว นี่คือสุดทางหรือยัง ต้องฝากไปที่คณะเจรจา ว่านี่คือสุดทางหรือยัง หากสุดทางแล้วให้พิจารณาว่าพรรคที่มีอันดับสอง จะรวมกันได้หรือเปล่า ก็อยากให้ผ่านไปด้วยดี อย่างไรก็ยังร่วมอุดมการณ์กันอยู่ดี ทั้งเรื่องที่อยากให้มีการร่างเอ็มโอยูใหม่ เรื่องจิตใจที่เป็นประชาธิปไตย ตรงนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ
เมื่อถามว่าหากโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอย่างไรก็ไม่ได้เพราะยังมีก้าวไกลร่วมรัฐบาลจำเป็นหรือไม่ที่ต้องผลักก้าวไกลออก นายเศรษฐากล่าวว่าคณิตศาสตร์เบื้องต้น ลองนับดูก็แล้วกัน ตนว่าทุกคนรู้อยู่
เมื่อถามย้ำว่าตามคณิตศาสตร์เบื้องต้น จะทำตามมติกรรมการบริหารพรรค ยอมเป็นนายกฯโดยไม่มีก้าวไกลใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ร้อง “อุ๊ย ยังไม่ถึงจุดนั้น จุดแรกคือ 8 พรรคต้องพูดคุยกันได้ก่อนว่าขั้นตอนต่อไปคืออะไร หากมีมติว่าเพื่อไทยได้เป็นแกนนำก็ต้องมีการประชุม กรรมการบริหารพรรคก่อน จากนั้นก็ต้องเลือกจาก 3 แคนดิเดตนายก หากไปถึงจุดนั้นก็ต้องว่ากันอีกที ยังเหลืออีกตั้งหลายวัน เสาร์อาทิตย์ไปพักผ่อนกันให้สบาย”