การประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 3/2566 พรรคพลังประชารัฐ โดยมีนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมแทนตามที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐมอบหมาย โดยมีรายงานว่าพลเอกประวิตรไม่มีภารกิจภายนอก อยู่ภายในมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด และร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า สส. พะเยา ในฐานะ ประธานประสานงาน สส. พรรคพลังประชารัฐได้เข้าพบ

 

โดยนายไพบูลย์ อ่านจดหมายของพลเอกประวิตร ที่เขียนถึงกรรมการบริหารพรรค ระบุว่าในฐานะหัวหน้าพรรค มีความประสงค์ขอลาออกจากหัวหน้าพรรค ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2566เวลา 08.30น. และแจ้งให้กับที่ประชุมรับทราบว่าอย่าเพิ่งตื่นตระหนกเพราะว่าพลเอกประวิตรได้แจ้งไว้เมื่อการประชุมครั้งที่แล้วว่าจะอยู่กับพรรคไปตลอดชีวิต และดูแลไปตลอด ซึ่งวันนี้ก็จะมีการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เนื่องจากการลาออกของพลเอกประวิตรมีผลทำให้กรรมการบริหารพรรคชุดเดิมต้องพ้น จากตำแหน่งไปด้วย

 

ด้านนายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.พรรคพลังประรัฐ เสนอให้มีกรรมการบริหารพรรค 21 คน และเสนอชื่อพลเอกประวิตร ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค โดยไม่มีการเสนอชื่อบุคคลอื่นเพิ่มเติม

 

จากนั้นได้มีการแจกบัตรเลือกตั้งให้กับสมาชิกเพื่อลงคะแนนแบบลับ รวมถึงการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคทั้งหมดจนครบ 21 ตำแหน่ง ซึ่งไม่ได้เปิดให้สื่อมวลชนเข้าสังเกตการณ์

 

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้เลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ประกอบด้วย ตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค 5 คน ได้แก่ นายสันติ พร้อมพัฒน์ //นายไพบูลย์ นิติตะวัน //นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ //นายวิรัช รัตนเศรษฐ //น.ส.ตรีนุช เทียนทอง

 

ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรค มีการเสนอเพียงรายชื่อเดียว คือ ร้อยเอกธรรมนัส

 

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกระแสข่าวการเดินทางไปฮ่องกง เพื่อพบกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า ตนไม่ทราบว่ากระแสข่าวนี้มาจากไหน โดยตนเดินทางไปต่างประเทศมาจริงเพื่อไปทำภารกิจส่วนตัว แต่ยืนยันว่า ไม่ได้มีการไปเจรจาทางการเมืองกับใครอย่างที่กระแสข่าวระบุ เพราะพรรคพลังประชารัฐมีมติชัดเจนอยู่แล้วในการตัดสินใจเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมรัฐบาล

 

"ผมกล่าวย้ำมาหลายครั้งว่า พรรคพลังประชารัฐของเรายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อให้ชาติมีความมั่นคง ประชาชนกินดีอยู่ดี เดินหน้าไปตามหลักประชาธิปไตย พรรคเรามีเจตจำนงแน่วแน่ที่จะไม่สนับสนุนพรรคการเมืองที่มีแนวคิดแก้ไข มาตรา 112 โดยเรามีนโยบายชัดเจนว่า เราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง ดังนั้นพรรคการเมืองใดก็ตามที่เรามองเห็นเป็นประจักษ์แล้วว่า เมื่อร่วมงานกันแล้วจะเกิดความขัดแย้งแน่นอน จะทำให้สังคมแตกแยกอย่างรุนแรง เราจะไม่ร่วมงานอย่างเด็ดขาด"ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

 

ต่อมา นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แถลงผลการประชุม ใหญ่สามัญประจำปีพรรคพลังประชารัฐ โดยมีวาระเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ 21 คน ประกอบด้วย พลเอกประวิตร เป็นหัวหน้าพรรคตามเดิม   ด้วยคะแนน 383 คะแนน//ร้อยเอกธรรมนัส เป็นเลขาธิการพรรค  ส่วนรองหัวหน้าพรรค 5 คน ได้แก่ นายสันติ พร้อมพัฒน์  //นายวิรัช รัตนเศรษฐ //นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ //นายไพบูลย์ นิติตะวัน และ นางสาวตรีนุช เทียนทอง

 

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ถึงกระแสข่าวการลาออกจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐว่า พรรคบอกให้ตนลาออกก่อน เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลง คณะกรรมการบริหารพรรคขึ้นมาใหม่ ซึ่งใครจะมาดูตนก็ไม่ทราบ แต่ยืนยันว่าจะอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับพรรคพลังประชารัฐ ต่อไป ไม่ไปไหน

 

