กรณีเมื่อเวลา 13.35น.วันที่ 27กค.2566 ร.ต.อ.พิเชษฐ์ เรียบร้อย รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งว่ามีเหตุพบศพนางสาวเกษร ถูกฆ่าในห้องพักที่ 15 รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
ทีมข่าวได้กล้องวงจรปิดที่อพาร์ทเม้นแห่งหนึ่ง ที่ นางสาวเกษร ผู้เสียชีวิต ทำงานวันสุดท้าย ก่อนเกิดเหตุมา
เมื่อ 08.41 น. ผู้ตาย เดินมาทำงาน และมีการคุยโทรศัพท์อยูาตลอดเวลา
เวลา 09.10 น. ผู้ตายเดินมาทำความสะอาดที่เคาท์เตอร์
เวลา 09.13 น. ผู้ตาย เดินทางานไป แล้วก็ตอบแชตในโทรศัพท์ไป
เวลา 17.05 น.ผู้ตายขับรถออกจากที่ทำงาน
ล่าสุด ตำรวจชุดสืบสวนกก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช เชิญตัวนายไบร์ท อายุ 58 ปี มาสอบสวน เนื่องจากพบว่าสัญญาณโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย มีเบอร์โทรของนายไบร์ท โทรไปหาผู้ตาย ก่อนเช็กอินเข้าพักรีสอร์ต ช่วงเวลา 17.35 น. (26 กรกฎาคม) และหลังเช็กอินได้ไม่นาน เบอร์โทรของนายไบร์ท ก็ได้โทรหาผู้ตายอีก 1 สาย ซึ่งจากการตรวจสอบการโทรเข้า-ออก ของโทรศัพท์ผู้ตาย พบว่าในช่วงระยะเวลาก่อนเกิดเหตุ มีแค่หมายเลขโทรศัพท์ของนายไบร์ตเท่านั้น ที่โทรหาผู้ตาย
ตำรวจจึงมีการเชิญตัวนายไบร์ท มาสอบปากคำ และได้ให้พยาน ซึ่งเป็นพนักงานรีสอร์ตที่เห็นชายรายหนึ่งมาเปิดห้องที่เกิดเหตุ และมาซื้อน้ำดื่มไปให้ผู้ตายดื่มเวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่า ซึ่งพยานก็ได้ชี้ตัวนายไบร์ท ว่านายไบร์ทเป็นคนๆ เดียวกับผู้ชายที่มาเปิดห้อง
จากการสอบปากคำนายไบรท์ ในเบื้องต้นเจ้าตัวให้การปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ลงมือก่อเหตุฆ่านางสาวเกษร โดยอ้างว่าวันที่เกิดเหตุช่วงเวลาตอนเกิดเหตุ ตัวเองได้ออกไปจับปลาที่หนองน้ำ และไม่ได้เจอกับผู้ตาย ส่วน ความสัมพันธ์กับผู้ตายนั้น นายไบร์ท ยอมรับกับพนักงานสอบสวนว่า สนิทสนมกับผู้ตายได้ประมาณ 1 เดือน
ขณะเดียวกันทีมข่าวช่อง8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดอีกมุม บริเวณสี่แยก ก่อนถึงรีสอร์ตจุดเกิดเหตุ 300 เมตร พบว่า เวลา 17.34 น. วันที่ 26 กรกฎาคม 2566 จับภาพรถผู้ต้องสงสัย ขับผ่านสี่แยกดังกล่าว แล้วเลี้ยวซ้าย ไปยังรีสอร์ต ที่อยู่ห่างออกไปอีก 300 เมตร
เวลา 00.30 น. วันที่ 27 กรกฎาคม 2566 จับภาพรถผู้ต้องสงสัย ขับออกมาจากรีสอร์ต มาถึงสี่แยกแล้วเลี้ยวขวาออกไป
ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายังอาพาร์ทเม้นท์ที่ผู้เสียชีวิตทำงานอยู่ ได้พูดคุยกับนางสาวแฟง นามสมมติ เพื่อนร่วมงานของผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับนางสาวเกษร ผู้เสียชีวิต ทำงานที่อพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ได้ 4 ปี ที่ผ่านมาเกษร เป็นคนอัธยาศัยดี กับตัวเอง และเพื่อนร่วมงานทุกคนมาตลอด แต่เรื่องส่วนตัวตัวเองไม่ค่อยรู้เรื่องของเขา เท่าที่ตัวเองทราบเกษร มีสามีมาแล้ว 3 คน กับสามีคนแรกเกษรมีลูกด้วยกัน 2 คน แล้วก็ได้เลิกกับสามีคนแรกมาแล้วประมาณ 15 ปี จากนั้นเกษร ก็มาคบหากับสามีคนที่ 2 แต่ไม่มีลูกด้วยกัน แล้วพึ่งเลิกรากับสามีคนที่ 2 ได้ประมาณ 7 เดือน จากนั้นเกษร ก็มาคบกับนายพงษ์ (สามีคนที่3) ซึ่งมีบ้านอยู่ไม่ห่างจากที่ทำงาน
