ชาวโซเชียลแห่ขุดคลิปเก่าแกนนำเพื่อไทย ตอนขึ้นเวทีปราศรัย ว่าจะไม่ข้ามขั้ว ไม่จับมือกับสองลุง หลังพรรคเพื่อไทยเจรจาหารือกับพรรคขั้วรัฐบาลเดิม

 

โดยเป็นคลิปแรกวันที่ 21 เม.ย. 66 นายเศรษฐา แคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย เคยพูดไว้ว่าไม่รวมงานกับพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติ และยืนยันว่าจะไม่จับมือกันด้วย ขอพี่น้องประชาชนเป็นพยานให้ด้วย เพราะสองพรรคนี้มีส่วนในการร่วมรัฐประหาร

 

ต่อมาเป็นคลิปวันที่ 1 พ.ค.66 นายเศรษฐาได้พูดบนเวทีปราศรัยว่าไม่เคยมีดีลว่า หากเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง นายกฯจะเป็นลุง นายกรัฐมนตรีต้องมาจากพรรคเพื่อไทยเท่านั้น เราไม่ไหวแล้วกับสองลุง พี่น้องเดือดร้อนมานาน

 

ต่อมาเป็นคลิปวันที่ 15 ม.ค.66 เป็นคลิปอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร พูดปราศรัยบนเวทีเพื่อไทย โดยในคลิปพูดว่า เอาลุงกลับบ้านไป เพื่อไทยมาแล้ว เอาลุงกลับไปเลี้ยงหลาน ลุงโทนี่ก็น่าจะกลับมาเลี้ยงหลานบ้าง

ต่อมาวันที่ 18 เม.ย.66 อุ๊งอิ๊งก็ได้พูดอีกว่า เรื่องจับมือ อยากหทุกคนดูหน้าดิฉันไว้ ไม่ได้ชอบการรัฐประหารที่เกิดขึ้นสองครั้ง คนที่ทำรัฐประหารมา ดิฉันอยากจับมือด้วยไหม อันนี้ ควรเป็นคำตอบที่ประชาชนน่าจะทราบดีอยู่แล้ว

 

วันนี้ 25 ก.ค.66 พรรคเป็นธรรมโพสต์ประกาศจุดยืนผ่านทางโซเชียลโดยมีภาพและข้อความว่า พรรคเป็นธรรมไม่เสียดายแม้อาจไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่จะเสียดายมากกว่าที่ไม่ด้ำงานร่วมกับกลุ่มผู้มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย พรรคเป็นธรรมขอยืนหยัดเคียงข้างประชาชน ก้าวไกลไปไหน เราไปด้วย!

 

นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ที่อาคารไทยซัมมิท ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย เลื่อนการประชุม แกนนำ8พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ว่า ได้รับแจ้งจากเพื่อไทยว่าภารกิจที่ได้รับมอบหมายมีไม่มากเท่าที่ควร ส่วนจะมีการนัดหมายกันอีกครั้งเมื่อไร ทางพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้แจ้ง เนื่องจากคิดว่าน่าจะมีการเลื่อนการประชุมรัฐสภาในสัปดาห์นี้ เพราะล่าสุดได้รับแจ้งจากสภา ว่า การประชุมวิป 3 ฝ่ายพรุ่งนี้ได้ของดไปแล้ว จึงมีความเป็นไปได้ที่ประธานสภา จะงดประชุมในวันที่ 27 กรกฎาคมไปด้วย ส่วนด้วยเหตุผลอะไรยังไม่ได้รับแจ้งมา

 

เมื่อถามว่า ตอนนี้เริ่มมีท่าทีอย่างพรรคไทยสร้างไทยออกมาพูดว่าไม่สนับสนุนให้แก้ ม.112 จะถือเป็นสัญญานอะไรหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่าไม่ เพราะสิ่งที่เราได้คุยกันมาโดยตลอดตั้งแต่ทำ MOU ก็คือ ม.112 ไม่ได้เกี่ยวข้องในการร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว

 

เมื่อถามว่า 8 พรรคการเมืองยังจับมือกันแน่นอยู่หรือไม่ หลังมีกระแสข่าวว่า ข้าวต้มมัดเริ่มปริ นายชัยธวัช กล่าวว่า อย่าเพิ่งสรุปแบบนั้น

 

เมื่อถามว่า กรณีพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ขอให้เพื่อไทยเป็นแกนนำ ทำMOU ใหม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ขอให้รอฟังพรรคเพื่อไทยดีกว่า ตอนนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่ส่งสัญญานมา

 

ส่วนพร้อมหรือไม่หากมีการทำMOUใหม่นั้น ก็ต้องไปดูในรายละเอียด ตนคิดว่าการที่พรรคเพื่อไทยขอเลื่อนประชุม สะท้อนว่า มีการพยายามหาทางออก ให้ดีที่สุดในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน และตอนนี้ทางฝั่งตนได้พูดคุยกับทาง สว.ที่คราวที่แล้วยับไม่ได้โหวตให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งตอนนี้ก็มีสัญญานจากหลายคนว่าพร้อมจะโหวตให้หากมีการเปลี่ยนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

 

