“ดร.ปริญญา” เชื่อเพื่อไทยไม่ทิ้งก้าวไกล  หากทิ้งก้าวไกลประชาชนที่เห็นใจนายพิธาจะมองเป็นผู้ร้าย  ชี้มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จหากมีก้าวไกลร่วม  แค่หาเสียงพรรคอื่นเพิ่มก่อนลมมติครั้งใหม่

 

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  แสดงความคิดเห็นถึงสถานการณ์ การเมืองตอนนี้ว่า

 

-ประเด็นแรก  ที่มีส.ส.พรรคก้าวไกลบางคนบอกว่า  นายพิธายังไม่ถูกศาลตัดสิน  สถานะยังครบถ้วน  มีโอกาสเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีได้  ตอนมองว่าเมื่อวานนี้ที่มีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งที่ 2  ถ้าหากได้คะแนนเสียงในที่ประชุมถึงก็สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้  เพียงแต่ยังปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้เพราะศาลสั่ง  แต่พอเมื่อวานไม่ได้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีก็ทำให้สถานการณ์ที่นายพิธาจะเป็นนายกรัฐมนตรีจบลงแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้นายพิธาก็เคยแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า  ยอมถอยเพื่อที่จะให้เพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล

 

โดยการเมืองไทยตอนนี้ เป็นการใช้เสียงข้างมากของส.ว.และเสียงข้างน้อยของส.ส.  เป็นข้อบังคับในการประชุมรัฐสภา  ซึ่งใหญ่กว่ากระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรี  มันขัดรัฐธรรมนูญ  ก็ทำให้อาจารย์สอนกฎหมายทุกคนไม่พอใจ  เพราะเป็นการเอาการเมืองมาขัดกับหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญ

 

-ประการที่สอง  หลังเกิดประเด็นที่ศาลสั่งยุตติหน้าที่ชั่วคราวของนายพิธา  ตอนก็บอกว่าพรรคเพื่อไทยก็กำลังเตรียมประชุมหารือถึงแนวโน้มของพรรคก้าวไกลว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ  จะยังคงร่วม 8 พรรครัฐบาล  หรือถอยเป็นฝ่ายค้าน  โดยหากพรรคเพื่อไทยจะสลัดพรรคก้าวไกลก็ทำได้ยาก  เพราะที่ผ่านมาเพื่อไทยและก้าวไกลจับมือกันสู้ด้วยกันมาตลอด   เนื่องจากตอนที่ก้าวไกลได้รับชัยชนะจากผลการเลือกตั้งเพื่อไทยก็ประกาศชัดเจนว่าจะไม่จับมือกับพรรครัฐบาลของพลเอกประวิทย์เด็ดขาด 

 

ตนก็มองว่าเพื่อไทยไม่ตีตัวออกห่างจากก้าวไกลเพราะหากทำเช่นนั้นคนจะมองว่าเป็นผู้ร้ายไปด้วย  เพราะตอนนี้ประชาชนต่างสงสารและเห็นใจที่ถูกขจัดสิทธิ์ทางการเมือง ถ้าจะทำให้พรรคเพื่อไทยไม่เสียเลยต้องให้พรรคก้าวไกลเอ่ยปากถอยยอมไปเป็นฝ่ายค้านเอง

 

ซึ่งถ้าเพื่อไทยยอมจับมือกับก้าวไกลไว้  คาดว่าสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้  โดยไปเติมเสียงจากพรรคอื่นเพิ่มเข้ามา  เพราะเพื่อไทยมีอำนาจต่อรองในตอนนี้ ส่วนเรื่องที่หลายฝ่ายกังวลว่าหากก้าวไกลร่วมเป็นพรรครัฐบาลจะยังเดินหน้าแก้ไขมาตราบางอย่าง  ชี้ทำได้ยากเพราะไม่ใช่แกนนำจัดตั้งรัฐบาลแต่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล 

 

-ส่วนประเด็นที่สาม  โอกาสที่จะส่งชื่อพลเอกประวิตรขึ้นชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตนมองว่าเป็นไปได้น้อยมาก  นอกจากเพื่อไทยจะเห็นด้วย ถ้าเพื่อไทยไม่เห็นด้วยพลเอกประวิตรก็ยังมีเสียงลงมติในสภาน้อยไม่ถึงฝั่งฝันที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี

 

ด้าน 3 นักวิชาการเผยโฉมนายกฯคนที่ 30 โดยทั้งสามท่านได้วิเคราห์สูตรจัดตั้งรัฐบาล

 

สูตที่ 1 รวม 8 พรรคเดิม แต่มีเงื่อนไขไม่แก้ ม.112

สูตรที่ 2 แบบไม่มี 2 ลุง

สูตที่ 3 แบบมีลุงป้อม แต่ไม่มีลุงตู่

สูตรที่ 4 แบบมี 2 ลุง

นักวิเคราะห์มองทฤษฎีข้ามต้มมัดนายกฯ จบที่ใคร?

