จากกรณีเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (23 ก.ค.) ตำรวจ สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต 1 บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่งในบ้านเขาอ่างแก้ว ต.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง
ทีมข่าวไปตรวจสอบพบร่างของนายชาลี หรือ หลิ้ม อายุ 34 ปี สภาพไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงขาสั้น ถูกจ่อยิงด้วยอาวุธปืน เข้าที่ขมับ ซ้าย 1 นัด นอนเสียชีวิตอยู่ภายในร่องน้ำหน้าบ้าน ข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า นายชาลีผู้ตายเพิ่งพ้นโทษในคดีข่มขืนและคดียาเสพติดออกมาจากเรือนจำได้เพียง 5 วัน ก่อนมาถูกจ่อยิงเสียชีวิต
วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับ นางสุรินทร์ อายุ 61 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ลูกชายของตนเองเพิ่งพ้นโทษออกจากคุกมาเมื่อ 17 กรกฎาคม และล่าสุดมาถูกนายเอ สามีนางอ้อยว่า ลูกชายไปข่มขืนนางอ้อย ซึ่งไม่เป็นความจริงลูกชายสู้คดีจนศาลยกฟ้องคดีข่มขืน แต่ถูกดำเนินคดีฐานบุกรุกแทน ทำให้ลูกชายได้รับโทษติดคุกประมาณ 1 ปีเศษ
ตนเองสงสัยนายเอว่าจะเป็นลงมือยิงลูกชายหรือไม่ ซึ่งตนเองสงสัยนายเอ เป็นผู้ต้องสงสัยคนที่ 1 ส่วนผู้ต้องสงสัยคนที่ 2 คือ นายดาว เจ้าของบ้านที่พบศพลูกชาย เพราะก่อนหน้านี้ นายดาว เคยมีปัญหากับ นายชาคริตลูกชายคนเล็ก ซึ่งเป็นน้องของนายชาลี เพราะ นายชาคริต เคยให้โชกรถมอเตอร์ไซค์กับลูกสาวนายดาว จากนั้น นายชาลี ลูกชายได้ตามไปเอาคืน จึงมีปัญหาทะเลาะกัน แต่ไม่ถึงมีเรื่องชกต่อยกัน
และผู้ต้องสงสัยคนที่ 3 อาจจะเป็นนายต้อม เพื่อนวัยรุ่นข้างบ้านหรือไม่ เนื่องจาก ก่อนหน้าจะติดคุกลูกชายก็เคยมีเรื่องชกต่อยกับนายต้อมมาเเล้ว โดยมีปัญหากันเรื่องเสพยาเสพติด และนายต้อมเคยกล่าวหาลูกชายว่า ไปขโมยของที่ร้านค้าของแม่นายต้อม ซึ่งเป็นไม่เป็นความจริง
ซึ่งผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คน ตนเองเชื่อว่า ต้องมีสักคนที่เป็นคนร้ายตัวจริง เพราะนอกเหนือจากนี้ลูกชายก็ไม่เคยมีศัตรูที่ไหน
ผู้ต้องสงสัยรายที่ 1 ยืนยันไม่ได้ฆ่า เขาคือเพื่อนสนิท
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ทีมข่าวเดินทางไปยังจุดที่พบศพ พบว่า ผู้ตายถูกยิงตายบริเวณร่องน้ำฝั่งตรงข้ามบ้านของตัวผู้ตายเอง ซึ่งเป็นบ้านของนายประเสริฐ หรือ ดาว เพื่อนบ้าน โดยในที่เกิดเหตุไม่มีกล้องวงจรปิด และไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปที่ สภ.ท่าไม้รวก พบว่า ตำรวจได้เชิญตัวผู้ต้องสงสัยทั้งหมด 2 ราย มาสอบปากคำที่โรงพัก
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ ผู้ต้องสงสัยรายที่ 1 คือ นายเอ หรือ ธีรพล อายุ 37 ปี ซึ่งบ้านอยู่ห่างจากจุดที่พบศพประมาณ 2 กิโลเมตร เจ้าตัวให้ข้อมูลว่า ตนเองเป็นเพื่อนสนิทของนายชาลีผู้ตาย รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เรียนมาด้วยกัน แต่พักหลังได้มีปัญหาทะเลาะกัน เนื่องจาก นายเอ ได้ก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเรานางสาวอ้อย (นามสมมติ) ภรรยาของตนเองเมื่อช่วงปี 65
นายชาลี ได้หลอกว่าจ้างให้ภรรยาของตนเองไปถางหญ้าที่บ้าน บอกจะให้เงินจำนวน 200 บาท แต่เมื่อภรรยาตนเองไปถึง นายชาลีผู้ตาย กลับกระชากแขนภรรยาเข้าไปภายในบ้านพัก และข่มขืนกระทำชำเราภรรยาของตนเอง
