"ปดิพัทธ์" รองประธานสภา สส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล พาผู้เสียหายหอบหลักฐานทุจริตบ้านพักสวัสดิการทหารช่วงปี 2553 - 2564 ยื่นฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เอาผิดเจ้ากรมสวัสดิการทหารบก และพวกรวม 25 คน เรียกรับเงินในการก่อสร้างบ้านพักสวัสดิการทหารบก รวม 200 ครั้ง มูลค่ากว่า 44 ล้านบาท
เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไป เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นาย ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล และรอง ประธานสภาคนที่ 1 ได้ยื่นหลักฐานกรณีทุจริตบ้านพักสวัสดิการทหาร หลังจากได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา รักษาการนายกรัฐมนตรี และพลเอกประยุทธ์ได้ท้าให้ส่งหลักฐาน
ซึ่งในการอภิปรายที่ผ่านมา นายปดิพัทธ์ ได้เปิดเผยหลักฐานที่ส่วนใหญ่มาจากผู้เสียหาย คือ คุณก้อยและคุณเบิร์ด (นามสมมติ) ว่า การทุจริตบ้านพักสวัสดิการทหาร มีการเรียกรับสินบน 5% และอมส่วนต่างค่าบ้าน จนนำไปสู่ความกดดันของทหาร ทำให้เกิดเหตุกราดยิงโคราช เรื่องนี้เป็นที่รับรู้ภายในกองทัพ แต่ไม่มีการลงโทษใดๆ เมื่อคุณก้อยยื่นหลักฐานไปยังกรมสวัสดิการทหารบก และกระทรวงกลาโหม ก็ปรากฏว่า ไม่ได้รับความยุติธรรม มีการลงโทษผู้กระทำผิดเพียงงดบำเหน็จครึ่งปี ส่วนอีกคนหนึ่งกักตัวแค่ 7 วัน ทำให้เราเห็นถึงความไม่ชอบธรรม ทั้งที่ผู้บัญชาการทหารบก น่าจะรับรู้เรื่องทั้งหมด และการที่โครงการบ้านพักทหาร เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2553 และสิ้นสุดโครงการในปี 2564 เป็นระยะเวลากว่า 10 ปี เป็นช่วงเวลาที่ พลเอก ประยุทธ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดังนั้น พลเอก ประยุทธ์จึงควรมีส่วนรับผิดชอบด้วย
สำหรับช่วงสายวันนี้ (26 ก.ค. 66) นายปดิพัทธ์ ได้พาคุณก้อย ผู้เสียหายคดีดังกล่าว พร้อมกับยื่นหลักฐานให้กับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตลิ่งชัน โดยนายปดิพัทธ์ ได้เปิดเผยว่า ในวันที่เอาหลักฐานไปยื่นที่สำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา แต่ผ่านมา 4 เดือนแล้ว คดียังคงไม่มีความคืบหน้า
วันนี้จึงนำหลักฐานมายื่นที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางตลิ่งชัน เพื่อเป็นการช่วยเหลืออีกหนึ่งช่องทาง เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดเรื่อง คุณก้อย โดนกดดันอย่างหนักหน่วง
ทางด้านนายฤทธิ์ พัวพัน ทนายความ เปิดเผยว่า เบื้องต้น ได้ยื่นฟ้องข้าราชการทหาร 23 นาย พลเรือนอีก 2 คน ซึ่งทั้งหมดอยู่ภายในกรมสวัสดิการทหารบก ใน 2 ข้อหา เรียกรับเงิน และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งข้าราชการมีตั้งแต่ทหารยศนายพล นายพัน เจ้าพนักงานราชการในสังกัด ซึ่งทำผิดแล้วกว่า 200 ครั้ง มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 43 ล้านบาท
ขณะที่คุณก้อย ผู้ เสียหาย เปิดเผยว่า ตนต่อสู้มาตั้งปี 2563 กับครอบครัวเพียงลำพัง ที่ผ่านมาได้ไปเรียกร้องมาทุกช่องทาง แต่กลับไม่ได้รับความช่วยเหลือ และหวังว่าศาลฯ นี้จะเป็นที่พึ่งสุดท้าย เพราะที่ผ่านมาตนและครอบครัวได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จนถึงขั้นลูกไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะกลัวจะไม่ปลอดภัย
ทั้งนี้ ตนมั่นใจในพยานหลักฐาน การฟ้องในครั้งนี้เป็นการฟ้องครั้งแรกที่มีพลเรือนร่วมทุจริตด้วย และอาจจะมีการฟ้องในครั้งต่อๆ ไป หากพบข้อมูลว่ามีใครทำผิด