ตำรวจสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมกับตำรวจหลายหน่วยงาน ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัวน.ส.เดือนเพ็ญ หรือ แฮม อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ของผู้อื่น

โดยพบประวัติต้องโทษคดีอาญา 2 คดี
1.วันที่ 19 มี.ค. 66 ถูกดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ของผู้อื่น พื้นที่ สภ.แหลมฉบัง
2.วันที่ 9 ก.พ. 66 ถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ของผู้อื่น พื้นที่ สภ.แหลมฉบัง

โดยแก๊งบุษราคัม มีพฤติการณ์ต้มตุ๋นอันดับต้นของประเทศไทย มีวิธีการหลอกสุดแนบเนียน โดยจะให้ สาวสวยรายหนึ่ง คือ น.ส.บุษราคัม ตีสนิทแสร้งรัก กับเหล่าชายขี้เหงา และสานความสัมพันธ์จนกระทั่งมีความสนิทในระดับหนึ่ง ก่อนจะใช้ลูกอ้อน ขอให้เหล่าชายขี้เหงาใช้ชื่อทำสัญญาเช่าซื้อรถให้ โดยจะอ้างว่าตนติดแบล็คลิสต์ ส่วนค่าเงินดาวน์และผ่อนชำระค่างวดตนจะรับผิดชอบเอง ซึ่งเหยื่อเห็นว่าเป็นเพียงแค่การใช้ชื่อทำสัญญา ไม่ได้เสียเงินใดๆ ต่างหลงเชื่อดาวน์รถให้

และในวันนัดทำสัญญาเช่าซื้อรถ น.ส.บุษราคัม จะให้เพื่อนร่วมขบวนการอีก 3 คน มาสร้างสถานการณ์โดยทำทีแสดงเป็นญาติและช่วยกันต้มตุ๋น เหยื่อจนสุดท้ายเมื่อเหยื่อจ่ายเงินดาวน์รถเรียบร้อยแล้วทั้ง 4 คน ก็จะหายไปพร้อมกับรถที่พึ่งจะดาวน์ออกมาไปอย่างงงๆ ทำให้สุดท้ายชายตกเป็นเหยื่อต้องตกอยู่ในสภาพ “ผ่อนกุญแจ” เสียเงินไปฟรีๆทุกเดือน

โดยแก๊งนี้ออกอาละวาดในพื้นที่ ภาคตะวันออก , ภาคกลาง และภาคตะวันตก โดยมีผู้ตกเป็นเหยื่อของแก๊งต้มตุ๋นนี้ไม่ต่ำกว่า 15 ราย

ล่าสุดในห้วงปี 2566 แก๊งนี้ได้ออกอาละวาดใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งมีผู้ตกเป็นเหยื่อกว่า 2 ราย โดยเหยื่อทั้งสองรายได้พบกับขบวนการต้มตุ๋นนี้ผ่านทางแอปพลิเคชั่นหาคู่ พูดคุยกันทำนองชู้สาวกับหญิงสาวซึ่งชื่อว่า น.ส.บุษราคัม จากนั้นได้ถูกต้มตุ๋นให้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์กระบะสีขาว ราคา 905,607.08 บาท ซึ่งสุดท้ายก็ถูกขบวนการนี้ต้มตุ๋นและเชิดรถไปในวันทำสัญญาเช่าซื้อ โดยตอนแรกยังตกอยู่ในอาการงุนงงแต่เมื่อเริ่มได้สติ ผู้เสียหายเริ่มติดใจสงสัยจึงนำชื่อและสกุลของผู้ต้องหาไปสืบค้นทางอินเทอร์เน็ตจึงพบว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์กระทำผิดในลักษณะนี้หลายคดี

ซึ่งต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้ตรวจสอบแผนประทุษกรรมแล้วพบว่าแก๊งต้มตุ๋นแก๊งนี้ก่อเหตุมาอย่างโชกโชน มีรูปแบบการหลอกลวงที่แนบเนียน จึงได้ส่งชุด “สืบนครบาล” สืบสวนติดตามจนกระทั่งสืบทราบว่า น.ส.เดือนเพ็ญ เป็นหัวโจกของขบวนการ หรือคนคอยวางแผนในการปฏิบัติการให้กับแก๊งบุษราคัมฯ ซึ่งต่อมาได้มีการออกหมายจับ น.ส.เดือนเพ็ญฯ ในเวลาต่อมา กระทั่งในวันที่ 31 ก.ค. 66 พล.ต.ต.ธีรเดช นำกำลังชุดสืบนครบาลเข้าจับกุม น.ส.เดือนเพ็ญฯ ได้ในที่สุด

โดยจับกุมได้ที่ ตำบลท่าชุมพล อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ขณะที่กำลังแพ็คกระเป๋าเพื่อเตรียมหลบหนี