ต่อมาตนเองเมื่อทราบจากภรรยา จึงได้นำเรื่องแจ้งผู้ใหญ่บ้าน เพื่อประสานตำรวจจับตัวนายชาลีให้รับโทษ แต่จากนั้นผ่านไปเพียง 1 ปีเศษ นายชาลีได้ต่อสู้คดีจนได้พ้นคุกออกจากเรือนจำเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา
แต่ตนเองยืนยันว่า ตนเองไม่ใช่คนร้ายที่ลงมือฆ่านายชาลี เพราะหลังจากนายชาลี พ้นออกจากคุกมาได้ 2 วัน คือวันที่ 19 กรกฎาคม นายชาลีได้เดินทางมาหาที่บ้าน และเข้ามาขอโทษตนเองและภรรยากับสิ่งที่ทำลงไป ตนเองเห็นว่าเป็นเพื่อนกัน จึงได้ยกโทษให้ และเลิกแล้วต่อกัน
เมียผู้ต้องสงสัยคนที่ 2 เปิดใจไม่เกี่ยวข้อง
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้สอบถามนางเดือน ม่วงไหมทอง ภรรยาของนายประเสริฐ หรือ ดาว ผู้ต้องสงสัยคนที่ 2 ซึ่งตำรวจได้เชิญตัวมาสอบปากคำเช่นเดียวกัน เนื่องจาก นายชาลี ถูกยิงเสียชีวิตในร่องน้ำ ซึ่งอยู่บริเวณหน้าบ้านของนายประเสริฐพอดี โดยเจ้าตัวยืนยันว่า สามีของตนเองก็ไม่เกี่ยวข้องเหมือนกัน พร้อมกับให้ข้อมูลว่า 2 ทุ่มคืนที่ผ่านมา ตนเอง สามี เพื่อนบ้าน และแม่ของตนเอง ได้นั่งกินข้าวอยู่ภายในบ้านพัก
ระหว่างนั้นได้ยินเสียงปืนดัง 2 ชุด ชุดแรกดัง 3 นัด ส่วนชุดที่ 2 ดัง 2 นัด ตอนนั้นทุกคนก็ตกใจ แต่ไม่กล้าเปิดประตูออกมาดู เพราะปกติวันรุ่นในหมู่บ้านชอบยิงปืนเล่นในหมู่บ้านเป็นประจำ
กระทั่งช่วง 7 โมงเช้า สามีได้ออกจากบ้านมาซ่อมรถ และใช้ให้ตนเองช่วยเดินหาน็อตอะไหล่รถยนต์ และสามีบอกให้ตนเองลองไปดูแถวสแลนหน้าบ้าน แต่เมื่อตนเองเดินไปถึงก็พบว่า สแลนหน้าบ้านล้มอยู่และมองไปก็พบศพนายชาลีนอนอยู่ในร่องน้ำใกล้สแลน จึงรีบวิ่งไปหาสามีและสามีได้โทรศัพท์แจ้งผู้ใหญ่บ้านและแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ
ยืนยันว่า ตนเองและสามีอยู่ด้วยกันตลอด และยืนยันได้ว่า สามีไม่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนายชาลีแน่นอน เพราะไม่เคยมีปัญหากัน โดยตนเองเห็นนายชาลีครั้งสุดท้าย คือช่วงเช้าเมื่อวานนี้ ซึ่งท่าทางปกติ ไม่คิดว่าจะถูกดักยิงเสียชีวิต
แม่นายต้อม เชื่อลูกชายไม่เกี่ยวข้อง รับมีปัญหากันจริง
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปที่ร้านค้าของแม่นายต้อมผู้ต้องสงสัยคนที่ 3 โดยแม่นายต้อมให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตนเองเข้านอนแล้วได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดก็จริงแต่ไม่ได้ออกมาดู เพราะคิดว่าวัยรุ่นจุดประทัดเล่นกันเฉยๆ ส่วนลูกชายก็เพิ่งพาเมียของตัวเองออกไปส่งโรงพยาบาล เพราะก่อนหน้านี้ 5 วันที่แล้ว เมียลูกชายรถล้ม จึงต้องพาไปทำแผล และต้องไปทำเรื่องเบิกเงินจากประกัน พรบ. รถ ซึ่งช่วงเวลาที่ได้ยินเสียงปืน ลูกชายของตนเองออกจากบ้านไปก่อนหน้านี้แล้ว จึงมั่นใจว่า ลูกไม่เกี่ยวข้อง
ส่วนปมขัดแย้งกับผู้ตาย ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ลูกชายเคยทะเลาะกับนายชาลีเรื่องที่นายชาลีเคยแอบขโมยเครื่องตัดเหล็กที่ตนเองยืมชาวบ้านมาใช้ ซึ่งหายไปจากร้าน แต่นายชาลีไม่ยอมรับ ทำให้ลูกชายกับนายชาลีไม่ลงรอยกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
โดยตอนนี้ ลูกชายของตนเองทราบข่าวแล้วว่า ตำรวจกำลังตามตัว แต่ลูกชายยังติดว่าต้องดูเมียก่อน ที่รถล้ม ทำให้ยังไม่ได้เข้าไปพบตำรวจเพื่อสอบปากคำ แต่ตนเองมั่นใจว่า ลูกชายตนเองไม่เกี่ยวข้อง ถึงแม้ว่า บ้านของตนเองจะอยู่ใกล้จุดที่พบกระสุนปืนตกบนถนนก็ตาม