นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายโดยเฉพาะที่ สว. ออกมาแสดงความเห็นว่าก่อนหน้านี้เคยเห็นข่าวและคลิปการให้สัมภาษณ์ของตน ถึงจุดยืนในการแก้ ม.112 ว่า ยังคงยืนยันเรื่อง ม.112 ต้องไม่อยู่กับพรรคการเมืองที่เสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในครั้งถัดไป ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจาก สว. และอีกหลายพรรคการเมือง
"หากเพื่อไทยเสนอชื่อผมในวันโหวตนายกฯครั้งถัดไป แน่นอนต้องไม่มีแก้ ม.112 เพื่อไทยชัดเจนว่าจะไม่แก้ไข ไม่ยกเลิก แน่นอน" นายเศรษฐา กล่าว
นอกจากนั้นนายเศรษฐา กล่าวว่า หากต้องการให้ประเทศเดินหน้า และให้จัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ ก็จำเป็นที่จะต้องถอดสลักและวางเรื่อง ม.112 ไว้ก่อน ในวันนี้เรื่องเศรษฐกิจ และปากท้องของพี่น้องประชาชนสำคัญที่สุด เรื่องใดที่ ทำให้ประชาชนอิ่มท้อง และทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นวันนี้ต้องทำก่อน
ขณะเดียวกัน นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ ฐานะเลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา ชี้แจงต่อกรณีที่เดินทางไปร่วมงานวันเกิดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ฮ่องกงช่วงปลายเดือนกรกฏาคม ว่า ตนไปในฐานะเพื่อนเก่า ที่มีความผูกพัน เมื่อถึงคราววันคล้ายวันเกิดนายทักษิณ ตนจึงไปเยี่ยม ไปให้กำลังใจ ไม่ว่าอยู่ประเทศไหน ตนไปคนเดียว ฐานะเพื่อน ซึ่งนายทักษิณ พูดถึงสถานการณ์ที่จะกลับมาเยี่ยมหลาน
ส่วนแนวทางการกลับบ้านนั้น นายทักษิณ บอกว่าจะมาเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว และลงที่สนามบินดอนเมือง หลังจากนั้นไปศาล และหากจะไปเข้าคุกยินดีปฏิบัติตาม
นายประภัตร กล่าวด้วยว่าการไปพบนายทักษิณไม่มีการพูดถึงดีลการเมือง มีแต่ย้ำความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา ตั้งแต่อดีตถือว่ามีความสัมพันธ์แนบแน่นในช่วงที่นายทักษิณ มีปัญหาทางการเมืองได้มาพักผ่อนที่สุพรรณบุรี นายทักษิณ ยังเล่าว่าเคยถูกกล่าวหากับตนว่าขายชาติหลังจากที่เชิญซาอุดิอาระเบียมาดูการทำนาที่บ้านควาย จ.สุพรรณบุรี เป็นการเล่าความหลังมากกกว่าเพราะต่างคนต่างอายุเยอะแล้ว ส่วนเรื่องการเมืองนั้นในวันที่ 4 สิงหาคม จะรู้ว่าการเมืองเป็นอย่างไร
"ทุกวันนี้ ถามใคร ก็ตอบไม่ได้ เพราะไม่มีใครรู้ถึงความชัดเจนว่าใครจะรวมตัวเป็นรัฐบาลแม้แต่ผมยังตอบไม่ได้ เพราะไม่มีการประชุมพรรค จึงไม่ทราบว่านายวราวุธ ศิลปอาชาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา มีแนวทางอย่างไร"นายประภัตร ระบุ
ฟากฝั่งความเห็นของนักวิชาการ อย่าง รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก วิเคราะห์ความเป็นไปได้ หลังพรรคเพื่อไทยยืนยันสูตรจัดตั้งรัฐบาล "ไม่มี 2 ลุง และ ไม่มีก้าวไกล" เป็นการทำตามสัญญาที่บอกว่าจะรับฟังเสียงของประชาชน ด้วยการไม่มีพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยเตรียมนำเสนอข้อเรียกร้องของ สว. และพรรคอื่นที่ไม่ยอมรับพรรคก้าวไกล เพื่อให้ที่ประชุม 8 พรรคตัดสินใจร่วมกัน ก่อนถึงวันโหวตนายกฯ 4 ส.ค. ที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ
โดย อ.นันทนา มองว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยจะใช้สูตรนี้ คงต้องบอกตรงๆว่า "อันตราย" เพราะการที่พรรคเพื่อไทยต้องตัดพรรคก้าวไกลและไม่เอาพรรค 2 ลุง ทำให้พรรคเพื่อไทยจะต้องดึงพรรคอื่นร่วม ซึ่งจากการคำนวณ ก็คาดว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถรวบรวมได้ 253 เสียง หากมองตามกติกา ก็ถือว่าได้เสียงเพียงพอที่จะจัดตั้งรัฐบาล แต่หากมองในเหตุและผล การที่พรรคเพื่อไทยได้เสียงเกินมาเพียง 3 เสียง เปรียบเสมือนการอยู่ปริ่มน้ำ ซึ่งอาจจะตกน้ำในภายหลังก็ได้ เพราะทุกครั้งที่มีการโหวต จะไม่สามารถมีใครลากิจ ลาป่วยได้เลย ทุกคนต้องมาครบ ไม่อย่างนั้นมีปัญหาแน่นอน
และการที่พรรคเพื่อไทยบอกในครั้งนี้ว่าไม่เอา 2 ลุง เพราะรับฟังเสียงของประชาชน ต้องมาดูอีกครั้งในวันที่จะจัดตั้งรัฐบาล ว่าท้ายที่สุดแล้วจะเอา 2 ลุงมาร่วมไหม หรือถ้าจะบอกว่า 2 ลุงไม่ได้อยู่ในพรรค เขาลาออกไปแล้ว จึงใช้เป็นข้ออ้างในการนำ 2 พรรคนี้เข้ามาร่วมเพื่อให้ได้จำนวนเสียงที่มากพอและมั่นคง อย่าคิดว่าประชาชนเขารู้ไม่ทัน เพราะไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ประชาชนเขารู้อยู่เต็มอกว่ายังไง 2 ลุงก็ยังคงอยู่ดูแลและควบคุมพรรคเหล่านั้นอยู่หลังม่าน
และอีกอย่างที่พรรคเพื่อไทยต้องคิดให้หนัก หากจะไม่เอาพรรคก้าวไกล หมายความว่าพรรคก้าวไกลต้องไปเป็นฝ่ายค้าน คิดว่าพรรคก้าวไกลเขาจะยอมไหม ประชาชนเขาจะยอมไหม ในเมื่อเขาเลือกพรรคก้าวไกลเป็นพรรคอันดับ 1 ในการจัดตั้งรัฐบาล ประชาชนต้องเกิดความไม่พอใจอย่างแน่นอน แล้วคิดหรือยังว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรจะตามมาบนท้องถนน