จากกรณี น้องมีตังค์ เสียชีวิต วัย 3 ขวบ พ่อแม่พาเข้ารักษาที่ รพ.แห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.วังวิเศษ กระทั่งมีไข้สูง ชัก แต่ รพ.แห่งนี้ไม่ยอมส่งตัวต่อไป รพ.ตรังตามที่ร้องขอ อ้างดูแลได้ กระทั่งอาการหนัก ก่อนยอมส่งตัว สุดท้ายเสียชีวิต

ล่าสุดวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางไปที่วัดนาวง ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ ให้กับน้องมีตังค์ หรือ ด.ญ.พิชญวดี อายุ 2 ปี 11 เดือน 28 วัน บรรยากาศโศกเศร้าพ่อแม่กอดกันร้องไห้อย่างหนัก ส่วนย่าของเด็กเสียใจถึงขั้นจะเป็นลม จนญาติๆมาบีบนวดร่างกาย แล้วให้คุณย่านอนพักผ่อน

ไทม์ไลน์น้องมีตังค์ป่วยหนักก่อนเสียชีวิต

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.อนงค์นาถ ปราบรัตน์ อายุ 33 ปี แม่ของน้องมีตังค์ ผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 15 กรกฎาคม 2566 น้องมีตังค์ ได้มีอาการไข้อ่อนๆ ครอบครัวจึงพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลห้วยยอด ซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำอำเภอ ซึ่งที่ รพ.ห้วยยอดได้ทำการเอกซเรย์ แต่ไม่มีความผิดปกติ และให้ยากลับมารับประทานที่บ้าน

พอช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม 2566 น้องมีตังค์ มีไข้สูงและชัก ตัวเองจึงรีบพาไป โรงพยาบาลคู่กรณี เพราะเป็นโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้บ้านกว่า เมื่อไปถึงโรงพยาบาล หมอก็ไม่ได้เอกซเรย์ ไม่ได้เจาะเลือดเพื่อตรวจแต่อย่างใด ตอนนั้นน้องมีตังค์มีอาการตัวร้อน ไอเล็กน้อย และเสียงแหบ ไข้สูงประมาณ 39-40 องศา ตัวเองและย่าของเด็กก็ได้เช็ดตัวให้ลูกอยู่ตลอดเวลา เช็ดจนผิวหนังลูกถลอก แต่แพทย์และพยาบาลก็ไม่ได้ทำการรักษาให้ลูกสาว ให้แต่ยาลดไข้มาทาน แต่อาการของลูกสาวก็ไม่ดีขึ้น ตัวเองจึงอยากย้ายโรงพยาบาล แล้วแจ้งย้ายกับแพทย์ที่เข้าเวรวันนั้น ตั้งแต่วันแรก (16 กรกฎาคม) แต่เขาก็ไม่ให้ย้าย พร้อมบอกว่า รพ.ที่นี่ก็รักษาได้เหมือนกัน

วันที่ 17 กรกฎาคม 2566 ช่วงเช้าลูกสาว มีอาการตัวร้อน ไข้อุณหภูมิอยู่ที่ 39-40 องศา ช่วงค่ำลูกสาวมีไข้ลด แต่ไอเยอะขึ้น ครอบครัวก็แจ้งกับหมอว่าอยากย้ายโรงพยาบาล แต่เขาก็ยังไม่ให้ย้าย

วันที่ 18 กรกฎาคม 2566 ลูกสาวยังคงมีไข้อยู่ที่ 38-40 องศา พบว่าออกซิเจนในร่างกายลูกสาวค่อนข้างต่ำ หมอจึงทำการพ่นยาให้น้อง แล้วให้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ กระทั่งช่วงกลางคืนของวันที่ 18 กรกฎาคม ไข้น้องได้ลดลงเหลือ 37 องศา แล้วตัวเองก็สังเกตว่าในคืนดังกล่าว น้องจะไม่ดื่มนม ไม่ทานข้าว ซึ่งผิดปกติ เพราะทุดวันน้องจะยังทานข้าวได้อยู่

