จากเหตุการณ์ดาบบรรเทิง อายุ 51 ปี อดีตตำรวจ ร่วมกับเพื่อนก่อเหตุใช้เครื่องชอร์ตไฟฟ้าทำร้ายพ่อค้าขายน้ำเต้าหู้ ก่อนจะชิงรถกระบะ เงินสด3,000 บาท แล้วหลบหนีไป เหตุเกิดที่จังหวัดกาญจนบุรี เวลา 20.30 น. วันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา

ล่าสุด ตำรวจจับกุมดาบบรรเทิง อดีตตำรวจได้แล้ว ขณะหลบหนีในพื้นที่สบปราบ จ.ลำปาง จากการสอบสวนพบว่าผู้ร่วมก่อเหตุอีกคนคือดาบตำรวจปฏิวัติ หรือดาบท็อป อายุ 50 ปี อดีตตำรวจเช่นกัน

โดยตำรวจชุดจับกุม แกะรอยจากสัญญาณโทรศัพท์มือถือ พบอยู่ที่จังหวัดลำปาง และพบรถกระบะของผู้เสียหายจอดในห้างสรรพสินค้า ที่จ.เชียงใหม่

วันนี้ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้เดินทางมาร่วมประชุมติดตามและแถลงข่าวปิดคดี

พล.ต.ท.ยุทธนายุตม์ ยืนยันว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้แอบอ้างและใช้เครื่องแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจในการก่อเหตุชิงทรัพย์ โดยพฤติการณ์นั้น แกล้งทำเหมือนว่าคล้ายมีอุบัติเหตุ ก่อนจะเข้าไปตรวจสอบให้ประชาชนหลงเชื่อว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง ก่อนจะใช้อาวุธ คือ เครื่องช็อร์ตไฟฟ้าจี้ทำร้าย และชิงรถกระบะของผู้เสียหาย โดย 2 คนร้ายมีการมัดมือมัดเท้าผู้เสียหายจับยัดไว้ในรถก่อนพาขึ้นรถหลบหนี ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างการขยายผลว่า ผู้ต้องหามีจุดประสงค์จะพาตัวเหยื่อไปเรียกค่าไถ่ หรือ นำรถไปส่งให้กับขบวนการลักรถข้ามชายแดนต่อหรือไม่ ซึ่งยังโชคดีที่เหยื่อได้ดิ้นหนีลงจากรถทันจึงไม่ได้ทำตามแผนที่วางไว้

และจากการตรวจสอบพบว่าคนร้าย คือ ดาบบรรเทิงได้ขับรถของผู้เสียหายไปจอดไว้ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ยังอยู่ในช่วงของการขยายผลว่าพฤติกรรมดังกล่าวนั้นมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องหรือเป็นกระบวนการในการลักลอบขายรถไปยังประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ ตลอดจนมีใบสั่งจากใครหรือเปล่า

จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 2 ยอมรับสารภาพว่า แต่งกายคล้ายตำรวจจริง เพื่อประสงค์ต่อทรัพย์ แต่รายละเอียดเชิงลึกยังต้องรอสอบปากคำและขยายผลเพิ่มเติม

ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 2 รายยืนยันว่า เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง โดยดาบตำรวจบรรเทิง เคยเป็นตำรวจอยู่ที่ สภ.ท่าเรือ โรงพักที่เกิดเหตุนี้เมื่อ 9 ปีก่อน จากนั้นได้ถูกให้ออกจากราชการ เนื่องจากมีเรื่องของคดีฆ่าผู้อื่นเมื่อปี 2557 ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี

ส่วนดาบปฏิวัตินั้น เคยรับราชการอยู่ที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี ก่อนได้มีการยื่นลาออกจากราชการเมื่อปี 2564 เนื่องจากมีการเข้าไปพัวพันเกี่ยวกับคดียาเสพติด

ตนเองมองพฤติกรรมทั้งคู่เป็นภัยต่อสังคม คนหนึ่งเคยมีอดีตแต่กลับไม่เข็ดจำกับสิ่งที่เกิดขึ้น และยังสร้างความหวาดกลัวให้สังคม ไม่ละอายต่อบาป

เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อกล่าวหากับอดีตตำรวจทั้ง 2 ราย ข้อหา ร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน โดยมีอาวุธ โดยแต่งเครื่องแบบตำรวจ โดยร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไตร่ตรอง , ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น , ร่วมกันแต่งกายโดยใช้เครื่องแต่งกายคล้ายเครื่องแบบตำรวจ ทำให้บุคคลอื่นหลงเชื่อว่าเป็นตำรวจเพื่อกระทำความผิดอาญา , ร่วมกันสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงานโดยไม่มีสิทธิ เพื่อกระทำความผิดอาญา , ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น , ร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร

