"รองโฆษกพรรคก้าวไกล" ลั่น ประชาชนไม่ได้เลือกเรามาเป็นฝ่ายค้าน วอนอย่าเพิ่งตกใจ "เพื่อไทย" นัดคุยพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ขอรอดูท่าทีระบุ ยังเชื่อใจ เพื่อไทยจะตั้งรัฐบาลจากมติของพี่น้องประชาชนให้ได้
วันที่ 23 ก.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรุณพล เทียนสุวรรณ ส.ส.กทม.และรองโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐบาลภายหลังพรรคเพื่อไทยได้เชิญขั้วรัฐบาลเดิมมาหารือ เสมือนเป็นการผลักดันพรรคก้าวไกลออกจากการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ ว่า ขึ้นอยู่กับมุมมอง ยังไม่ใช่ข้อเท็จจริง ซึ่งในมุมมองเราก็มองว่า น่าจะเป็นเรื่องของการช่วยกันหาทางออก เพราะพรรคเพื่อไทย ก็ได้แสดงจุดยืนออกมาแล้วว่า ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก็จะต้องมีการพูดคุยกับพรรคต่างๆ เพื่อให้ช่วยโหวตหนุนจัดตั้งรัฐบาล เพื่อให้ประเทศไทยมีทีมบริหารชุดใหม่ แต่ยอมรับว่า ภาพที่ออกมาหลายฝ่ายกังวล เพราะมันเป็นพรรคขั้วตรงข้ามกัน จะมาสืบทอดอำนาจต่อหรือไม่ ส่วนตัวคิดว่าอย่าเพิ่งตกอกตกใจ เพราะยังอยู่ในขั้นของการพูดคุยขอให้รอความชัดเจนภายหลังดีกว่า
สำหรับพรรคก้าวไกล ยังคงเชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทย ที่เขาพยายามแสวงหาฉันทามติที่ดีที่สุด ที่จะสามารถตั้งรัฐบาลจากมติของพี่น้องประชาชนให้ได้ ตอนนี้พรรคก้าวไกลจึงยังคงรอดูท่าทีของพรรคเพื่อไทย ในทางหนึ่งเราก็กำลังดูเรื่องของการยื่น เรื่องให้กับผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการลงมติของสภา ในเรื่องของมาตรา 41 ด้วย โดยคาดว่าจะดำเนินการได้ในสัปดาห์หน้า
เมื่อถามว่าตอนนี้เหมือนทางแกนนำพรรคก้าวไกล หลายคนก็ออกมาส่งสัญญาณ ว่า แม้จะพยายามให้ออกแต่จะไม่ออก นายกรุณพล กล่าวว่า มันมีเสียงตั้งคำถามมาจากพรรคการเมืองอื่น ที่ให้เราออกไปเถอะเพื่อเสียสละ แต่มันก็ต้องมองหลายมุมว่าถ้าเราออกไปเป็นการเสียสละให้ใคร เสียสละให้พรรคการเมืองคุณได้สืบทอดอำนาจต่อหรือเสียสละให้ประชาชน วันนี้ประชาชนเสียสละไปลงคะแนนแล้ว และก็ออกมาเป็นฉันทามติที่ชัดเจน ว่า 8 พรรคร่วม มีความชอบธรรมที่จะร่วมกัน จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก
เมื่อถามว่าพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ก็ออกมาพูดในลักษณะที่ว่าอยากให้คนหนุ่มสละออกจากเรือ นายกรุณพล กล่าวว่าคงต้องไปหาพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ว่า คนหนุ่มที่พูดถึงนี่คือใคร แต่จริงๆแล้วท่านก็สามารถที่จะมีความเห็นทางการเมืองได้ แต่จะได้รับการตอบรับจากพรรคร่วม จากประชาชนหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เมื่อถามว่า คิดอย่างไรกับคำพูดที่พรรคก้าวไกลควรออกไปเป็นฝ่ายค้าน นายกรุณพล กล่าวว่า ประชาชนไม่ได้เลือกให้เรามาเป็นฝ่ายค้าน
"ฉันทามติประชาชนไม่ได้อยากให้เราเป็นฝ่ายค้าน เสียงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน เราก็มาเป็นที่หนึ่ง รวมถึงพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิม ก็ประกาศฉันทามติแล้วเซ็น MOU ร่วมกันมีเสียงรวม 24 ล้านเสียง จาก 30 กว่าล้านเสียง นั้นเท่ากับ 70% ของประชาชนที่มาลงคะแนน ว่า อยากจะให้ประเทศไทยไปในทิศทางไหน เราจึงมองว่า ควรจะเป็นฉันทางมติของพี่น้องประชาชน เดินไปในทางที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศได้เลือก"
นายกรุณพล ส่วนตัวมองว่าตอนนี้ยังมีหลายทางออกไม่ว่าจะเป็นการรออีก 10 เดือน หรือจะฉีด MOU เพื่อร่วมมือกับพรรคอื่น ไม่ว่าจะเป็นทางไหน มันก็ย่อมมีผลกระทบกับแต่ละพรรคอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า การที่ดันพรรคก้าวไกลออกไปเป็นฝ่ายค้าน มันจะไม่ทำให้เกิดความวุ่นวายใช่หรือไม่ เพราะแค่วันนี้ก็เห็นภาพผู้สนับสนุนของฝ่ายส้มและแดงออกมาทะเลาะกัน นายกรุณพล กล่าวว่า เราไม่อยากให้คนมองว่า การออกมาเคลื่อนไหวของผู้สนับสนุนมีพรรคก้าวไกลอยู่เบื้องหลัง ให้คนมองว่าพรรคก้าวไกลไม่ยอมรับกติกา ดังนั้น ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ก็คงต้องทำความเข้าใจกับผู้สนับสนุน ว่ากติกาเป็นแบบนี้และเรากระโดดลงมาในกติกา ที่เรารู้อยู่แล้วว่าโจรเป็นคนเขียน แล้วถ้าเราต้องแพ้เราก็ต้องสู้ในแนวทาง ที่มันถูกต้อง จะไปใช้วิธีการเดียวกับโจร เราไม่ได้มีอุดมการณ์แบบนั้น