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. พรรคก้าวไกล กล่าวถึงคลิปที่นำมาเปิดประกอบการอภิปรายในที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ว่า ไม่ได้เป็นคลิปลับหรือการตัดต่อคลิปแต่อย่างใด และการประชุมต้องเปิดเผย แต่เชื่อว่าการทำงานของประธานรัฐสภาจากนี้จะคล่องขึ้น หลังจากวันนี้มีปัญหาในหลายเรื่อง

 

พร้อมกันนี้ให้กำลังใจนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ไม่ใช่ว่าจะมาจับผิดกัน ไม่เช่นนั้น ในอนาคตใครจะกล้ามาทำหน้าที่ประธาน  และเห็นสอดคล้องกับรองศาสตราจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล ที่กล่าวว่าหากเป็นนายปดิพัทธ์ สันติภาดา จะกล้าตัดสินใจมากกว่านี้

 

ส่วนผลโหวตของสมาชิกรัฐสภาชี้ว่าจะต้องเป็นไปตามข้อบังคับรัฐสภาข้อ 41  หลังจากที่ประธานรัฐสภาสรุปว่าห้ามเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซ้ำ ส่วนตัวเห็นว่าอาจจะไม่ได้ครบถ้วนตามข้อบังคับ โดยเชื่อว่าหากมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไปสามารถเสนอชื่อเข้ามาใหม่ได้  ไม่ใช่ห้ามเสนอชื่อทุกกรณี  ซึ่งไม่มองเพียงแค่ตัวบุคคล ต้องมองบริบทอย่างอื่นด้วย

 

นอกจากนี้นายวิโรจน์ยังกล่าวถึงบรรยากาศการประชุม  สส. วันนี้ ไม่ได้เครียดเลย โดยรายละเอียดขอให้สอบถามที่เลขาธิการพรรค เชื่อว่าทุกอย่างจะลงตัวขออย่าคิดมาก 

 

สำหรับการประชุมในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้จะต้องมีการหารือกับ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลก่อน  ซึ่งต้องเป็นไปตามมติ ด้วยการเสนอชื่อนายกฯรัฐมนตรีจะต้องเป็นมติของ 8 พรรค ไม่ใช่ของพรรคก้าวไกลพรรคเดียว

 

"เบื้องต้นยืนยันว่าเราจะประคองความกลมเกลียว และความแน่นแฟ้นของ8 พรรคร่วมให้แน่นแฟ้นที่สุด เปรียบเทียบเสมอเหมือนจักรยาน 8 คัน  เดี๋ยวก็รู้ว่าจะเข้าถึงเส้นชัยก็ต้องผลัดกันนำแล้วแต่เป้าหมายของจักรยานทั้ง 8 คันซึ่งเป็นจักรยานแห่งความหวังของประชาชนคนไทยและเข้าเส้นชัยไปด้วยกัน ไม่มีคันไหนเลี้ยวโค้งก่อนทุกวันนี้ยังขับกันอยู่เลย ฝ่ากระแสลม" นายวิโรจน์กล่าว

 

นายวิโรจน์ยังกล่าวถึงกรณีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรคก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้านว่า  ตอนนี้ยังไม่ได้รู้สึกอะไรเนื่องจากยังเชื่อมั่นใน 8 พรรคร่วมเสมอ ไม่มีอะไรที่จะทำให้เรารู้สึกหวั่นไหว ยังคงอยู่กับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจกัน และการไม่นำประเด็นเล็กๆที่จะอาจเห็นไม่ตรงกันมาขยายผล  เชื่อว่าจะสามารถไปต่อได้ ยืนยันเคารพภาคี 8 พรรคร่วม  ยอมรับว่าปัญหามีอยู่แล้วแต่จะพยายามไม่ทำให้ปัญหาลุกลาม จะไม่ให้สัมภาษณ์ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สบายใจมีแต่ให้กำลังใจและให้ความเชื่อมั่นเสมอ

 

นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงกรณีที่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์  เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่ออกมาติงว่าพรรคก้าวไกลฟังด้อมส้มมากเกินไปว่า จะต้องคุยกันใน 8 พรรคร่วม และพร้อมที่จะรับฟังประชาชนทุกคนไม่ว่าจะเป็นประชาชนที่สนับสนุนหรือประชาชนที่ไม่ได้สนับสนุนพรรคก้าวไกล

 

ประวัตินายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย

ชื่อเล่น นิด

เกิด 15 กุมภาพันธ์ 2506

อายุ 60 ปี

คู่สมรส แพทย์หญิงพักตร์พิไล ทวีสิน

บุตร-ธิดา 3คน น้อบ แน้บ นุ้บ

การศึกษา ป.โท สถาบัน Claremont School ด้านบริหารธุรกิจ-การเงิน

การทำงาน

พ.ศ.2529 ผู้ช่วยผู้จัดการผลิตภัณฑ์ที่บริษัท P&G ประเทศไทย (จำกัด)

เม.ย.2553-ปัจจุบัน ดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับลูกพี่ลูกน้องอภิชาตื จูตระกูล และวันจักร บรุณศิริ ก่อนที่เขาจะขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่

พ.ศ.2564 บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ทำกำไรได้สูงถึง 2,000 ล้านบาท ผลประกอบการสูงกว่า 29,000 ล้านบาท

 

เส้นทางการเมือง

พ.ย. 2565 ประกาศตัวว่า ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย

27 ก.พ.2566 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย

เม.ย.2566 เพื่อไทยประกาศให้เป็น 1 ใน 3 รายชื่อบัญชีแคนดิเดตนายกฯของพรรค

ลุงป้อมนั่งนายกฯ กันยานี้ แผนโหวต 7 ครั้งได้อำนาจชอบธรรม