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะให้พรรคเพื่อไทยทำทุกอย่าง หรือทางฝั่งพรรคก้าวไกลต้องมีเงื่อนไขอะไรไปแลกหรือไม่นั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า การประชุม 8 พรรคครั้งที่แล้ว พรรคก้าวไกลได้ส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยได้ให้พรรคเพื่อไทยหาแนวทางออกมานำเสนอในที่ประชุม

 

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ยังไว้ใจพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ยังมีความไว้วางใจ ส่วนจะต้องบอกกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ว่าไม่เอาพรรคสองลุง นายชัยธวัช กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยก็น่าจะทราบจากข่าวอยู่แล้วว่ามติที่ประชุว สส.เป็นอย่างไร ทั้งนี้พรรคก้าวไกลยังยึดมั่น ในเป้าหมายสำคัญที่สุดคือการพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดตั้งรัฐบาล ภายใต้พื้นฐานของ 8 พรรคการเมือง ให้สำเร็จตามเจตจำนงค์ที่ประชาชนได้ให้ไว้แล้วภายหลังการเลือกตั้ง

 

ส่วนการร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยนั้นก็คงต้องให้ความเป็นธรรมกับพรรคเพื่อไทยด้วยว่า พรรคเพื่อไทยแม้จะมีการเชิญมาพูดคุยกัน แต่ไม่ใช่เชิญมาร่วมจัดตั้งรัฐบาล เพียงแต่เป็นการรับฟังความคิดเห็น

  

ส่วนแกนนำพรรคเพื่อไทยจะต้องนัดแนะพูดคุยกันหรือไม่เพื่อให้ความชัดเจน นายชัยธวัช กล่าวว่า ก็จ้องพูดคุยกันในเวลาที่จำกัด เพียงแต่ว่าเมื่อพรรคเพื่แไทยไม่พร้อมในวันพรุ่งนี้ ประกอบกับการเลื่อนประชุมรัฐสภาอาจต้องขยับเวลาไปสักเล็กน้อย

 

เมื่อถามว่าหากสิทธิ์ในการจัดตั้งรัฐบาลตกไปอยู่ที่พรรคอันดับ 3 ก้าวไกลมีความกังวลเรื่องนี้หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่าไม่ค่อยกังวล หากพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจับมือกันแน่น

 

“การพลิกขั้วรัฐบาลไม่ได้เกิดได้ง่ายๆ ผมคิดว่าต้องพยายาม ผมคิดว่า การที่จะให้พรรคการเมืองจับมือกันแน่นคือประชาชน”

 

เมื่อถามว่า MOU มีผลหรือไม่นั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยเรื่องนั้น และไม่รู้ว่ามีข้อเสนอกี่ตัวเลือกบ้างจากพรรคเพื่อไทย

 

เมื่อถามว่า วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีการตอบรับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน จะเป็นแนวทางในการฌหวตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องพูดว่าพรรคก้าวไกลมีจุดยืนมาโดยตลอดว่าอะไรที่เป็นอำนาจของสภาอยู่แล้ว เราก็ไม่เห็นด้วยกับการที่ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจเหนือสภา เพราะสภามีอำนาจเต็มหลายๆเรื่อง ยกเว้นกรณีที่ให้ศาลรัฐธรรมนูญมาเกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้นการให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญมาชี้ว่าสภาทำอะไรได้หรือไม่ได้ เรามีจุดยืนมาโดยตลอ ด จึงสาเหตุที่ทำไม สส.ก้าวไกล ถึงไม่ไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ เพราะมีคนแนะนำเยอะมาก และเชื่อว่า สภายังคงมีทางออก  หากศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง สามารถใช้ระบบสภามาหารือร่วมกันได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ช่องทางศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น

 

กรณีมีข้อเสนอให้รอการเลือกนายกรัฐมนตรีออกไป 10 เดือน หลัง สว.หมดวาระ นายชัยธวัช  ระบุว่า เป็นการแสดงออกถึงว่ามีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่รอได้ แต่ 10 เดือน มันอาจจะนานเกินไป ทางที่ดีควรมีทางออกโดยที่ไม่ยืดเวลาออกไปนานขนาดนั้น ซึ่งการปลดล็อคข้อบังคับที่ 41 จะช่วยได้มาก

 

"ตราบใดที่พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลจับมือกันแน่น รัฐบาลเสียงข้างน้อยจะไม่มีทางเกิดขึ้น และถึงที่สุด สว.อาจจะมีวิจารณญาณทำตามเสียงประชาชน"

 

เมื่อถามว่าหากถึงที่สุดพรรคก้าวไกลต้องเสียสละไปเป็นฝ่ายค้าน จะเลือกเดินออกไปเองหรือให้พรรคเพื่อไทยเป็ยผู้เชิญออก นายชัยธวัช ตอบว่า หากเมื่อถึงสถานการณ์นั้นจริง เป็นสิทธิ์ของพรรคเพื่อไทยที่จะต้องเลือก  ส่วนสิ่งที่พรรคก้าวไกลเลือก พยายามทำให้ดีที่สุด ให้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปได้ตามเสียงของประชาชน

เผยโฉมมิตรแท้ข้างก้าวไกลลั่นเป็นฝ่ายค้านก็ไม่กลัว "ชัยธวัช" วัดใจเพื่อไทยสละทิ้ง