ในชั้นจับกุม น.ส.เดือนเพ็ญ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การวกไปวนมา จับใจความไม่ได้โดยตีบทแตกโกหกหน้าตายอ้างว่า “ตนเองจบการศึกษาชั้น ปวช. จากโรงเรียนชื่อดังใน จ.ราชบุรี แต่ไม่ได้เรียนแต่เนื่องจากได้ตั้งครรถ์บุตรก่อน ปัจจุบันทำงานค้าขาย ในทางคดีนั้นตนไม่รู้เรื่องการลักรถของ น.ส.บุษราคัม แต่อย่างใด และไม่รู้จักกันด้วย ส่วนเงินที่โอนกันไปมาระหว่างตนและบุษราคัม เป็นค่ายืมเงินจิปาถะทั่วไป ส่วนที่ไปเจอกับเหล่าเหยื่อในห้างนั้น น.ส.บุษราคัม หลอกให้ตนเองไปเป็นเพื่อนโดยตนเองไม่ทราบเลยว่ามีการไปหลอกลวงคนอื่นๆ


ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ไปพบกับนายพิเชษฐ์ ผู้เสียหาย เล่าว่า เจอกับฝ่ายหญิงชื่อ หมวย ผ่านทางแอปหาคู่ โดยคุยกันได้ประมาณ 4-5 วัน ฝ่ายหญิงบอกว่า ไม่สะดวกให้จึงให้ไอดีไลน์มา จากนั้นก็คุยกันผ่านไลน์ประมาณ 10 กว่าวัน ฝ่ายหญิงบอกว่า อยากออกรถ แต่ติดแบล็คลิสต์กับแฟนเก่าจึงออกไม่ได้ ตนจึงบอกว่าให้หาคนที่ไว้ใจออกรถให้ หมวยจึงขอให้ตนช่วยออกรถให้



จากนั้นวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา หมวยก็ให้ตนส่งเอกสารให้เซลล์ขายรถเอง จนช่วงวันที่ 26-27 เม.ย. เซลล์โทรมาแจ้งว่า เอกสารอนุมัติผ่านไฟล์แนนซ์แล้วให้ไปรับรถได้เลยตนและหมวย บุษราคัม จึงนัดเจอหน้ากันครั้งแรก ในวันที่ 28 เม.ย. โดยวันนั้น หมวย ได้มาพร้อมอาผู้ชาย และนางสาวเดือนเพ็ญ อ้างว่าเป็นอาผู้หญิง

โดยอาผู้ชายของหมวยได้ควักเงินสด 7 หมื่น 5 พันบาท ที่จะนำมาใช้ไปดาวน์รถให้ดู ก่อนจะพากันไปรับรถกระบะป้ายแดง 4 ประตูที่โชว์รูม ในจ.ชลบุรี

พอรับรถเสร็จอาผู้ชายของหมวย เป็นคนขับ แต่ตนไม่ได้ขับรถเอง เพราะไม่มีใบขับขี่ จู่ๆ อาผู้ชายก็บอกว่า มีธุระ เลยขับรถไปกับนางสาวเดือนเพ็ญ อาผู้หญิง ส่วนหมวยยังมากินอาหารอยู่กับตนในห้าง ก่อนที่หมวยจะขอตัวกลับ โดยไม่มีอะไรผิดสังเกต



จนวันรุ่งขึ้น(29 เม.ย.) หมวย ทักมาในไลน์บอกว่า อยากได้รถอีกคัน ตนเลยถามว่า แล้วคันที่เพิ่งออกไปจะทำยังไง เพราะใช้ชื่อตนเป็นคนซื้อ แต่หมวยก็อ้างว่า มีปัญหากับอานิดหน่อย จึงอยากซื้อรถคันใหม่ เพื่อเอาไปใช้ขนสบู่และเครื่องสำอางขาย ตนก็หลงเชื่อยื่นเอกสารซื้อรถกระบะ 4 ประตูอีกคัน ที่โชว์รูมย่านสัตหีบ จ.ชลบุรี ไฟแนนซ์ก็อนุมัติผ่านในวันเดียว

วันที่ 30 เม.ย.ก็นัดไปรับรถกัน โดยหมวย มากับอาผู้หญิงและอาผู้ชายเหมือนเดิม โดยครั้งนี้อาผู้ชายเอาเงิน 7 หมื่น 8 พันบาทไปดาวน์รถ ก่อนที่ทั้ง 3 คนจะพาตนมาส่งที่พัก และอ้างว่ามีธุระด่วนต้องรีบไป



หลังจากนั้นตนก็เริ่มติดต่อหมวยไม่ค่อยได้ ก่อนที่หมวยจะขาดการติดต่อไปเลย โทรก็ไม่รับ ไลน์ก็ไม่อ่าน จึงเอะใจ เอาชื่อหมวย – บุษราคัม ไปเสิร์ชในกูเกิ้ล รอบแรกก็ไม่เจอข้อมูลอะไร จนค้นอีกรอบ ก็พบว่า มีชื่อ หมวย-บุษราคัม ฉ้อโกงเรื่องรถ ตอนนี้ตนต้องเป็นหนี้ ต้องผ่อนรถเอง 2 คัน ทั้ง ๆ ที่รถก็ไม่ได้อยู่กับตัวเอง

นายพิเชษฐ์ บอกด้วยว่า นางสาวเดือนเพ็ญ ที่เพิ่งถูกตำรวจจับได้ เป็นคนเดียวกับที่มาหลอกตนพร้อมหมวย บุษราคัม ตอนนี้อยากให้เอารถมาคืนตนและผู้เสียหายทั้งหมด เพราะทุกคนเดือดร้อนมาก

แฉแก๊งบุษราคัมลวงรัก หนุ่มตรอมใจถอยรถให้ 2 คันโดนเชิด ต้องขี่มอ’ไซค์ผ่อน