จากกรณีเกิดเหตุโกดังเก็บประทัดและดอกไม้ไฟระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ในพื้นที่ ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส แรงระเบิดทำให้บ้านเรือนประชาชน และรถยนต์พังเสียหายจำนวนมาก เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 12 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 121 ราย
วันนี้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ลงพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ประสบเหตุโกดังพลุระเบิด และได้เปิดเผยว่า สำหรับเหตุการณ์พลุระเบิดซึ่งสร้างความเสียหายกระทบประชาชน ต่อจากนี้ได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสให้ดูแลชาวบ้าน เพื่อแบ่งเบาภาระความเสียหายที่เกิดขึ้น
รวมทั้งจะกำชับทุกจังหวัดให้เร่งดูแลเรื่องการเก็บดอกไม้เพลิงรวมถึงประทัดในชุมชน เพราะส่วนใหญ่เจ้าของโกดังดอกไม้เพลิงจะตั้งโกดังในชุมชน เพื่อให้ใกล้กับแหล่งขาย ซึ่งสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย หลังเกิดกรณีนี้ก็ต้องมีมาตรการและการป้องกันในการดูแลความปลอดภัยของประชาชน
ขณะเดียวกัน คุณสิกิตตรี เกิดมงคล ผู้สื่อข่าวช่อง8 ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายบ้านเรือนของชาวบ้านเพิ่มเติม เป็นบ้านพักของนายอับดุลเลาะ เชิญชมภู อายุ 35 ปี ห่างจากจุดระเบิด 80 เมตร ซึ่งได้รับผลกระทบจากแรงระเบิดส่งผลให้บ้านของตนได้รับความเสียหายอย่างหนัก
โดยนายอับดุลเลาะ บอกว่า เพิ่งสร้างบ้านหลังนี้เสร็จเมื่อประมาณสี่ปีก่อน ด้วยเงินน้ำพักน้ำแรงของตน 4 ล้านบาท แต่ต้องมาพังทลายในพริบตาแค่ 5 วินาที ส่วนตัวรู้สึกช็อกพูดไม่ออก โดยช่วงเกิดเหตุแม่ของตน หลานชายและพี่สาว น้องสาว อยู่ในบ้านพัก 4 คน จากแรงระเบิดส่งผลให้พี่สาวและน้องสาวได้รับบาดเจ็บ
หลังเกิดเหตุทางเจ้าของโกดังไม่ได้มาแสดงความเสียใจและมาขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น อยากให้ดำเนินคดีเจ้าของโกดังถึงที่สุด
ซึ่งในโซเชียลมีการแชร์หลานชายของตน น้องคาลิซ อายุ 5 ขวบ ที่ได้รับบัตรเจ็บถูกฝ้าเพดานหล่นทับ ต้องเย็บเข็มที่ศีรษะสามเข็ม ตอนนี้อาการปลอดภัยดีแล้ว
ทีมข่าวช่อง8 ได้สอบถามข้อมูลจาก นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยความคืบหน้าเหตุเหตุโกดังเก็บพลุระเบิดว่า จากการตรวจสอบโกดังแห่งนี้พบว่าขออนุญาตก่อสร้างในเนื้อที่ 450 ตารางเมตร พบว่ามีการจดทะเบียนในชื่อ ร้านวิรวัฒน์ภาณิช เปิดเป็นร้านขายสินค้าการเกษตรของใช้ในครัวเรือน แต่ไม่ได้ขออนุญาตในการเก็บวัตถุเชื้อเพลิง ดินประสิว หรือระเบิด ซึ่งการขออนุญาตเป็นการขออนุญาตก่อสร้างโกดังเท่านั้น
โดยพบว่าบริเวณโดยรอบชุมชน รวมโกดังที่เกิดเหตุทั้งหมด 3 โกดัง แบ่งเป็นโกดังที่ระเบิด 1 แห่ง และหน้าร้านซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์อีก 2 แห่ง ซึ่งเมื่อวานช่วงเย็นเจ้ามีหน้าที่มีการตรวจค้นอาคารดังกล่าว พบว่ามีพลุ ถูกเก็บไว้อยู่ภายใน น้ำหนักรวมประมาณ 1 ตัน โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการขนย้าย ไปเก็บรักษาไว้ภายในค่ายกัลยาณิวัฒนา อ.เมืองนราธิวาส
ตอนนี้ตำรวจได้ออกหมายเรียกเจ้าของโกดัง ให้เข้ามาให้ปากคำแล้ว แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ หลังทั้งคู่อยู่ระหว่างพาสมาชิกในครอบครัวไปท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงวันหยุดยาว
สำหรับการตรวจสอบพื้นที่บริเวณโดยรอบชุมชนตอนนี้พบว่ามีความปลอดภัยแล้ว หลังเจ้าหน้าที่กระจายกำลังช่วยกันตรวจสอบ ยืนยันไม่มีผู้คิดค้างอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ
ส่วนเรื่องการเยียวยาจากทางภาครัฐ ช่วยเหลือเงินเยี่ยวยารายละไม่เกิน 500,000 บาท จึงจำเป็นขอรับบริจาคเงินช่วยเหลือจากประชาชนและภาคเอกชน เนื่องความเสียหายที่เกิดขึ้นค่อนข้างรุนแรงและประชาชนได้รับผมกระทบจำนวนมาก โดยเตรียมเร่งเข้าสำรวจความเสียหายให้ครอบคลุมประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด
ด้านนายสุชาติ กิจการ ปลัดอำเภอมูโน๊ะ เผยถึงการจัดตั้งโรงงานเก็บพลุและดอกไม้ไฟในตลาดมูโน๊ะว่า ได้มีการขออนุญาตก่อสร้างโรงงานเพื่อเป็นคลังเก็บสินค้า โดยไม่ได้ระบุว่า เก็บของสิ่งใด ซึ่งโรงงานพึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จ และมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบก่อนเกิดเหตุระเบิดเพียง 3 วัน คาดว่า ทางโรงงานมีการลักลอบนำเข้าพลุและดอกไม้ไฟมาเก็บไว้หลังจากนั้น เพื่อส่งขายไปยังประเทศมาเลเซีย ทั้งนี้ สำหรับสาเหตุการระเบิดครั้งนี้ ทราบว่า คนงานได้เข้ามาเชื่อมชั้นวางของ โดยอาจไม่ทราบว่ามีสิ่งของที่ไวต่อการจุดติดไฟ อย่างไรก็ตาม แรงระเบิดได้สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ระยะรัศมี 3 กิโลเมตร และทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 ศพ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นครอบครัวที่มีบ้านอยู่ใกล้กับโรงงาน
ทั้งนี้ ในส่วนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้เข้าถอดมิเตอร์ไฟในพื้นที่เกิดเหตุตลาดมูโน๊ะ เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากมีบ้านเรือนและสายไฟได้รับความเสียหายอย่างหนัก พร้อมจะจ่ายไฟแรงต่ำเข้ามา สำหรับบ้านบริเวณรอบนอกที่เกิดเหตุ
ขณะเดียวกัน มีคนโพสต์คลิปภาพสต็อกในโกดัง คาดว่าเป็นเจ้าของ ซึ่งเป็นภาพกล่องจำนวนมาก คาดว่าเป็นพลุ โดยเป็นการพูดคุยกับลูกค้าชาวมาเลเซีย
โดยพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับมอบหมายให้ดูแลสำนวนคดี โดยเฉพาะการตรวจสอบการนำพลุเข้าพื้นที่