และสุดท้ายตนเองอยากฝากเตือนในส่วนของประชาชนหากเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการตั้งด่านสกัดโดยที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงแค่ 1-2 คน ให้ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นด่านเถื่อน เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองไม่มีนโยบายตั้งด่านหรือจุดสกัดแบบดักรอ ตามนโยบายของ ผบ.ตร. ซึ่งหากประชาชนที่พบเห็นความผิดปกติ ไม่ควรหยุดรถ และสามารถถ่ายคลิป หรือ รูปภาพแจ้งมายัง สภ.ในพื้นที่ได้ทันที


ขณะเดียวกันเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ตำรวจได้ควบคุมตัวสองอดีตดาบตำรวจผู้ก่อเหตุ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุ โดยก่อนจะพาตัวทั้งสองออกจากโรงพัก เจ้าหน้าที่ได้ให้ทั้งสองคนกินข้าวหมูแดงเป็นมื้อสุดท้ายก่อนพาส่งศาล ซึ่งทั้งสองคนยังมีสีหน้าเรียบเฉย มีบางจังหวะระหว่างดาบบรรเทิงกินข้าว เจ้าตัวยังได้หยิบทิชชูเช็ดปากให้กับปฏิวัติ ดูรักและห่วงใยกันเป็นอย่างดี

จากนั้นเมื่อกินข้าวเสร็จตำรวจได้พิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติการถูกจับกุมอย่างคล่องแคล่ว และไม่มีท่าทีสลดกับสิ่งที่ทำไป

ก่อนจะให้ผู้เสียหายเดินเข้าไปชี้ตัวผู้ต้องหาทั้งสองภายในห้อง

จากนั้นทีมข่าวได้พยายามสอบถามถึงเหตุผลที่ก่อเหตุ ระหว่างคุมตัวทั้งสองคนออกจากโรงพักไปทำแผนฯ โดยทั้งสองปิดปากเงียบ ไม่ยอมพูดอะไร ทีมข่าวจึงถามต่อว่า รู้สึกผิด หรือ อยากขอโทษอะไรกับพ่อค้าน้ำเต้าหู้ผู้เสียหายหรือไม่ แต่ดาบบรรเทิงกลับส่ายหัว และไม่ตอบคำถาม และเดินขึ้นรถตู้ทันที

จากนั้นตำรวจได้พาทั้งสองคนไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพทั้งหมด 3 จุด ด้วยกัน คือ 1.จุดที่คนร้ายได้วางแผนดักปล้นรถผู้เสียหาย ซึ่งจุดนี้คนร้ายได้นำรถจักรยานยนต์ของแม่ยายวางดักขวางถนนไว้และนำรถเก๋งซีวิคสีดำของตัวเองมาจอดขวางถนน เมื่อผู้เสียหายขับรถผ่าน จึงได้ร่วมกับเพื่อนลงมือช็อร์ตไฟฟ้าและรุมทำร้ายและชิงรถไป โดยตำรวจได้ให้ดาบบรรเทิงไปชี้จุดที่ทำร้ายผู้เสียหาย และเส้นทางที่ขับรถหลบหนี

จุดที่ 2 บริเวณหน้าร้านเต้าหู้ของผู้เสียหายบริเวณตลาดนัดดอนกลาง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดดักปล้นประมาณ 3.7 กิโลเมตร โดยจุดนี้เป็นจุดที่ทั้งสองผู้ต้องหาได้เดินทางมาเฝ้าดูเป้าหมาย และเลือกรถของเหยื่อก่อนที่จะก่อเหตุ ซึ่งทั้งสองเดินทางมาเฝ้าติดตามดูจนรู้ว่า ผู้เสียหายจะใช้รถคันดังกล่าวมาขายน้ำเต้าหู้ทุกวัน และรู้ว่าผู้เสียหายจะเดินทางกลับบ้าน เส้นทางไหน เวลาใด ก่อนจะลงมือก่อเหตุ

และในระหว่างการทำแผนฯจุดที่ 2 ได้มีพ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดนัด ได้มามุงดูการทำแผนฯ โดยชาวบ้านต่างตะโกนด่า และสาปแช่ง 2 ผู้ต้องหา บอกว่า “คนเลวๆแบบนี้ ไม่ควรเอาไว้ อย่างมึงควรเอาไปเข้าเครื่องประหารหัวสุนัขมากกว่า ไอ้บรรลัย”

