นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายณรงเดช อุฬารกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะอดีตเกษตรกร นายเดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต (Think Forward Center) เดินทางไปจังหวัดชัยนาท เพื่อพบปะและรับฟังปัญหาของพี่น้องเกษตรกรกลุ่มต่างๆ อาทิ กลุ่มเกษตรกรเลี้ยงปลากราย สวนส้มโอ และฟาร์มโคนม

 

โดยเวลา 15.30 น. นายพิธาเดินทางถึงฟาร์มเกษตรกรผู้ผลิตโคนม แบรนด์ Chaopraya beef อ.หันคา จ.ชัยนาท ร่วมหารือกับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม หลังเกิดปัญหาราคาต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น โดยระหว่างการพูดคุย นายเดชรัตน์ ได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาการลดต้นทุนและช่วยเหลือเกษตรกร 3 ประการ ได้แก่ 1.เพิ่มสัตวบาลในท้องถิ่น เพื่อแก้ปัญหาโรคระบาด ซึ่งเป็นปัจจัยหลักส่งผลต่อต้นทุนการผลิต 2.แปรรูปสินค้าเพื่อยกระดับราคา 3.ลดต้นทุนอาหารสัตว์ ยารักษาโรค ถัดจากนั้นพิธาและคณะได้เดินต่อไปยังโรงรับซื้อน้ำนมดิบในบริเวณใกล้เคียง และพบปะกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่

จากกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ข้อความระบุว่า “เกมพลิก ทักษิณถอยยกเลิกกลับไทย สถานการณ์เปลี่ยน” ต่อมา "แพทองธาร ชินวัตร" แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ลูกสาวนายทักษิณ ชินวัตร เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นสั้นๆ ว่า “เพ้อเจ้อ”

 

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้สอบถามไปยัง นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมหลวมประชาชน เปิดเผยว่า ตนเองยังคงมั่นใจเต็ม 100 % ว่ายังไงคุณทักษิณก็จะไม่มีทางเดินทางกลับมายังประเทศไทยในวันที่ 10 ส.ค. นี้แน่นอน การกลับบ้านของคุณทักษิณจบลงแล้ว ไม่มีทางเป็นไปได้ และความเป็นไปได้เป็นศูนย์ ซึ่งเหมือนคำประกาศที่คุณทักษิณเคยประกาศไว้กว่า 20 ครั้งที่ผ่านมา เพราะถ้าคุณทักษิณจะเดินทางกลับมาประเทศไทย และยอมติดคุกโดยสง่างาม ท่านกลับมาตั้งนานแล้ว ไม่รอจนถึงตอนนี้

 

ส่วนที่คุณอุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร เข้าไปคอมเมนต์ว่าคุณชูวิทย์ในโพสต์ว่า "เพ้อเจ้อ" นั้น ตนเองส่วนตัวเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นลูกที่ต้องการให้พ่อมาอยู่ในครอบครัวอย่างอบอุ่น อยู่กับลูก อยู่กับหลาน ๆ

 

นายจตุพร บอกต่อ แต่ข้อเท็จจริงทางการเมืองตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณทักษิณประกาศว่าจะกลับบ้าน หรือกลับไทยถึง 20 ครั้ง แต่ไม่เคยได้กลับมาสักครั้ง ตอนประกาศก็มีความขึงขังและมีความน่าจะเป็นทุกครั้ง แต่ต้องยอมรับว่า การประกาศกลับบ้าน เกิดขึ้นจากการดีลทางการเมืองทั้งสิ้น ตอนต้นเริ่มต้นด้วยข่าวดี แต่จบลงด้วยข่าวร้ายเสมอ

 

นายจตุพร วิเคราะห์ต่อว่า ด้วยภาวะแวดล้อมทำให้ทุกคนเชื่อว่าการประกาศกลับบ้านครั้งนี้ เป็นผลจากการดีลในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย เห็นอารมณ์ของบรรดานักการเมืองที่เดินทางไปฮ่องกง รวมถึงปรากฎการณ์ "มิ้นช็อก" ที่พรรคเพื่อไทย

 

ซึ่งตนเองพูดตั้งแต่ต้นว่า “อย่าเพิ่งไปเชื่อว่าคุณทักษิณจะกลับไทย หากไม่เห็นการปรากฏตัวคุณนายทักษิณที่สนามบินดอนเมืองในวันที่ 10 ส.ค.นี้” เพราะคุณทักษิณต้องการกลับไทยในลักษณะที่ไม่ถูกคุมขังในเรือนจำแม้เพียงวันเดียว ซึ่งหากคุณทักษิณยอมติดคุกอย่างสง่างาม คุณทักษิณไม่ต้องหนีออกนอกประเทศเลยด้วยซ้ำ และคุณทักษิณก็คงได้อยู่เลี้ยงดูหลานไปแล้ว แต่ความจริงทำแบบนั้นไม่ได้

