หลังจากเพื่อไทยได้รับไม้ต่อจากก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาล ได้เปิดเกมคุยกับ 3 พรรคการเมือง
ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยนางสาวพรรณิการ์ วานิช หรือ ช่อ แกนนำคณะก้าวหน้า เกี่ยวกับท่าทีของพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่พูดคำว่าสละเรือขึ่นมากลางวง 8 พรรคร่วมนั้น คุณช่อพูดมาคำแรกว่า นาทีนี้คุณธรรมที่สำคัญสำหรับนักการเมือง คือ การไม่ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน วันที่ประชาชนเดินเข้าไปในคูหาเลือกตั้ง ไม่ได้ไปเลือกฝ่ายค้าน แต่ทุกคนเดินเข้าไปเพื่ออยากจะพลิกขั้วเปลี่ยนข้าง เปลี่ยนเอาฝ่ายค้านมาเป็นรัฐบาล เอารัฐบาลออกไป ส่วนคำว่าเสียสละเนี่ยมันเป็นสิ่งที่เสียได้ถ้ามันเป็นของเรา แต่ความเชื่อมั่นที่ประชาชน 14 ล้านเสียงมีต่อก้าวไกล มันเป็นสิ่งที่สามารถเสียสละได้หรือไม่ มันใหญ่เกินไปหรือไม่ เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนเป็นเจ้าของเสียงของพวกเขา เราไม่สามารถทิ้ง 14 ล้านเสียงของคนไทยลงน้ำได้ คงเป็นการเสียสละที่ใหญ่เกินไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า งงกับคำพูดของที่ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยหรือไม่ คุณช่อขอพูดในฐานะผู้สังเกตการณ์ ในฐานะคนที่เคยทำงานร่วมกับพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์สมัยเป็นสส. บอกไม่แปลกใจในคำพูด เพราะมันประชาชนคงเห็นชัดเจนแล้วว่าการเป็นรัฐบาลคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด บางทีหลักการอาจจะถูกมองข้ามไปเหมือนกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราก็เสียใจเวลามองแบบนี้
ประเด็นที่เพื่อไทยกับภูมิใจไทยคุยกัน คุณช่อมองว่า เป็นสิทธิ์ของเพื่อไทยอย่างแน่นอน พี่จะไปเชิญพรรคไหนมาร่วมจัดตั้งรัฐบาล เมื่อก้าวไกลทำไม่สำเร็จภาระตกอยู่ที่พรรคเพื่อไทยพรรคอันดับสอง สิ่งสำคัญคือต้องดูเงื่อนไขว่าไปเชิญพรรคไหนมามีเงื่อนไขอย่างไร อย่าง พรรคภูมิใจไทยเค้าก็ชัดเจนแล้วว่าเขาไม่เอาก้าวไกล เมื่อเพื่อไทยไปเชิญ ภูมิใจไทยทันที ถือเป็น ความเคลื่อนไหวแรก หลังรับไม้ต่อเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ตอนนี้ทางก้าวไกลเอง ก็คงต้องรอดูในที่ประชุม8พรรคร่วม ว่าเพื่อไทยจะมาแจ้งว่าเงื่อนไขที่เชิญภูมิใจไทยเข้ามาประกอบด้วยอะไร และจะเดินกันต่อไปได้หรือไม่
เมื่อถามถึงประเด็นยอมถอยเรื่อง ม.112 จะเป็นเงื่อนไขที่ทำให้ภูมิใจไทยยอมมาร่วมกับเพื่อไทย ตรงนี้คุณช่ออยากให้ไปดูคือคำพูดของคุณอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ไม่พูดด้วยซ้ำว่าไม่เอา 112 แต่ พูดเลยว่าไม่เอาก้าวไกล เมื่อพูดชัดเจนเลยว่าไม่เอาก้าวไกลก็อยากจะดูรอดู ว่าทางเพื่อไทยจะกลับมาแจ้งกับแปดพรรคร่วมอย่างไร ว่าเงื่อนไข ที่ดึงเอาภูมิใจไทยเข้ามา ต้องมีพรรคที่มี 151 เสียงออกไปเพื่อเอาพรรคที่มี 70 เสียงเข้ามา
นักข่าวถามต่อว่าแบบนี้เรือ 8 พรรคร่วมแตกไหม ประเด็นนี้คุณช่อตอบว่าเมื่อเปลี่ยน ผู้จัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคเป็นการจัดการของพรรคก้าวไกล ตอนที่ก้าวไกลมีภารกิจในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เมื่อเพื่อไทยเปลี่ยนมาทำภารกิจนี้ ก็เป็นสิทธิ์ของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลก็ต้องให้เกียรติในการทำภารกิจนี้ ย้ำว่าก้าวไกลรอฟังจากเพื่อไทยแล้ววันนั้นก้าวไกลค่อยตัดสินใจ ตอนนี้จะพูดอะไรไปคงยังไม่เหมาะสม
ส่วนสัญญาณที่บอกว่าพรรคไหนจะไปจับกับพรรคไหนคุณช่อบอกข่าวลือมันมีมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งว่าเพื่อไทย จับกับภูมิใจไทย และพลังประชารัฐ สูตรนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ 2 เดือนหลังเลือกตั้งสิ่งที่ลือกันดูเหมือนจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ถามว่ากังวลไหมเพื่อไทยนำทัพจัดตั้งรัฐบาล คุณช่อบอกว่าไม่ได้กังวล แต่เราไม่ได้มีทางเลือก ก้าวไกลใช้โอกาสไปแล้วสองเดือนในการจัดตั้งรัฐบาล และชัดเจนว่ากลุ่มผู้มีอำนาจเดิมไม่ยอมให้ก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแน่นอน พูดให้ชัดคือ ไม่ให้ก้าวไกลได้เข้าสู่การบริหารประเทศ เพราะฉะนั้นทางเลือกของก้าวไกลตอนนี้เหลือน้อยมากเพราะถูกบีบจากทุกด้าน ตอนนี้เหลือแค่ว่าเพื่อไทยจะมอบเงื่อนให้กับก้าวไกล แต่ตอนนี้กังวลเสียงคนมากกว่าที่คนในวงกว้างแบบนี้จะให้ไปเลือกตั้งทำไม ตรงนี่บ่อนทำลายประชาธิปไตยในภาพรวม ไม่อยากเห็นภาพนี้ในเมืองไทย