และจุดที่ 3 บริเวณสี่แยกไฟแดงฝั่งตรงข้ามลานจอดรถบิ๊กซี ท่าเรือ เป็นจุดที่ สองดาบตำรวจได้ขับรถมานัดเจอกันหลังจากก่อเหตุเเล้ว และเตรียมจะพาผู้เสียหายออกจากพื้นที่ และเตรียมหลบหนีออกจากพื้นที่ แต่ขณะนั้นตามกล้องวงจรปิดที่ทีมข่าวช่อง 8 ได้มา จะเห็นผู้เสียหายวิ่งหลบหนีมาขอความช่วยเหลือกับเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวก่อน ทำให้คนร้ายทั้งสองตกใจ และได้ขับรถแยกกันหลบหนี โดยภาพกล้องวงจรปิดจะเห็นรถเก๋งดำที่มีดาบปฏิวัติ ขับย้อนกลับพื้นที่เกิดเหตุ ส่วนดาบบรรเทิง ได้ขับรถมุ่งหน้าขึ้นภาคเหนือ

โดยทีมข่าวพยายามสอบถามดาบบรรเทิงเป็นครั้งสุดท้าย หวังว่า ดาบอยากจะสำนึกผิด หรือ ขอโทษ แต่เจ้าตัวกลับปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามใดๆกับนักข่าวเหมือนเดิม และขึ้นรถตู้ตำรวจ พาส่งเข้าเรือนจำทันที


โดยภาพจากกล้องวงจรปิด จับภาพรถกระบะของผู้เสียหาย ท้ายกระบะมีรถจักรยานยนต์ที่ใช้หลอก วิ่งผ่านไป โดยมีการจอดรถรถเก๋งสีดำ ก่อนที่ผู้เสียหายดิ้นหลุด วิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือจากร้านก๋วยเตี๋ยว ก่อนที่ทั้ง2จะแยกกันหลบหนี


นายจีรวัตร หรือ น้องป็อป ผู้เสียหาย หลังจากตำรวจปิดคดีได้สำเร็จ ได้พูดขอบคุณไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็วและติดตามรถกระบะที่ถูกชิงไปกลับเมื่อคืนตนเองได้ ส่วนสองผู้ก่อเหตุตนเองขอให้ได้รับกรรมที่ได้ทำกับตนเองไว้และขอไม่คิดจองเวรต่อกัน

ส่วนจนถึงตอนนี้ตนเองยังไม่คิดจะกลับไปขายน้ำเต้าหู้ เนื่องจากยังหวาดกลัวและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอุปกรณ์ทำมาหากินอย่างหม้อสแตนเลสทำน้ำเต้าหู้ และถังแก๊สซึ่งวางอยู่ท้ายรถกระบะ ขณะถูกคนร้ายได้ชิงไปด้วย คาดว่าน่าจะโยนทิ้งข้างทาง ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่รู้ว่าอุปกรณ์ทำมาหากินทั้งหมดคนร้ายได้นำทิ้งไว้ที่ไหน

ตนเองจึงอยากประชาสัมพันธ์หากประชาชนคนไหนพบเห็นขอให้ช่วยติดต่อมายัง สภ.ท่าเรือ เพื่อนำส่งกลับคืนตัวเองด้วยเนื่องจากมูลค่าประมาณ 10,000 กว่าบาท หากไม่ได้คืนก็คงต้องเสียเงินซื้อใหม่อีก

ต่อมาทีมข่าวช่อง8 ได้พูดคุยกับป้ากุ้ง (นามสมมุติ) ญาติของดาบปฏิวัติ ให้ข้อมูลว่า ตนเองได้เช่าพื้นที่หน้าบ้านของดาบปฏิวัติเพื่อขายอาหารตามสั่ง ส่วนดาบปฏิวัตินั้นปัจจุบันว่างงานเนื่องจากออกจากราชการตำรวจเมื่อปี 64 และวันๆจะออกไปหาปลา และปล่อยบ้านเช่า มีรายได้เล็กๆน้อยๆ ตัวดาบปฏิวัติได้หย่าร้างกับภรรยาไปเกือบ 5 ปีแล้ว และภรรยานำลูกไปดูแลเลี้ยงเอง ทำให้ดาบปฏิวัติต้องอยู่บ้านเพียงคนเดียว

โดยก่อนที่ตนเองจะมาทราบว่า ดาบปฏิวัติถูกตำรวจตามมาจับกุมที่บ้านเมื่อคืนนี้ ตนเองยังเห็นว่า เมื่อวานนี้ช่วงกลางวัน ดาบปฏิวัติยังมาสั่งข้าวที่ร้านนั่งกินตามปกติ และไม่มีท่าทีทำตัวแปลกๆให้เห็นเลย ตกใจมากและไม่คิดว่า ดาบปฏิวัติจะมาก่อเหตุแบบนี้

ช็อกมาก! 2 ตำรวจสมองเพชรชวนกันเป็นโจรชอร์ตเหยื่อ โคตรแสบรอ 1 วันก่อนชอร์ตชิงรถ