โลกออนไลน์ขุดคลิป เมื่อ 4 เม.ย.66 ซึ่งเป็นภาพของนายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล ตะโกนต่อว่าแกนนำพรรคเพื่อไทย ประนามว่าไม่เคยดู ผมติดคุก ไม่เคยมีใครมาดู แคนดิเดตนายกฯคุณไม่เคยต่อสู้ จึงมาเรียกร้อง
วันนี้นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำพิราบขาว 2006 เดินทางที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อยื่นหนังสือให้ ป.ป.ช. พิจารณาเอาผิด คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในมาตรา 157 กรณีไม่ส่งคำร้องยุบพรรคเพื่อไทยตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 และ 93 โดยมีนายพิศิษฐ์ พัฒนกิจจำรูญ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ เป็นผู้รับหนังสือ
หลังยื่นหนังสือ นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ถึงเหตุผลที่ยื่นหนังสือให้ป.ป.ช. พิจารณาเอาผิดยุบพรรคเพื่อไทย เนื่องจากที่ผ่านมาตนยอมรับว่าเคยเป็นแกนนำกลุ่มมวลชนเสื้อแดงเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยและสนับสนุนพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด จนกระทั่งได้รับโทษจำคุก ก็ไม่เคยมีคนจากพรรคมาแสดงความช่วยเหลือตน จนตนได้รับการอภัยโทษจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตนจึงซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณและกลับตัวคิดดี และต่อจากนี้จะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง
พอเกิดสถานการณ์ทางการเมืองหลังเลือกตั้ง 2566 ตนก็ได้วิเคราะห์เกมการเมืองที่ผ่านมาจนตกผลึกว่า 1.พรรคเพื่อไทยไม่จริงใจกับประชาชน โดยไม่ได้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริงที่ผ่านมาต่อสู้เพื่ออำนาจบางอย่าง และ 2. พรรคดำเนินการผิดระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งมาตรา 28 และ 29 ซึ่งปล่อยให้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้มิใช่สมาชิกครอบงำพรรค โดยอนุญาตนายณัฐวุฒิซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ช่วยกิจการงานของพรรคเพื่อไทย เป็นเหตุให้สามารถหยุดพรรคได้พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 และ 93
จึงเป็นที่มาของการยื่นหนังสือขอให้ยุบพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ ยืนยันตนทำหน้าที่ของคนไทยที่ต้องการ เรียกร้องประชาธิปไตย แม้ว่าส่วนตัวจะไม่ได้ชื่นชอบแนวทางของพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน ชี้การยื่นหนังสือครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกรณีช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ที่ตนตะโกนด่าเพื่อไทยประชาธิปไตยจอมปลอม ขณะกำลังกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ด้านหน้าอาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง ในวันที่สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เผยเหตุการณ์ตอนนั้นตนไม่ได้ตั้งใจจะตะโกนด่า แต่อยู่อยู่มีความรู้สึกว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้จริงใจต่อคนเสื้อแดงที่เชิดชูพรรคจึงเกิดการกระทำดังกล่าว
ในส่วนอนาคตที่เพื่อไทยจะตัดสินใจพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคสองลุงหรือไม่ ตนเชื่อว่าเพื่อไทยสามารถทำได้เพื่อให้บรรลุอำนาจ เพราะเพื่อไทยยึดหลักประชาธิปไตยจอมปลอมมานานแล้ว ที่ผ่านมาก็เคยเตือนพรรคที่จะไปร่วมงานกับเพื่อไทย ให้ทุกคนรอจับตามองเพื่อไทยกับก้าวไกลที่เคยจูงมือกันเซ็นสัญญาmou พร้อมประกาศไม่จับมือกับพรรคลุง ถ้าจับมือจะมีบางคนขอลาออก หากเกิดพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาลจริงคนที่เคยประกาศพร้อมลาออกหรือไม่
นอกจากนั้นตนยังมองว่านายเศรษฐาไม่ใช่นายกรัฐมนตรีตัวจริงที่เพื่อไทยวางไว้ ตนมองว่าคือคุณแพรทองธาร เนื่องจากคุณทักษิณเป็นคนไม่ไว้วางใจใครนอกจากคนใกล้ชิด ซึ่งพฤติกรรมของคุณเศรษฐาที่ผ่านมาที่อยู่ในวงการธุรกิจ เคยใช้อภิสิทธิ์ในการทำสะพานแล้วเบี่ยงเบนเจตนามาเก็บค่าผ่านทาง แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่ารู้สึกอย่างไรต่อคนใช้ร่วมทาง ให้รอคุณชูวิทย์เปิดโปงก่อน ไม่แน่ตนอาจจะเปิดโปงต่อจากนั้น
ทั้งนี้ในส่วนก้าวไกลตนก็ไม่สนับสนุนพรรคนี้เช่นกัน เนื่องจากต้นจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 ตนขอรอดูท่าทีวันที่ 27 กรกฎาคมในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 3 หากเกิดการพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาลจริง อาจเห็นตนนำมวลชนลงท้องถนนเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย