รวบแล้วฆาตกรตัวจริงฆ่ารัดคอสาวใหญ่หมกรีสอร์ต
กรณีเมื่อค่ำวานนี้ พ.ต.อ.โชคดี ศรีเมือง ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พ.ต.อ.พิศิษฐ์ วิเศษวงศ์ ผกก.กก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ได้สืบทราบว่าคนร้ายตัวจริง คดีฆ่ารัดคอสาวใหญ่หมกรีสอร์ต คือนายเสรีหรือไอ้ไข่ อายุ 57ปี และล่าสุดศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชได้อนุมัติออกหมายจับนายเสรีหรือไข่
เดินทางไปจับกุมตัวนายเสรีหรือไข่ ได้ขณะกบดานหลบซ่อนตัวในบ้าน ต.ไม้เรียง อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ได้อย่างละม่อม พร้อมรถจยย.ของกลางที่ใช้เป็นยานพาหนะหลบหนีในวันเกิดเหตุ ซึ่งชุดเสื้อผ้าที่สวมใส่วันก่อเหตุนายเสรีได้นำไปทิ้งโยนแม่น้ำตาปี อ.ฉวาง แล้ว
วันนี้ 31 กรกฎาคม 2566 ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายัง สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้พูดคุยกับนางสาวพรชนันท์ พี่สาวของนายไข่ ผู้ก่อเหตุ ให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับนายไข่ น้องชายตัวเองมีอาชีพทำสวน และเลี้ยงไก่ชนที่ประเทศมาเลเซีย ส่วนตัวเองนั้นอาศัยอยู่ที่กรุงเทพมหานคร จึงไม่ค่อยได้พูดคุยกับน้องชายเท่าไหร่ ตัวเองพึ่งมาทราบข่าวว่าน้องชายเป็นฆาตกรฆ่าคนตาย เมื่อวานนี้ โดยทราบจากในข่าวเหมือนกัน ยอมรับว่ารู้สึกตกใจมาก
วันนี้เท่าที่ได้เยี่ยมน้องชายในห้องขัง ก็ทราบว่า ปมก่อเหตุมาจากน้องชายบันดาลโทสะ ที่ถูกฝ่ายหญิงบอกเลิก โดยน้องชายคบหากับฝ่ายหญิงมาประมาณ 3-4 ปี เงินที่ได้จากการทำงานเลี้ยงไก่ชนที่ประเทศมาเลเซีย น้องชายก็นำไปให้ผู้เสียชีวิตใช้เดือนละประมาณ 10,000 บาท แล้วก็เพิ่งมาทราบว่า น้องชายได้เอาที่ดิน ที่แม่โอนให้มา (ไม่ทราบจำนวน) ไปจำนองได้เงินประมาณ 50,000 บาท เพื่อนำไปให้นางสาวเกษร ผู้เสียชีวิต กระทั่งวันเกิดเหตุมาถูกนางสาวเกษร บอกเลิก น้องชายจึงบันดาลโทสะ และก่อเหตุดังกล่าว
นอกจากนี้ ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้หลักฐานใบเสร็จ ที่นายเสรี ผู้ก่อเหตุ นำโฉนดที่ด้นของตัวเองไปจำนอง ราคาประมาณ 45,000 บาท เมื่อวันที่ 29/6/2566 โดยมีการจ่ายเงินต้นไปแล้ว 18,385 บาท ยอดค้างชำระคงเหลือ 28,080 บาท
เวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ควบคุมตัวนายเสรี ผู้ต้องหา มาสอบปากคำ ซึ่งเจ้าตัวก็ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
เวลา 14.00 น. หลังจากสอบปากคำเสร็จ นายเสรี ได้เปิดใจกับทีมข่าวว่า ว่าวันเกิดเหตุตัวเองทำไปเพราะบันดาลโทสะ ที่โดนผู้เสียชีวิตบอกเลิก เพราะตัวเองคบหากับผู้เสียชีวิตมา 2 ปีกว่า เงินที่ได้จากการทำงาน ตัวเองก็ส่งให้เกษรใช้เดือนละ 10,000 บาท และล่าสุดตัวเองก็เอาที่ดินไปจำนอง เพื่อเอาเงินมาให้ฝ่ายหญิงใช้จ่าย
แต่สิ่งที่ทำมาทั้งหมด มาถูกฝ่ายหญิงบอกเลิก โดยให้เหตุผลกับตัวเองว่า “เลิกกันเถอะ ฉันมีผัวแล้ว” ตัวเองจึงบันดาลโทสะและก่อเหตุดังกล่าว
หลังเกิดเหตุ ตัวเองก็นอนจับใบหน้า ลูบใบหน้าผู้ตายอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนขับรถมอเตอไซค์หลบหนีกลับบ้าน
ตัวเองอยากบอกวิญญาณเกษรว่า ตัวเองรักเขามาก และรักเสมอ
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมาพบกับนายพงษ์ สามีคนที่ 3 ของนางสาวเกษร
นายพงษ์ ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากทราบข่าวว่าตำรวจไปคุมตัวนายเสรี หรือไข่ ได้นั้น ตัวเองก็รู้สึกสบายใจ ที่ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้ ส่วนตัวก็เคยเจอหน้านายเสรี มาก่อนหน้านี้ แต่ไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่
สำหรับตัวเองคบหากับเกษรได้ 7 เดือน ซึ่งเกษร ก็ไม่เคยเล่าให้ตัวเองฟังเลยว่า เขาเคยคบหากับนายเสรีมาก่อน เกษรบอกกับตัวเองแค่ว่า เขาเคยมีสามีมาแล้ว 2 คน คนแรกคือคนที่มีลูกด้วยกัน ส่วนคนที่ 2 คือนายวิรัตน์ ชาวอำเภอพระพรม ก่อนจะเลิกกับแฟนเก่าแล้วมาคบกับคนที่ 3 คือตัวเอง
หากถามว่าเกษรคบนายเสรี ซ้อนกับตัวเองนั้น ตัวเองก็คิดว่าไม่น่าจะใช่ เพราะตอนที่เกษรคบกับตัวเอง เขาก็ไม่เคยคุยกับผู้ชายคนไหน แล้วก็หลับนอนอยู่ที่บ้านตัวเองตลอด
กรณีที่ผู้ต้องหา ให้การว่า เขาให้เงินเกษรใช้ทุกเดือน เดือนละ 10,000 บาท ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมานั้น “ตัวเองก็คิดว่าน่าจะไม่เป็นความจริง เพราะที่ผ่านมา ตัวเองก็เป็นคนให้เงินเกษรใช้เดือนละ 5,000 บาท ซึ่งเขาก็ ใช้จ่ายเพียงพออยู่แล้ว แล้วก็ไม่เคยเห็นเกษรจะพกเงินเป็น 10,000 บาท เท่าที่สังเกตก็เห็นเกษรมีเงินในกระเป๋าแค่ 1,000 บาท หรือไม่เกินนี้
ส่วนเรื่องที่ว่าผู้ต้องหา ไปจำนองที่ดิน เอาเงิน 40,000 ถึง 50,000 บาท มาให้เกษรเมื่อเร็วๆนี้นั้น ตัวเองก็คิดว่าไม่เป็นเรื่องจริงเช่นเดียวกัน
ตัวเองอยากให้นายเสรี ผู้ต้องหา ถูกดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และอยากบอกวิญญาณของเกษรว่า ให้เขาไปสู่สุคติ ไปสู่ภพภูมิที่ดี