นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง เปิดเผยกับทีมข่าวช่อง 8 ว่ากระบวนการโหวตนายกรัฐมนตรีจะมีกี่สูตรกันแน่ นายชูวิทย์บอกคนไทยเห็นหมดแล้วว่าโหวตนายกฯ เป็นยังไง มีแรงเสียดทานจากใคร อย่างคุณพิธาบอกคะแนนถึงก็ไม่ถึง รอบสองคะแนนน้อยลงไป 2 เสียง ส่วนโหวตวันที่ 27 ก.ค.นี้ เปลี่ยนแกนนำตั้งรัฐบาลคือเพื่อไทย ซึ่งเพื่อไทยต้องเอาคนของตัวเอง คือ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตพรรค ซึ่งสว.เป็นไม้ตายที่จะโหวตหรือไม่โหวตให้นายเศรษฐา โดยไม่มีพรรคก้าวไกล ถ้าก้าวไกลอยู่แล้วส่งชื่อนายเศรษฐา โหวตไม่ผ่าน เท่ากับชื่อเศรษฐาเสียของ เพราะโหวตได้ครั้งเดียว คุณอุ๊งอิ๊งค์เพิ่งมีลูก ทางครอบครัวไม่อยากให้มีอนาคตทางการเมืองเหมือนพ่อ และอา ส่วนคุณชัยเกษม เป็นม้านอกสายตา ดังนั้นพรรคเพื่อไทยต้องพยายามให้นายกฯ ชื่อนายเศรษฐาให้ได้ โดยทำทุกวิธีทางเป็นละครการเมือง ทั้งแห่ขันหมากไปคุยกับรวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ โดยที่แสดงให้เห็นว่าการรวมครั้งนี้ลุงๆ จะวางมือ อยู่เบื้องหลังแทน แต่คนที่อยู่มา 9 ปี วางแต่มือแต่อย่างอื่นทำงานแทน
ถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเสนอชื่อพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จากพรรคพลังประชารัฐ นายชูวิทย์บอกสังคมน่าจะช็อก และรับไม่ได้ ไม่ใช่ว่าลุงป้อมไม่ดี เพียงแต่ว่าภาพลักษณ์มันจะกลับหลังหันไปเลย ดังนั้นวิธีการเปลี่ยนการเมือง ก็ต้องเสนอนายเศรษฐาไปก่อน แต่ทีนี้เวลานี้การเมืองเปลี่ยนทุกวัน ในสัปดาห์หน้าถ้ามีเงื่อนไขว่านายเศรษฐาเข็นไม่ไหว อาจจะตกไปที่ลุงป้อม หรืออาจจะมีนายกฯคนนอกมา อันนี้เป็นไปได้มากกว่า
ประเด็นที่เอา 2 พรรคลุงๆ คือพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติเข้ามาในสูตรรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยเพราะต้องการผ่านเสียงสว. และดังนั้นตอนนี้มีการแปลกเปลี่ยนผลประโยชน์ถึงขนาดมีการวางตำแหน่งครม.รอให้อดีตตำรวจคนดัง (พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องบิ๊กป้อม) มาเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมหาดไทยได้
นายชูวิทย์ บอกให้สังคมรอดูหน้าตาของครม.จะเป็นไปตามที่ว่าไว้หรือไม่ โดยตามข้อมูลที่ได้รับมา เพื่อไทยเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล มีภูมิใจไทย (ได้กระทรวงเดิมคมนาคม กับสาธารณสุข) พลังประชารัฐ(รองนายกรัฐมนตรี+มหาดไทย) รวมไทยสร้างชาติ (กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตร) ประชาชาติ (กระทรวงยุติธรรม) ชาติไทยพัฒนา (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) เสรีรวมไทย (ตำแหน่งแขวนรองนายก) : ข้อมูลจากคุณชูวิทย์
คำถามคือก้าวไกลจะไปอยู่ไหนในเมื่อแบ่งกระทรวงกันเรียบร้อยแล้ว นายชูวิทย์ฟันธงให้ว่าไปเป็นฝ่ายค้าน 100% (ก้าวไกล ประชาธิปัตย์ ไทยสร้างไทย) โดยอ่านจากหมากการเมือง ซึ่งก็คือสันดานของนักการเมืองที่รู้จัก มือยาวสาวได้สาวเอา วงการเมืองร้อยทั้งร้อยไม่มีใครพูดความจริง ที่แห่ขันหมากแค่ละคร ของจริงคือคุยฮั้วกันไว้หมดแล้ว
นายชูวิทย์มองว่าก้าวไกล ไม่คิดว่าพรรคตัวเองจะมาเป็นอันดับ 1 ส่วนเพื่อไทยคะแนนลงลด แต่ด้วยประสบการณ์ในการจัดตั้งรัฐบาลน้อย เลยพลาดเดินเกมไม่เอาพวก ซึ่งจริงๆ แล้วจะตั้งรัฐบาลต้องมือประสาน 10 ทิศ ไม่เอาเขาแต่ต้องคุยกับคนที่ไม่ชอบได้ เพราะต้องการ 376 เสียง บางนโยบายก็ไม่จำเป็นต้องพูด เพราะเพื่อนไม่เอาด้วย เราต้องเอาใจเพื่อน เลยต้องเจอกับเกมการเมือง “แดงกินส้ม ล้มทั้งกระดาน” ตำแหน่งประธานสภาก็ไม่ได้ นายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้ รัฐบาลก็ไม่ได้เข้าร่วม ผู้นำฝ่ายค้านก็จะไม่ได้ แล้วแถมจะโดนยุบพรรค
รอดูสัปดาห์หน้านายชูวิทย์เตรียมเปิดเผยหลักฐานแฉชิ้นสำคัญ เปิดสงครามครั้งสุดท้าย ที่จะให้ประชาชนตัดสินในประเด็นธรรมาภิบาลของคนจะได้รับเสนอชื่อเป็นนายก ให้ปากกล้าขาสั่น ที่ไปบอกคนแดนไกลว่าชี้แจงได้ ก็ขอให้ชี้แจงได้จริงๆ
ขณะเดียวกันการจับสัญญาณสิ้นสุดทางร่วม โดยท่าทีของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ประกาศให้คนหนุ่มเสียสละ
ขณะที่พรรคภูมิใจไทยและรวมไทยสร้างชาติ ประกาศไม่ร่วมงานก้าวไกล แต่เพื่อไทยก็เจรจา
ส่วนพรรคชาตพัฒนากล้า เคยถูกขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ "มีกรณ์ไม่มีกู" จนถอนตัว แต่วันนี้พรรคเพื่อไทยยอมเจรจา
ขณะที่สัญญาณ สว. นายกิตติศักดิ์ ประกาศโหวตหนุนเพื่อไทย แต่ต้องไม่มีก้าวไกล