"ธนกร" ชี้ สภาเดินหน้าเลือกนายกฯ ตามรธน.ในระบบรัฐสภา ไม่ใช่ ระบบเลือกประธานาธิบดี อย่างที่มีคนพูด ขอ "พิธา-แกนนำก้าวไกล" สร้างความเข้าใจด้อมส้มใหม่ ติง อย่าเดินเกม 2 ขา บิดเบือนข้อมูล ปลุกระดมม็อบลงถนน หวั่น แตกแยกวุ่นวายอีก
วันที่ 21 ก.ค.66.นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ว่า วันนี้ทุกอย่างเดินไปตามกลไกของรัฐธรรมนูญในการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งแรกไม่ได้ ก็เป็นครั้งที่2 และเมื่อมาถึงครั้งที่3 ก็ต้องเปิดโอกาสให้พรรคอันดับที่ 2 จัดตั้งไปตามกลไกหากอันดับ 2 ไม่ได้ก็ต้องมาที่อันดับที่3 เป็นธรรมเนียมทางการเมืองที่ให้เกียรติผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดอยู่แล้ว แต่กระบวนการต่าง ๆ เข้าใจว่าประธานสภาคงเร่งดำเนินการอยู่ เพราะวันนี้ประชาชนทั้งประเทศรวมถึงภาคเอกชน ภาคธุรกิจต่างๆ ก็รอรัฐบาลใหม่อยู่ ดังนั้นจึงต้องเร่งให้ได้รัฐบาลใหม่โดยเร็ว
เมื่อถามว่าหากก้าวไกลยังดึงเกมไม่ยอมประกาศให้เพื่อไทยเสนอชื่อนายกฯเพื่อจัดตั้งรัฐบาลเสียที จะทำให้เสียเวลาประชาชนทั้งประเทศหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าถ้าเป็นแบบนั้นก็จะเป็นการเสียเวลาประชาชนมากเกินไปเพราะวันนี้การเดินเกมกระบวนการต่างๆทางการเมืองเข้าใจว่าเป็นสิทธิ์ของทุกพรรคที่จะดำเนินการได้ แต่วันนี้พรรคก้าวไกลก็เห็นอยู่แล้วว่าสมาชิกรัฐสภาทั้งครั้งที่ 1 และ2 ก็ไม่สนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีเพราะพรรคก้าวไกลมีนโยบายชัดเจน เรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และยังเดินหน้าต่อ ไม่ยอมลดเพดาน ซึ่งสมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้
“เราไม่ควรที่จะนำเสียงพี่น้องประชาชนที่บอกว่า 14 ล้านเสียงที่ต้องการให้นายพิธาเป็นนายกฯ และมองคนที่ไม่เห็นด้วยไปทำลายความฝันของคนไทยทั้งประเทศ การพูดแบบนั้น ถือว่าไม่ถูกต้องเพราะรู้อยู่แล้วว่าคนไทยมี 60-70 ล้านคน วันนี้การเลือกตั้งของไทยเราไม่ใช่ระบบประธานาธิบดี เป็นระบบรัฐสภากลไกการเลือกนายกก็ต้องมาจะ สส. และ สว. ที่เป็นคนเลือกตามรัฐธรรมนูญหากโหวตว่าไม่ผ่านก็ถือว่าจบไปแต่แกนนำพรรคก้าวไกลเห็นหลายคนก็ชอบอ้างประชาชน ซึ่งของพรรครวมไทยสร้างชาติเกือบ 5 ล้านเสียงที่เป็นเสียงประชาชนเราก็ให้ความสำคัญแต่ต้องเข้าใจระบบการเลือกตั้งว่าไม่ใช่ระบบเลือกประธานาธิบดี เป็นคนละเรื่องกัน
ทั้งนี้นายธนกร ระบุว่า การไปอ้าง ไปบิดเบือนแบบนี้ทำให้ประชาชน เกิดความเข้าใจผิดได้ ซึ่งต้องยอมรับกลไกของระบบเลือกตั้งรัฐสภา จริงๆ แล้วตนก็ให้กำลังใจนายพิธาทุกครั้ง และวันนี้ก็ยังให้กำลังใจอยู่ แต่ในทางการเมืองก็ต้องเดินหน้ากันต่อไป วันนี้ไม่ได้เป็นนายกฯ วันหน้าก็อาจจะได้เป็นก็ได้ใครจะไปรู้ แต่เราต้องยอมรับกติกาบ้านเมือง ยอมรับ กฎหมายตามรัฐธรรมนูญก่อน
