จากกรณีนายจีราวัฒน์ หรือน้องก็อต ถูกยิงศีรษะเสียชีวิต ที่สวนผัก ทางเข้าป่าช้าวัดลุงเก่า หมู่ 3 ตำบลฮอด อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่
วันนี้(2 สค 66) ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุอีกครั้งพบบริเวณดังกล่าวเป็นทางดินลูกรังเต็มไปด้วยโคลน เนื่องจากวันนี้มีฝนตกหนัก
จากการสังเกตพบว่าจุดนี้เป็นเส้นทางที่จะมุ่งหน้าไปยังไร่นาของชาวบ้าน ของนายนิคม พ่อของผู้เสียชีวิตด้วย
โดยวันนี้ได้สังเกตเห็นว่าทางครอบครัวของผู้ตาย ได้มีการนำของเซ่นไหว้ และอาหารที่ผู้ตายชอบกินมาวางเอาไว้
สอบถามข้อมูลจากนายกำพล เล่าว่า ตนเป็นญาติพี่น้องของผู้ตายหลังจากทราบข่าวตนก็รีบเดินทางจากเชียงใหม่มาที่งานศพทันที โดยตอนนี้ก็มีญาติญาติได้ช่วยกันจัดเตรียมสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ภายในงานศพเพื่อรอรับศพที่กำลังจะเดินทางมาถึง ส่วนตนเข้ามาดูแลวัวในไร่แทนพ่อของผู้ตาย เนื่องจากวันนี้ทั้งพ่อและแม่เดินทางไปทำธุระเพื่อที่จะรับศพของผู้ตายกลับบ้าน
นายกำพล ยังบอกอีกว่า ผู้ตายเป็นคนดี ไม่เคยมีปัญหากับใคร นอบน้อมและเพิ่งเรียนจบได้ไม่นาน ก็มาทำการเกษตรกับครอบครัว ส่วนจะมีประเด็นหรือมีปัญหากับใครก่อนนี้นั้นต้องรอสอบถามข้อมูลจากพ่อและแม่ ของผู้ตายดูอีกที
ต่อมาทีมข่าวช่องแปดได้มีโอกาสพบกับนายนิคม ปิ่นต๊ะ (พ่อของผู้ตาย) เล่าว่าในวันเกิดเหตุเป็นช่วงตอนกลับออกจากไร่ซึ่งลูกชายจะขี่รถมอเตอร์ไซต์ออกมาก่อน ขณะนั้นตนยังเก็บผักอยู่ในไร่ ก็ได้ยินเสียงตูมดังขึ้นก็คิดว่าน่าจะเป็นเสียงยางระเบิด จึงไม่ได้ใส่ใจอะไรคิดว่าหากเป็นยางระเบิดยางแตกจริงๆ ลูกชายคงจะกลับมาขอความช่วยเหลือ แต่พอหลังจากเก็บผักเสร็จเรียบร้อยแล้วเดินทางกลับออกมา จึงพบว่ารถลูกชายล้มอยู่ข้างทาง พบคราบเลือด ติดอยู่ที่รถของลูก จึงรีบตะโกนเรียกภรรยาให้ช่วยตามหาลูกชาย จนพบว่าลูกชายนอนโดนยิงเสียชีวิตอยู่ในป่าข้างทาง เบื้องต้นทราบว่าโดนยิงที่หน้าอกหนึ่งนัด ตอนนี้กำลังรอผลชันสูตรศพอยู่ และคาดว่าศพจะเดินทางถึงบ้านในค่ำวันนี้หรืออาจเป็นวันพรุ่งนี้
จากคำบอกเล่าของพ่อผู้ตาย บอกว่าเส้นทางที่ จะเดินทางไปยังไร่ของตนนั้นเป็นเส้นทางที่ค่อนข้างเปลี่ยว ไม่มีไฟฟ้าและไม่มีบ้านหรือมีใครอาศัยอยู่บริเวณนั้นเลย ต้องใช้การเดินเท้าหรือมอเตอร์ไซค์เข้าไปเท่านั้น ซึ่งจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากไร่ของตนไปเพียง 300 เมตร เชื่อผู้ก่อเหตุ น่าจะเป็นคนในพื้นที่ที่รู้เส้นทางเส้นนี้เป็นอย่างดี และรู้เวลาเข้าออกของผู้ตายเป็นอย่างดีเช่นกัน ตอนพบรถมอเตอร์ไซด์นั่น ก็คว่ำอยู่ไม่ไกลเพียง 4-5 เมตรเท่านั้น โดยลูกชายกระเด็นออกจากรถเสียชีวิตอยู่ในป่าข้างทาง
ภาพวงจรปิดริมทางหลวงหมายเลข 1012 ความยาว 0.07 นาที บันทึกภาพได้ในขณะที่ นายจีราวัฒน์ หรือน้องก็อต วัย 24 ปี ผู้เสียชีวิต กำลังขี่รถมอเตอร์ไซค์สีดำแดงของตนเอง ออกจากบ้านเพื่อที่จะไปช่วยพ่อและแม่ทำงานที่ไร่ จากจุดนี้ไปถึงไร่เป็นระยะทาง1.5กิโลเมตร
