หลังจากที่อุ๊งอิงค์ แพทองธาร แคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย ได้ประกาศกลางอินสตาแกรมว่านายทักษิณ ชินวัตร จะเดินทางกัลมาที่ประเทศไทยวันที่ 10 ส.ค. 66 นี้ ทำเอาคนไทยให้ความสนใจกับเรื่องนี้เป็นอยากมาก
ต่อมานายชูวิทย์ได้ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กข้อความว่า เกมพลิก ทักษิณถอย ยกเลิกกลับไทย สถานการณ์เปลี่ยน และแสดงความคิดเห็นใต้โพสตฺของตัวเองด้วยว่า สัญญาณอันตรายเกินคาดเดา
ต่อมาเพจกรรมกรข่าวของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ก็ได้ทำโพสต์นี้มาทำข่าวในเพจเฟซบุ๊ก ทำให้นางสาวแพทองธารมาคอมเมนต์โพสต์นี้ว่า “เพ้อเจ้อ”
ต่อมาทีมข่าวได้ไปสัมภาษณ์นายชูวิทย์ นายชูวิทย์ให้ข้อมูลเพิ่มเติม ว่า กรณีการเดินทางกลับประเทศไทยของนายทักษิณในวันที่ 10 ส.ค. นี้นั้น จากการประเมินสถานการณ์ทางการเมือง ทำไมต้องกลับในวันนี้ วันที่ประเทศไทยยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ทั้งที่มีโอกาสกลับมาได้ตลอดเวลา แสดงว่ามีการส่งสัญญาณพิเศษ การที่ท่านกลับ คุณจะคิดว่าจะได้เห็นกรมราชทัณฑ์เอาหลังสือยื่นแล้วจับกุมตัวส่งเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ คุณคิดผิดครับ เพราะถ้าจะทำแบบนั้น ก็สามารถกลับมาได้ตั้งนานแล้วไม่ต้องรอนานขนาดนี้
การที่กลับมาในช่วงที่ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ การเดินทางกลับของทักษิณ จึงผูกผันกับการจัดตั้งรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยการที่โพสต์ว่าคุณทักษิณไม่กลับไทยแน่นอนนั้น เนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้ยังไม่สามารถตกลงกันได้ ก็ต้องใช้ช่องทางพิเศษแน่นอน คนระดับอดีตนายกฯ คงไม่เดินมาเพื่อเข้าคุก แต่ต้องเดินมาอย่างมีเกียรติ ดังนั้นการเดินมาแบบนั้นได้ ก็ย่อมมีการตกลงกันบางประการ ซึ่งการตกลงกันไม่สำเร็จ ก็แสดงว่าท่านต้องถอย
นายชูวิทย์ ยังมั่นใจว่า 4 ส.ค. ที่จะมีดารเสนอชื่อโหวดนายกฯ จะมีการยื้อโหวดนายกฯ โดย 8 พรรคร่วมรัฐบาล คาดว่าศาลรัฐธรรมนูญก็คงไม่รับ เมื่อไม่รับก็ต้องมีการโหวด ก็ต้องใช้ชื่อพิธา เมื่อใช้ชื่อพิธา ก็ไม่ผ่าน เพราะ สว. นี่ถือเป็นการสุดทางของพรรคเพื่อไทยที่จะดัน 8 พรรคร่วมรัฐบาล กรณีนี้ยังพัวพันไปถึงบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ เพราะหลายพรรคร่วมรัฐบาล ได้ลั่นวาจาว่า มีเราไม่มีลุง เมื่อไม่มีลุงแล้วไม่มีเราละ ซึ่งเพื่อไทยก็สามารถรวมกับทุกพรรคได้อยู่แล้ว
การที่บิ๊กป้อมถอยออกจากพรรคพลังประชารัฐ และกลับมา พร้อมกับตั้งน้องชาย อย่าง พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ให้เป็นประธานคณะกรรมการ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า ต่อไปท่านจะรับตำแหน่งใหญ่ต่อไป คือรองนายก รัฐมนตรีมหาดไทย เพื่อไทยอ้างได้ว่าตอนนี้ไม่มี 2 ลุง แล้วไง ร่วมรัฐบาลได้หมด