ส่วนกรณีการโหวตเลือก นายกรัฐมนตรี ที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอ นายเศรษฐา ทวีสิน ในวันที่ 4 สิงหาคมนั้น พปชร. จะ มีทิศทางการโหวตเป็นอย่างไร พลเอกประวิตร กล่าวว่า ยังไม่ทราบ คงรอมติที่ประชุมพรรค  “ผมไม่ได้เจอใครทั้งนั้น”

 

เมื่อถามถึง ได้ติดต่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือไม่ หลังประกาศเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ พลเอกประวิตรกล่าวว่า ผมไม่ได้เจอใครทั้งนั้น

 

นายไพบูลย์ ยังแจ้งว่า พลเอกประวิตร ยังมีคำสั่งตั้ง พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็น ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ และตั้งนายวราเทพ รัตนากร เป็นผู้อำนวยการสำนักงานพรรค พลังประชารัฐ

 

บรรยากาศกลุ่มผู้ชุมนุมสนัลสนุนพรรคก้าวไกล เริ่มรวมตัวกันบริเวณแยกอโศกมนตรี ในช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. จากนั้นนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด เดินทางมาถึงจุดรวมมวลชน พร้อมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ถึงการนัดหมายชุมนุมในวันนี้ (29 ก.ค.) โดยจะเป็นการจัดกิจกรรมเชิงสัญญาลักษณ์ พร้อมเดินขบวนจากแยกอโศกมนตรี มุ่งหน้าที่ที่แยกราชประสงค์ ในช่วงเวลา 17.30 น. เพื่อทำกิจกรรม

 

นายสมบัติ ระบุว่าการนัดหมายชุมนุมในครั้งนี้ เป็นการประท้วงการทำหน้าที่ของ สว. ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคู่ขัดแย้ง คือ สว. ที่เป็นผลผลิตของ คสช. แม้ว่า คสช.จะจบลงไปแล้ว แต่ สว. เปรียบเสมือนลูกติด คสช. ที่ขัดขวางขบวนการประชาธิปไตย

 

โดยเตรียมหารือ อาจาร์วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา ปมการโหวตสวนของ สว. ผิดตามมาตรา 3 หรือไม่ เชื่อว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ ส่วนกรณีกระแสให้รออีก 10 เดือน ให้ สว.หมดวาระนั้น ไม่จริง ส่วนตัวเชื่อว่ามีวิธีทางออกที่ดีกว่านี้ตามระบอบประชาธิปไตย

 

ส่วนตัวเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยรู้ดี หากออกจากหลักประชาธิปไตยที่ได้เคยสัญญาไว้กับประชาชน มันจะส่งผลกระทบอย่างแน่นอน และอยากขอโทษในส่วนของการชุมนุมที่นำภาพหมอชนน่าน มาให้มวลชนเหยียบย่ำ ได้ขอโทษไปแล้ว และวันนี้จะนำภาพตัวเองมาให้มวลชนเหยียบย่ำบ้าง เพื่อเป็นการแสดงความขอโทษ

 

โดยกิจกรรมในวันนี้หลังจากเดินขบวน และการแปลอักษร จะอ่านแถลงการปิดท้าย โดยในวันนี้จะไม่มีการปราศรัยแต่อย่างไร

 

ส่วนกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับประเทศไทยนั้น จริงๆ อยากให้คุณทักษิณกลับมา เนื่องจากจะมีบทบาทสำคัญอย่างมาก ไม่ว่าจะช่วยให้คำปรึกษาด้านเศรษฐกิจในเมืองไทย เชื่อประชาชนจะได้ผลประโยชน์จากการกลับมาของคุณทักษิณ

 

ทั้งนี้ฝากไปถึง สว. ตอนนี้มีสื่อเสนอจัดดีเบตให้ และอยากดีเบตกับ สว. ในเรื่องของบทบาทและการทำหน้าที่ของ สว.ใครพร้อมนัดมาได้เลย ถ้าทำให้ผมแพ้ได้ เลิกทำม็อบแน่นอน

 

จากนั้นในเวลา 17.10 น. ก็เริ่มจัดขบวนมวลชน เพื่อเดินเท้าจากแยกอโศกมนตรี มุ่งหน้าสู่ แยกราชประสงค์ เพื่อทำกิจกรรม ผูกผ้าแดง และแปรอักษร โดยมวลชนเริ่มเดินขบวน เมื่อมาถึงบริเวณแยกราชประสงค์ มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

18.25 น. เดินทางมาถึงจุดนัดพบ พร้อมรอแปลคะบวน ตัวอักษร “ห” เปิดแฟลต เพื่อเก็บภาพ เห็นหัวประชาชน คือข้อความส่งให้ สว. กิจกรรมแปรอักษร และหวังครั้งหน้า จะสามารถเดินขบวนกันได้ยาวๆ กว่านี้ พร้อมประกาศยุติการชุมยุม หลังแปรอังษร “ห” เสร็จสิ้นในเวลา 18.56 น.

 

เห็นหัวกันบ้าง! มวลชนรวมพลังต้าน สว.แปรรูป "ห" แต่ลุงป้อมตั้งน้องรอกุมอำนาจ