ด้านนางกิ่งแก้ว ผู้เป็นแม่ เปิดใจน้ำตาคลอ อยากให้ตำรวจตามจับตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็ว เพราะตอนนี้มืดแปดด้านตนไม่รู้จะพึ่งใครได้นอกจากตำรวจ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ วอนตำรวจดำเนินการให้ถึงที่สุด เพราะตอนนี้ผู้ต้องสงสัยก็ยังออกมาลอยนวล เราไม่รู้ว่าเขาจะใช่ฆาตกรหรือไม่ แต่ก็กลัวว่าจะก่อเหตุซ้ำ เพราะผู้ต้องสงสัยรายนี้ เคยมีคดีติดตัวมาก่อน แต่คิดว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนในพื้นที่ และรู้เวลาที่ลูกชายเดินทางเข้าออกไร่ และชำนาญเส้นทางเป็นอย่างดี ตอนนี้ชาวบ้านต่างหวาดกลัวกันหมดไม่มีใครกล้าออกจากบ้านตอนดึกอีกแล้ว หากเป็นไปได้อยากขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยดลบันดาล ขอลูกชายมาเข้าฝัน ชี้ตัวคนผิดให้ด้วย ตนมีลูกเพียงสองคน ต้องมาตายจากไป ตอนนี้เหลือลูกสาวอีกหนึ่งรู้สึกเป็นห่วงมาก
จากการพูดคุยกับชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้ต่างหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่บอกว่ายังไม่เคยมีเหตุรุนแรงแบบนี้เกิดขึ้นในหมู่บ้านของตนเองมาก่อนเลย ครั้งนี้ถือว่าอุกอาจมากเพราะซุ่มยิงกันตอนกลางวันตอนนี้ชาวบ้านต่างมุ่งเป้าไปที่ นายประเสริฐ (ผู้ต้องสงสัย) วอนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยติดตามเอาตัวคนร้ายออกจากหมู่บ้านไปโดยเร็ว
จากการพูดคุยกับชาวบ้าน เล่าว่านายประเสริฐ ผู้ต้องสงสัย เคยเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าคนตายมาแล้วเมื่อ 10 ปีก่อน มีประวัติยาเสพติดซึ่งตอนนี้คนในหมู่บ้านต่างมุ่งเป้าไปที่ผู้ต้องสงสัยรายนี้ และเคยมีการพูดว่าใครเข้าบ้านจะยิงทิ้ง
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของนายประเสริฐ ยาประเสริฐ (ผู้ต้องสงสัย) พบว่า บ้านของผู้ต้องสงสัยเป็นบ้านที่อยู่ติดกับบ้านของผู้ตาย โดยนายประเสริฐผู้ต้องสงสัย เล่าว่า ตนเป็นเพื่อนบ้านกับครอบครัวนี้มานานแล้ว เห็นนายจีรวัฒน์ (ผู้ตาย) มาตั้งแต่เด็กๆรักเหมือนลูกหลาน และไม่เคยมีปากเสียงหรือทะเลาะกันรุนแรงจนถึงขั้นทำร้ายกันกับนายจีราวัฒน์(ผู้ตาย)เลยสักครั้ง
แต่เมื่อสามสัปดาห์ก่อนได้มีประเด็นกับผู้ตายครั้งหนึ่ง โดยในวันนั้นเพื่อนของผู้ตายหลายคนได้ขับรถยนต์มาจอดไว้ที่หน้าบ้านของผู้ตาย และนำรถจักรยานยนต์ออกไปข้างนอกด้วยกัน จนดึกจึงกลับเข้ามา คืนนั่นตนจอดรถมอเตอร์ไซด์ไว้หน้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงเพื่อนของผู้ตายคนหนึ่งตะโกนบอกเพื่อนอีกคนว่า “เข้าไปในบ้านเขาทำไม” ซึ่งตอนนั้นตนไม่ได้ออกมา เพราะดึกมากแล้ว จนรุ่งเช้า ถึงได้ออกมาดูก็พบว่ามีร่องรอยงัดแงะอะไหล่รถของตนแต่อะไหล่ยังไม่ได้หายไป จึงได้ไปบอกกับนายนิคมผู้เป็นพ่อของผู้ตายว่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซึ่งนายนิคมก็รับปากว่าจะไปถามผู้ตายให้ แต่ต่อมาตนก็ได้พบกับนายจีรวัฒน์ จึงได้คุยเคลียร์ปัญหาดังกล่าวกับเจ้าตัวโดยตรงซึ่งนายจิรวัฒน์(ผู้ตาย)ยืนยันว่าไม่ได้เข้าไปเพื่อขโมยอะไหล่รถจักรยานยนต์ของตนแน่นอน ซึ่งตนก็ให้อภัยเพราะไม่มีอะไรเสียหายหรือสูญหาย