เมื่อถามว่า มีประชาชนออกมาแสดงความเห็นทางโซเชียลจำนวนมากโดยคิดว่า เราออกไปเลือกตั้งทำไมถึงไม่ได้นายพิธาเป็นนายกฯทั้งที่ได้คะแนนมากที่สุด นายธนกร กล่าวว่า นี่เป็นการกระทำที่ไม่สมควรทำแบบนี้ เป็นการปลุกระดมที่ให้ข้อมูลที่ผิดๆ บิดเบือนไม่เป็นธรรมสำหรับคนไทยทั้งประเทศ วันนี้การชุมนุมเคลื่อนไหวต่าง ๆ สามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญ เป็นสิทธิเสรีภาพแต่ต้องมาพร้อมหน้าที่ ความรับผิดชอบด้วยโดยการชุมนุมภายใต้กฎหมายบ้านเมืองก็ทำได้แต่ถ้าปลุกระดม สร้างมวลชนกดดันปลุกปั่น ยั่วยุ ทำให้เกิดมีปัญหาขึ้นมาก็ต้องรับผิดชอบ ตนถึงบอกว่าบ้านเมืองเราเดินหน้ามาไกลแล้ว จากที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมได้สร้างให้กับประเทศไทยมา 8-9ปี เดินมาไกลพัฒนามาทุกด้านแล้ว
“แต่วันนี้มีการเดินเกม 2 ขาในสภาก็เดินไป อีกขาหนึ่งก็เดินเกมปลุกม็อบ ปลุกมวลชนลงถนน ใช้ข้อมูลบิดเบือน ปลุกปั่น ยั่วยุแบบนี้ ซึ่งไม่เคยเห็นแกนนำพรรคก้าวไกลรวมถึงนายพิธา ได้ออกมาห้ามปรามว่าไม่ให้ผู้สนับสนุนหรือด้อมส้มหยุดการกระทำเลย ซึ่งแทนที่จะไปขอเสียงสว. แต่ปล่อยให้ด้อมส้มไปถล่มคุกคาม บูลลี่ สว.ทั้งครอบครัว ญาติพี่น้องรวมไปถึงธุรกิจของ สว.ด้วยแบบนี้ถ้าตนเป็นนายพิธา จะพูดคุยสร้างความเข้าใจกับด้อมส้มให้มากกว่านี้ เพราะจะเป็นนายกฯของคนไทยทุกคน ไม่ใช่เป็นนายกฯของเฉพาะด้อมส้ม ขอพูดแบบตรงไปตรงมา เพราะไม่อยากให้มีบรรยากาศแบบนี้เกิดขึ้น”
นายธนกร กล่าวอีกว่า การเลือกนายกฯและครม.ใหม่ก็เลือกไปตามกลไกประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ ใครจะเป็นรัฐบาลก็เป็นไปซึ่งส่วนตัวก็ออกมาตั้งแต่ต้นว่าพร้อมเป็นฝ่ายค้าน หรือเป็นฝ่ายไหนก็พร้อมหมด ไม่ว่าอยู่ตรงไหนถ้าทำหน้าที่ให้กับพี่น้องคนไทยได้ไม่มีความจำเป็น ต้องมาตีโพยตีพายออกมาปลุกระดมมวลชน เพราะจะทำให้บ้านเมืองย้อนไปสู่ความขัดแย้งอีก
สื่อถามว่า ในลำดับต่อไปหากเกิดการพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาล ตอนนี้มีคนของทางเพื่อไทยส่งสัญญาณทาบทามหรือจีบแล้วหรือไม่ นายธนกร ระบุว่าตามที่เลขาธิการพรรคออกมาพูดแล้วว่าตอนนี้ยังไม่มีการทาบทามหรือพูดคุยอะไรทั้งนั้น ซึ่งจริงๆ แล้วเราสามารถพูดคุยกับทุกคนได้อยู่แล้วแต่ต้องหารือภายในพรรคก่อน เพราะเราไม่ได้อยากเป็นโน่นเป็นนี่ซึ่งก็ต้องดูเหตุผลหลายด้าน การทำงานการเมืองเราเคารพมติพรรคและยังไม่ไปถึงตรงนั้นยังมีเวลาอยู่ยังไม่ได้มีการติดต่ออะไรและไม่ได้ไปแสวงหาที่จะพูดคุยซึ่งเราก็อยู่ของเราแบบนี้ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด
นายธนกร ยังกล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงประเทศในวันนี้ห่วงในเรื่องของม็อบและมวลชนเพราะไม่อยากให้คนไทยแตกแยกความสามัคคีกันอีกเพราะกว่าจะทำมา ตลอด8-9 ปีมีอะไรอีกหลายอย่างที่จะต้องทำให้ประชาชนไม่อยากให้คนไทยกลับมาทะเลาะขัดแย้งกลับไปสู่จุดเดิมอีก อยากให้อยู่กันอย่างสงบสุขยึดมั่นในชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ สถาบันที่เรารัก พลเอกประยุทธ์ ย้ำกับตนเสมอ