 

นายจตุพร บอกต่อ มีสูตรเดียวเท่านั้นที่พรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล คือ การข้ามขั้ว ตระบัดสัตย์กับคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนว่าจะไม่จับมือกับพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติโดยเด็ดขาด รวมถึงปิดสวิตช์ 3 ป. // ปิดสวิตช์ สว. // แต่หากข้ามขั้ววันไหนก็จะเกิดการชุมนุม และบริหารประเทศได้ไม่นาน และสุดท้ายก็จะไม่รอดอยู่ดี

 

นายจตุพร บอกทิ้งท้าย เกมส์การเมืองในครั้งนี้ เพื่อไทยจะต้องเลือกให้ดีว่าจะยอมจับมือกับพรรคก้าวไกลเหมือนเดิมอย่างที่ได้ทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับประชาชนหรือไม่ ซึ่งหากยังจับมือกันแน่น ตนเองเชื่อว่า สุดท้ายเสียง สส.290 คน  สองพรรครวมกันก็จะไม่ได้เป็นพรรคฝ่ายค้านอยู่แล้ว เพราะอีกฝ่ายก็บอกประกาศไว้อยู่ว่า จะไม่จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย สุดท้ายก็จะไม่มีใครจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ และอำนาจจะกลับคืนสู่ประชาชนอีกครั้ง ซึ่งเพื่อไทยจะยอมทำแบบนั้นหรือจะยอมจับข้ามขั้ว

 

รองศาสตราจารย์ธนพร ศรียากูล   ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้สัมภาษณ์กับคุณ ผู้สื่อข่าวช่อง 8 ถึงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์เฟซบุ๊กกลางดึกอ้าง “ทักษิณถอย ยกเลิกกลับไทย” ว่านายชูวิทย์อาจมีแหล่งข่าวของตัวเอง แต่ตนคิดว่าแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือที่สุดในตอนนี้ คือลูกสาวของนายทักษิณ คือนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เพราะเป็นคนประกาศวันที่นายทักษิณจะเดินทางกลับ  และทันทีที่นายชูวิทย์เปิดเรื่องนี้คำตอบของนางสาวแพทองธารคือ “เพ้อเจ้อ “ จึงมีความเชื่อมั่นในตัวของนางสาวแพรทองธาร ซึ่งเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี ว่าคำว่าเพ้อเจ้อของนางสาวแพทองธาร มีความหมายว่านายทักษิณยังกลับมาตามกำหนดการเดิม นายชูวิทย์อาจมีข้อมูลอีกชุดหนึ่ง แต่ในการยืนยันว่านายทักษิณจะกลับเป็นเรื่องภายในครอบครัว จึงให้น้ำหนักกับข้อมูลของนางสาวแพทองธารมากกว่า

 

ส่วนความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลของ 8 พรรคร่วมฯนััน รองศาสตราจารย์ธนพร ระบุว่าข่าวเรื่องดีลลับฮ่องกง สิ่งหนึ่งที่ปรากฎเป็นข่าวคือพรรคก้าวไกลได้แสดงจุดยืนที่น่าชื่นชม ในเรื่องมาตรา 112 ที่ยังยืนยันว่าต้องมีการแก้ไขและไม่ยอมรับเรื่อง 2 ลุง เมื่อเป็นแบบนี้ก็เท่ากับพรรคก้าวไกลต้องไปเป็นฝ่ายค้าน ถือว่าสมใจพรรคเพื่อไทย ดังนั้นโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ ไม่มีใครพูดแล้วว่าจะไม่เกิดขึ้น เพียงแต่ ทุกคนต้องจับตาว่าจะม้วนเดียวจบหรือจะมีลีลาอย่างไร ที่มาลดทอนความไม่พอใจของสังคม แต่ผลสุดท้ายพรรคก้าวไกล จะถูกถีบไปเป็นฝ่ายค้านและพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีชื่อ “แพทองธาร ชินวัตร”

 

แม้การวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าคนที่จะถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี คือนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย แต่รองศาสตราจารย์ธนพรระบุว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำใครจะฝากชีวิตตัวเองไว้กับคนอื่น ก็ต้องฝากกับลูก นายเศรษฐาคือลูกน้องของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ลูกน้องของนายทักษิณ และครั้งนี้นายทักษิณไม่ได้กลับมาคนเดียวแต่จะมีนางสาวยิ่งลักษณ์กลับมาด้วย ตนขอแทงสวนในเรื่องนี้ เพราะมีข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้

โคตรเซอร์ไพรส์ "ธนพร" แทงสวนจตุพร 10 ส.ค.ยิ่งลักษณ์กลับไทย ตู่ฟาดตลบแตลง