กระทั่งวันที่ 19 กรกรฎาคม 2566 ช่วงเช้าน้องมีตังค์กลับมาไข้สูง 38-39 องศา ช่วงบ่ายน้องมีอาการไอมากขึ้นกว่าเดิม หมอที่พึ่งมาเข้าเวรใหม่ในวันนั้น จึงตัดสินใจให้เอกซ์เรย์ปอด กระทั่งพบว่าปอดทั้ง 2 ข้างของน้องมีลักษณะเป็นฝ้าทั้ง 2 ข้าง หมอคนดังกล่าวจึงบอกว่าอาการน้องเริ่มแย่แล้ว กระทั่งเวลา 18.00 น. มีการส่งตัวน้องมีตังค์จากโรงพยาบาลดังกล่าว

ครอบครัวเศร้า ร้องเพลง H.B.D. น้องมีตังค์ทั้งน้ำตา 

สำหรับน้องมีตังค์ เขาอายุครบ 3 ปี วันนี้ ซึ่งวันนี้ 21 กรกฎาคม เป็นวันคล้ายวันเกิดของลูกสาว ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่นาน ลูกสาวก็ขอตัวเองว่า เขาอยากได้เค้กวันเกิดเป็นสีชมพู ซึ่งทางพ่อและแม่ก็วางแพลนเอาไว้แล้วว่า จะจัดงานวันเกิดเล็กๆภายในครอบครัวให้ลูก แต่สุดท้ายก็ต้องมาจัดงานวันเกิด

ในช่วงค่ำวันนี้ ตัวเองจะมีการซื้อเค้กมาจัดงานวันเกิดให้ลูกที่หน้าโลงศพของเขา ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นงานศพของเขาก็ตาม ตัวเองอยากบอกลูกว่า รักลูกมาก อยากให้เขาไปสู่สุขคติ

รักษาการ ผอ.โรงพยาบาลวังวิเศษ เข้าร่วมงานศพน้องมีตังค์

ช่วงบ่ายวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับแพทย์หญิงปณิดา เพชรรัตน์ รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลวังวิเศษและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลวังวิเศษ ได้นำพวงหรีด 1 พวง มาแสดงความเสียใจกับครอบครัวน้องมีตังค์ ซึ่งพ่อกับแม่น้องมีตังค์ ก็ได้เข้าไปรับพวงหรีดเอาไว้

จากนั้นแพทย์หญิงปณิดา เพชรรัตน์ รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาวังวิเศษ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ตัวเองและเจ้าหน้าที่ของ รพ.วังวิเศษ ได้มาร่วมงานศพของน้อง เพราะอยากแสดงความเสียใจ ต่อครอบครัวเด็กที่เสียชีวิต

ส่วนเรื่องการรักษาที่ล่าช้านั้น อยากจะบอกว่า โรงพยาบาลวังวิเศษ เป็น รพ.เครือข่ายของ รพ.ห้วยยอด อีกที ซึ่งการรักษาเด็กจะต้องมีการปรึกมีการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางที่ รพ.ห้วยยอด ซึ่งทางแพทย์ก็ได้รักษาน้องตามกระบวนการที่รักษา

ส่วนเรื่องกระบวนการที่ล่าช้านั้น ทางเจ้าหน้าที่ก็จะต้องมาทบทวนกระบวนการอีกที แต่ยืนยันว่าแพทย์ได้ทำตามขั้นตอน

ส่วนที่ญาติบอกว่า อยากจะย้ายน้องไปรักษาที่อื่นตั้งแต่วันแรกนั้น ตรงนี้ตัวเองก็ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่ทราบข้อมูลว่า วันแรกที่มารักษานั้น น้องเป็นไข้ชัก ซึ่งทางโรงพยาบาลได้มีการเจาะเลือด แล้วก็ให้น้องนอนรอดูอาการ ตามขั้นตอนการรักษาทุกอย่าง

บีบหัวใจ พ่อแม่เป่าเค้กวันเกิดลูกสาวหน้าโลงศพ คาใจป่วยหนัก 4 วัน รพ.ไม่ส่งต่อรักษา