แต่พรรคเพื่อไทย ต้องเคลียร์อีก 1 เรื่องเท่านั้น โดยการจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลนั้น ต้องไม่มีพรรคก้าวไกล อยู่ในสมการจัดตั้งรัฐบาล ด้วยการยืมปากพรรคภูมิใจไทย เพื่อจะพรรคก้าวไกล ออกจากการร่วมรัฐบาลและไปเป็นฝ่ายค้านแทน
โดยสถานการณ์เหล่านี้ จึงเป็นไปได้ยากมากที่คุณทักษิณจะกลับประเทศไทย เพราะตอนนี้ไฟไม่ได้แดง และไม่ได้เขียว แต่อยู่ระหว่างกลาง เป็นไฟเหลือง สามารถเปลี่ยนเป็นแดง และ เขียวได้ตลอดเวลา เพราะฉนั้นท่านจึงไฟเหลือง หยุดไว้ก่อน
กรณีคุณอุ๊งอิ๊งค์ ลูกสาวคุณทักษิณ ได้ตอบโต้กลับว่า เพ้อเจ้อ กรณีการโพสต์ว่า เกมพลิก ทักษิณ ไม่กลับประเทศไทยนั้น ผมไม่โกรธ เพราะเป็นเจตนาดีของลูกสาวที่รักพ่อ ในฐานะลูกคุณทักษิณ แต่ผมพูดในฐานะประชาชนคนไทย ที่พูดในเรื่องความเป็นไปของการเมือง
โดยยืนยันวันที่ 10 ส.ค. นี้ มีโอกาสน้อยมากที่คัณทักษิณ จะเดินทางกลับประเทศไทย มีเพียง 10 % เท่านั้น เนื่องจากคุณทักษิณเป็นตัวแปลสำคัญทางการเมือง ถึงขั้นมีบุคลสำคัญหลายคนบินไปอวยพรวันเกิด ถึงที่ฮ่องกง แปลว่าท่านยังมีไพ่อยู่ในมือ พรรคเพื่อไทยยังเป็นตัวแปลสำคัญทางการเมือง เพราะสามารถจัดตั้งกับพรรคไหนก็ได้ เพียงแค่ไม่มี 2 ลุง เท่านั้น ซึ่งไปแล้ว 1 ลุง สถานการณ์การเมือง ไปกับก้าวไกลไม่ได้ ต้องแยกแบบสวยๆ
ผมเป็นนักโทษมาก่อน คือนักโทษเด็ดขาด คือเป็นนักโทษที่คดีสิ้นสุดในชั้นฎีกาแล้ว มีหมายจำคุกแล้ว วันอรกที่ผมเข้าไป ผมมีสิทธิ์ขอประทานอภัยโทษส่วนบุคคล เฉพาะตัว เป็นสิทธิ์ของนักโทษเด็ดขาดทุกคนจะทำได้ แต่อยู่ที่พระราชอำนาจของท่านว่าจะให้หรือไม่ การให้นายหลวงจะให้เฉพาะผู้ที่ทำความผิดต่ิตัวท่าน คือ ม.112 หรือคดีดูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่คดีอื่น ลักขโมย ปล้น ท่านไม่เคยให้ครับ ช่องทางนี้คงไม่ได้สำหรับทักษิณ เมื่อไม่มั่นใจตรงนี้จึงไม่มีทางกลับมาแน่นอน
ไม่มีทางที่ทักษิณ จะเดินทางกลับมาแล้วมารับโทษ เข้าเรือนจำลืมภาพนี้ไปได้เลย
นอกจากนี้ยังฝากเพลง ไว้ใจ ของหนุ่ย อำพล ให้ไปพรรคก้าวไกล และคุณอุ๊งอิ๊งค์ เพราะมันเข้ากับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ พรรคก้าวไกล จะเชื่อใจใครไม่ได้ การที่จะไว้ใจ ก็คือความผิดหวัง นี่คือสิ่งที่สะท้อนไปยังอดีตนายก ทักษิณด้วย เพราะสถานะตอนนี้ท่านอาจจะโดนหลอกได้ หากกลับประเทศไทย ท่านไว้ใจใครไม่ได้นอกจาก คุณอุ้งอิ้งคนเดียว ฝากเพลงไว้ใจ ให้อุ้งอิ้งฝากไปถึงคุณพ่อ และเข้าใจในความรู้สึกดี 1 เสียง ของทักษิณ จะเอาไปแลก 26 ล้านเสียงของประชาชนที่บอกคะแนนให้ อันนี้ต้องคิดดีๆ