ก่อนหน้านี้ เกษรก็มายกยอให้ตัวเองฟังบ่อยครั้งว่า นายพงษ์ สามีคนที่ 3 ของเขา เป็นคนนิสัยดี เป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถ แล้วเขาก็อยากฝากชีวิตไว้กับผู้ชายคนนี้ ซึ่งระหว่างเขาคบหากับสามีคนที่ 3 เกษรก็เคยเล่าให้ตัวเองฟังว่า สามีคนที่ 2 จะมาตามง้อเขาอยู่บ่อยครั้ง
สำหรับวันที่ 26 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา เกษร เขามาทำงานที่อพาร์ทเม้นต์เม้นตามปกติ ซึ่งตอนทำงานก็สังเกตว่าเกษร จะคุยโทรศัพท์ และคุยแชตในมือถือ เป็นปกติของเขาอยู่แล้ว เพื่อนๆจึงไม่ได้เอะใจ และบางครั้งเขาก็ไปแอบคุยโทรศัพท์ที่อื่น ตัวเองจึงไม่ได้ยินว่าเขาคุยอะไรกันบ้าง แล้วเกษรก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกจากที่ทำงานไปเวลา 17.00 น. วันที่ 26 กรกฎาคม 2566 ก่อนจะมาทราบข่าวถูกฆ่ารัดคอ
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้มาพูดคุยกับนายพงษ์ สามีคนปัจจุบันของนางสาวเกษร ผู้เสียชีวิต เปิดใจกับทีมข่าวว่า ตัวเองทราบข่าวว่าเกษรเสียชีวิต เมื่อเวลา 17.00 น. ของเมื่อวานนี้ ยอมรับว่าตกใจมาก
สำหรับไทม์ไลน์ก่อนจะเกิดเหตุนั้น ภรรยาตัวเองเลิกงานจากอพาร์ทเม้นมาเวลา 17.00 น. จากนั้นเขาก็กลับมาบ้าน แล้วมาทำกับข้าวให้ตัวเองทาน ก็ที่เวลาประมาณ 18.00 น. เกษร จะบอกกับตัวเองว่า เขาจะกลับบ้านไปหาลูก ตัวเองก็ไม่ติดขัดอะไร เพราะที่ผ่านมาเกษรก็เที่ยวไปมาหาลูกอยู่ตลอด แล้วเขาก็เป็นคนที่ดีคนหนึ่ง สำหรับตัวเอง คอยทำงานบ้านทุกอย่าง จึงไม่ได้สงสัยอะไร กระทั่งมาทราบอีกที ก็พบว่าภรรยาได้เสียชีวิตแล้ว
ที่ผ่านมาภรรยาก็คุยแชต คุยโทรศัพท์ปกติ ไม่ได้รู้สึกว่าเขาติดคุยกับใคร แต่เขาเคยเล่าให้ตัวเองฟังอยู่หนึ่งครั้งว่า สามีคนที่ 2 ของเขา ได้ติดต่อมาหาบอกจะขอโอกาส แต่เกษร เขาก็ไม่ได้เล่าอะไรต่อจากนั้น
เหตุที่เกิดขึ้น ตัวเองก็ไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุเขาคือใคร และทำเพราะสาเหตุอะไร จึงอยากฝากถึงตำรวจ ให้จับคนร้ายให้โดยเร็ว และนำตัวมาดำเนินคดีถึงที่สุด
ตัวเองยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของเกษร และตัวเองก็ไม่เคยทะเลาะกับเกษร ตัวเองรักเขาและสงสารเขามาตลอด ก่อนหน้านี้เกษร ไม่มีรถจะไปทำงาน เห็นเขาเดินไปทำงาน ตัวเองสงสารจึงซื้อรถมอเตอร์ไซค์ให้เขา ซึ่งเป็นคันเดียวกันกับที่เขาขับไปรีสอร์ต
ในส่วนของคดี ตำรวจเปิดเผยว่า ตอนนี้มีหลักฐานอื่นๆ ที่ยังไม่เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าว ซึ่งอยู่ระหว่างนำหลักฐาน เพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับต่อไป