จากกรณีเกิดเหตุโกดังเก็บประทัดและดอกไม้ไฟระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ในพื้นที่ .มูโนะ .สุไหงโก-ลก .นราธิวาส แรงระเบิดทำให้บ้านเรือนประชาชน และรถยนต์พังเสียหายจำนวนมาก เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 12 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 121 ราย บ้านเรือนเสียหายกว่า 300 หลังคาเรือน

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้ความเห็นกรณีเหตุการณ์โกดังพลุและประทัดระเบิดที่กลางตลาดมูโนะ ว่า ขณะนี้พรรคก้าวไกลก็ติดตามและทำงานในเรื่องนี้อยู่ ซึ่งโกดังพลุที่ว่าตั้งอยู่กลางชุมชนขนาดใหญ่ คำถามคือ ปล่อยให้ตั้งโกดังพลุขนาด 5 ตันแบบนี้ได้อย่างไร ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ไม่รู้เรื่องเลยหรือ

พร้อมมองว่า ถ้างานนี้ตำรวจดำเนินคดีแค่เจ้าของโกดัง มันไม่แฟร์ และประชาชนผู้สูญเสียจะไม่ยอม โกดังพลุตั้งอยู่ใจกลางชุมชนขนาดนี้ ขอตั้งคำถามว่า เงินมันไปบังตาใครหรือเปล่า เงินส่วยไปอุดปากใครหรือเปล่า และที่สำคัญคือเจ้าของโกดังคนนี้ เคยถูกจับมาแล้ว เมื่อปี 59 โดย กอรม. ภาค 4 ส่วนหน้า และตอนนั้นมีการลักลอบเก็บพลุเอาไว้กว่า 20 ตัน เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่ และฝ่ายปกครอง จะบอกว่าไม่รู้ ว่ามีโกดังเก็บพลุ ตั้งอยู่ใจกลางชุมชนไม่ได้ และทุกคนรู้ดีว่าในพื้นที่มูโนะ ธุรกิจสีเทาชุกชุม มีระบบส่วยเยอะ และเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก็มีการดำเนินคดีกับตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และอดีตนายอำเภอ

ทั้งนี้ ตนขอถามไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่าจะปล่อยให้ "จ่าฟ." เป็นแม่บ้านเก็บส่วยส่งนาย โดยที่ไม่ทำอะไรเลยเหรอ

ซึ่งหากไปถามว่าชาวบ้านรู้หมด ไปถามได้เลย ว่า "จ่าฟ." ที่เก็บส่วยให้ตำรวจคือคนไหน ที่ผ่านมามีการเก็บส่วยเรื่องค่ามนุษย์ แรงงานเถื่อน และเก็บส่วยจากสิ่งผิดกฎหมายมากมาย ยืนยันว่าเรื่องนี้จับแค่เจ้าของโกดังไม่ได้

ทีมข่าวช่อง8 รวบรวมข้อมูลบุคคลที่คาดว่าเกี่ยวข้องกับโกดังพลุระเบิดเข้ามาไว้ในพื้นที่ โดยมี จ่าไหว ทำธุรกิจดอกไม้เพลิง , เจ๊ จ. ภรรยานักการเมืองท้องถิ่น ลำเลียงส่งสินค้าไปยัง.สงขลา และประเทศมาเลเซีย 

ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับนายลิฟต์ อายุ 25 ปี  เป็นพนักงานส่งของข้ามฝั่งจากไทยไปมาเลเซีย เปิดใจว่า เจ้าของโกดังลอบจ่ายส่วยให้ตำรวจในพื้นที่ โดยเจ้าของโกดังมีอาคาร2แห่งที่เปิดขายอุปกรณ์ทางการเกษตร เพื่อบังหน้าธุรกิจสีเทา อาคารแห่งแรกคือบ้านพักของเจ้าของซึ่งเป็นอาคารสองชั้นอยู่ในตลาดมูโนะ และจุดที่สองก็คือโกดังที่เก็บพลุที่ระเบิดล่าสุด

 

โดยลูกค้าของโกดังลูกระเบิดส่วนใหญ่ เป็นลูกค้าทางมาเลเซีย หลังจากที่ลูกค้าได้ดิวซื้อของกับทางเจ้าของโกดัง ก็จะมีคนที่รับออดอร์ขนกล่องเก็บดอกไม้เพลิงจากโกดังไปที่ท่าเรือเพื่อข้ามฝั่งจากไทยไปยังมาเลเซีย ส่วนใหญ่จะขนย้ายในช่วงเดือนรอมฎอน  และเทศกาลฮารีรายอ โดยในช่วงเดือนเทศกาลจะมีการจ้างขนส่งทางเรือจากไทยไปมาเลเซียทุกวันทั้งเดือน ขนประมาณ 20-100 กล่อง ซึ่งทางเจ้าของโกดังจ่ายให้กับตำรวจรายเดือน เดือนละจำนวนหลักหมื่น  ซึ่งยังไม่รวมสวยที่ตั้งโกดังในชุมชนอีก ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าในส่วนนี้จ่ายต่อเดือนเท่าไหร่

แต่มีครั้งหนึ่งระหว่างที่ตนขนกล่องเก็บดอกไม้เพลิงจากฝั่งไทยข้ามไปมาเลเซียทางเรือ   แล้วถูกตำรวจไทยจับได้ว่าเป็นพลุข้ามฝั่ง  ทางเจ้าของโกดังเคลียร์ให้จ่าย 4,000-5,000 บาท

ฉีกหน้ากากตัวบงการบึ้มล้างเมือง เงินสะพัดแลกรถซุกระเบิดพลุเข้าชุมชนมูโนะ