จากกรณีพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลังจากศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ชั่วคราว โดยชื่นชม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า "มีคุณสมบัติความเป็นผู้นำสูง คนแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ ขณะถูกศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่เขากลับทักทายร่ำลาโบกมือ คุมอารมณ์ได้ดีมาก ไม่มีอาการสั่นเครือ หรือร่ำไห้ออกมา เลือกตั้งรอบหน้าคะแนนฉลุย พร้อมดึงสติด้อมส้ม"
วันนี้(24ก.ค.66) กลุ่มที่เรียกตัวเองว่าศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน(ศปปส.) ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง ผอ.สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ถ. พุทธมณฑลสาย 4 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม กรณีพระพยอมแสดงออกทางการเมือง เชียร์พิธาจนเกินงามไม่เหมาะสมกับสมณเพศ
ล่าสุด เวลา 13.30 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อสอบถามกรณีดังกล่าวกับพระพยอม กัลยาโณเจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าวว่า เรื่องนี้ใครจะด่าจะว่าชอบใครเชียร์ใครชื่นชมยังไง หรือสาปแช่งอย่างไรก็ตาม จงถือหลักพระพุทธเจ้าว่าถ้าของอะไรไม่ดีโยนมาเราเป็นเจ้าของบ้านเราก็ต้องตั้งคท่าให้ดีว่าไม่รับของของเขา คืนให้เขาไปอย่าไปรับของเสียของเน่า ส่วนการเมืองมีการร้องเรียนฟ้องร้องขึ้นศาลกลุ่มนี้กลุ่มนั้นสีนี้สีนั้นมาตลอด ขอให้เรารู้หลักธรรมและอยู่กับสิ่งเหล่านี้ อย่าไปร้อนลุ่มกลุ้มทุกข์ คนที่ว่าอาตมาเนื่องจากไปเชียร์อีกพรรคการเมืองนึง ต้องดูว่าเชียร์ชอบ ขนาดไหนถึงเรียกว่าเชียร์แบบเสียหาย เชียร์ว่าเขาเก็บอาการดีไม่น้ำตาไหลไม่เสียงสั่นเครือ ที่ต้องโดนออกจากสภา เชียร์เรื่องแค่นี้หรือหาว่าได้เปรียบเสียเปรียบ พระพุทธเจ้าบอกว่าต้องยกย่องคนที่เก็บอารมณ์ดี และต้องตำหนิติเตียนคนที่อารมณ์เสียตลอดเวลา ใครชอบใครทำใครด่าใครแจ้งช่างเขาขอให้ใจเราร่มเย็นเป็นพอ อย่าไปฟังชื่นชมแล้วใจฟู พอโดนตำหนิติเตียนแล้วใจแฟบ ถ้าเป็นพระอย่างนี้ต้องไปกินหญ้า ต้องดูว่ายกย่องคนแล้วเสียหายทางพุทธศาสนาไหม ไม่ได้ยกย่องทุกเรื่อง
ขณะเดียกัน ฟลุ๊ค พชร ธรรมมล โพสต์แสดงความคิดเห็นทางการเมือง โดยใจความสำคัญ คล้ายๆต่อว่าพรรคก้าวไกล ที่ทำให้พรรคเพื่อไทย
ด้านนายพันธ์เลิศ ใบหยก ประธานกรรมการเครือโรงแรมใบหยก เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ในขณะนี้ คิดว่าให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีเป็นแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยดีที่สุด ส่วนจะมีพรรคไหนมาผสมร่วมด้วยนั้นตนไม่สนใจ ขอให้มีรัฐบาลใหม่โดยเร็วที่สุด เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศเดินหน้า เพราะตอนนี้เศรษฐกิจไทยค่อนข้างเปราะบาง และพรรคเพื่อไทยมีนโยบายเน้นเรื่องเศรษฐกิจมากกว่าความมั่นคงและสังคม ซึ่งตนมองว่าน่าจะตรงใจนักธุรกิจและฟื้นความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างประเทศได้
"ผมอยากเอาใจช่วยให้เพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จและทุกฝ่ายยอมรับได้เพราะเป็นทางเลือกดีที่สุดในทางเลือกที่มีอยู่ในเวลานี้ เขาจะได้มาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งผมไม่ติดใจว่าจะผสมกับพรรคไหน จะมีพรรคก้าวไกลหรือไม่มีพรรคก้าวไกลก็ตาม ซึ่งอาจจะไม่ถูกใจคนทั้งหมด อย่าใช้อารมณ์แก้ปัญหาและปัญหาบ้านเมืองสำคัญที่สุด ถ้ามัวแต่เกี่ยงกันจะยิ่งล่าช้า เศรษฐกิจจะยิ่งชะงักหรือการที่จะให้รอ 10 เดือนจนกว่าสว.จะหมดวาระ ผมว่าไม่ใช่ทางเลือกที่ดี เพราะประเทศชาติจะยิ่งเสียหาย หากปล่อยให้มีรัฐบาลรักษาการนาน "นายพันธ์เลิศกล่าว
นายพันธ์เลิศ กล่าวว่า สำหรับการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยน่าจะส่งนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าจะผ่านโหวต ซึ่งนายเศรษฐาถือว่าเหมาะสมที่สุดในชั่วโมงนี้ และการมีนายรัฐมนตรีสำคัญที่สุดในการบริหารประเทศ แม้คนที่มาทำหน้าที่อาจจะไม่ถูกใจใครทั้งหมดก็ตาม ดังนั้นทางออกที่ดีสุด พบกันครึ่งทาง อย่ายึดมั่นถือมั่น และรีบตั้งรัฐบาลขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำทั้งรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี อาจมีผสมผสมระหว่างพรรคขั้วรัฐบาลเดิมและขั้วใหม่ ส่วนพรรคก้าวไกลแม้ไม่ได้สมัยนี้ ก็รอสมัยหน้า ขอให้อดทนรอ ค่อยๆแก้ไขเปลี่ยนแปลงกันไป ซึ่งอาจไม่ต้องรอถึง 4 ปี เพราะหากสว.หมดวาระแล้วอาจมีการเปลี่ยนใหม่ก็ได้