ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปพูดคุยกับ นายนิยม นพรัตน์ หรือ “เค สามถุยส์” ตัวแทนกลุ่มคนเสื้อแดง FC พรรคเพื่อไทย ได้ให้ความเห็นเรื่องวันนี้ที่พรรคเพื่อไทยขอถอนตัวออกจาก MOU พรรคร่วมรัฐบาล เพราะ พรรคก้าวไกล ไม่ยอมถอย ม.112 โดย เค สามถุยส์ มองว่า วันนี้ที่พรรคเพื่อไทยประกาศแยกกับพรรคก้าวไกลนั้นใจจริงแล้ว ตนเองในฐานะแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ก็ไม่ได้อยากให้เพื่อไทยแยกกับก้าวไกลเท่าไหร่นัก แต่ก็ต้องยอมรับว่า จนถึงตอนนี้พรรคอื่นเค้าไม่อยากจะร่วมด้วยกับพรรคก้าวไกลแล้ว
ปัญหาไม่ใช่พรรคเพื่อไทยไม่เอาก้าวไกล แต่เป็นปัญหาที่พรรคกลุ่มก้อนอื่นไม่มีใครอยากจะยกมือให้พรรคก้าวไกล เนื่องจากพรรคก้าวไกล ไม่ยอมถอยเรื่อง “แก้ ม.112” ซึ่งต้องยอมรับว่า ขณะนี้พรรคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เสียงมันไม่พอ จะให้พรรคเพื่อไทยทำยังไง
และการที่พรรคเพื่อไทยขอถอนตัวมันผิดด้วยหรือ เพราะเห็นกันอยู่แล้วว่า ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลหากยังยืนยันว่า จะแก้ ม.112 ก็ไม่มีทางจะจัดตั้งรัฐบาลได้
ส่วนที่พรรคเพื่อไทย วันนี้ต้องยอมจับข้ามขั้ว ไปร่วมกับพรรคอื่น เช่น ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ มันก็เป็นสิทธิของพรรคเพื่อไทย เพราะในเมื่อพรรคอันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคอันดับ 2 ก็ต้องพยายามจัดตั้งให้ได้ และมองว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้ทรยศประชาชน หรือ ทรยศพรรคก้าวไกล และก็เป็นสิทธิของพรรคเพื่อไทยว่า จะเอาพรรคก้าวไกลมาร่วมรัฐบาลหรือไม่ก็ได้
ส่วนที่ก่อนหน้านี้ที่คุณเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายก และพรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงว่า หากประชาชนกาให้เพื่อไทยแลนด์สไลด์ พรรคเพื่อไทยจะไม่จับมือกับเผด็จการ หรือพรรค 2 ลุง หรือ พรรคพลังประชารัฐ กับ รวมไทยสร้างชาติ รวมถึงจะปิดสวิตซ์ สว. เรื่องนั้นมันเป็นอดีตไปแล้วและเป็นคนละบริบทกับปัจจุบัน เพราะพรรคเพื่อไทย สอบตกแพ้เลือกตั้ง ไม่ใช่พรรคอันดับ 1 แต่เป็นพรรคอันดับ 2 ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็จำเป็นต้องหาทางจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ซึ่งพรรคก้าวไกลก็ควรจะต้องปล่อยให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้ง
“คนที่เลือกเพื่อไทย เพราะเลือกให้พรรคเพื่อไทยเข้ามาแก้ปัญหาของประเทศชาติ ให้อยู่ดีกินดี ไม่ใช่เลือกเพื่อไทยเพื่อมาแก้ปัญหาให้พรรคก้าวไกล วันๆจะเอาแต่ไปแก้ ม.112”
และวันนี้เพื่อไทยจะต้องพยายามจะจัดตั้งเป็นรัฐบาลเพื่อมาแก้ปัญหาของประเทศไทยให้ได้ ถึงแม้จะต้องยอมจับข้ามขั้วก็ตาม ซึ่งตนเองเชื่อว่า หากพรรคเพื่อไทยสามารถแก้ไขปัญหาให้ประชาชนคนไทยได้ ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีความสุขขึ้น เพื่อไทยก็จะไม่วันสูญพันธุ์
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงจุดยืนของพรรค ภายหลังพรรคเพื่อไทยแถลงฉีกเอ็มโอยูและประกาศไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลว่า จุดยืนยังเหมือนเดิม แต่ต้องรอดูเป็นสเต็ป ขั้นตอนแรกคือการโหวตนายกรัฐมนตรี เราประกาศชัดเจนหากมีพรรคก้าวไกลและการแก้ไขมาตรา 112 เราไม่สามารถโหวตให้ได้ หากหลุดจากเงื่อนไขตรงนี้ ต้องรอดูสเต็ปต่อไปว่าจะไปกันได้หรือไม่
ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยเพิ่งแถลงข่าวไป ยังมีเนื้อหาสาระคิดว่าคงไม่ง่ายขนาดนั้น ส่วนที่จะแถลงจัดตั้งรัฐบาลวันที่ 3 สิงหาคมนั้น ตนยังไม่ทราบ และพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้ติดต่อมา ทั้งนี้ ตนยืนยันว่ายังไม่ได้พูดคุยกับ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย
ส่วนมองคุณสมบัติ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เป็นอย่างไรนั้น นายเอกนัฏ กล่าวว่า การโหวตนายกฯ ทั้ง 2 ครั้ง ติดมาตรา 112 โดยครั้งที่ 3 ต้องประกาศให้ชัด ต้องมีการอธิบายและหารือกันในรัฐสภา จากฝั่งสว. และสส. คิดว่าประเด็นมาตรา 112 ต้องชี้แจงก่อนโหวตนายกฯ ถือเป็นข้อแรก และหากประกาศชัดแล้วว่าไม่เดินหน้าแก้ไข รวมถึงไม่เป็นวาระในรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาล ก็เริ่มพูดคุยกันได้ แต่จะร่วมหรือไม่ร่วมนั้น ต้องพูดคุยกันก่อน เพราะอาจมีหลายเรื่องก็ได้
ส่วนที่ยังติดปัญหา 2 ลุงอยู่ จะแก้ปัญหาอย่างไรนั้น นายเอกนัฏ กล่าวว่า คงไม่ต้องแก้ปัญหา เพราะในส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ เราไม่ได้ติดใจที่จะเป็นฝ่ายค้านหรือเป็นรัฐบาล เราทำหน้าที่ได้ เพียงแต่อยู่ตรงไหนต้องรักษาจุดยืน ส่วนการพูดถึงไม่เอาลุงนั้น สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลาออกไปแล้ว จะเอากันไปถึงไหน อยากให้พูดถึงอนาคตดีกว่า อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุด หากจมอยู่กับอดีตก็ไม่มีอนาคต
เมื่อถามว่าจะทำความเข้าใจกับมวลชนฝั่งเราอย่างไร หากต้องไปทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทย นายเอกนัฏ กล่าวว่า การรักษาจุดยืนของพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แม้จะเป็นพรรคที่มี 36 เสียง จุดยืนชัดเจนในเรื่องการโหวตนายกฯ คงมีผลต่อการตั้งรัฐบาลยาก เพราะเป็นตัวเลขที่ไม่ได้เยอะมาก
ในวันนี้พรรคจะหารือทิศทางการโหวตนายกฯ ขณะนี้ข้อมูลยังไม่พอในการตัดสินใจ เพียงแต่ต้องยึดมั่นในอุดมการณ์ของเรา ที่เหลือต้องมีการพูดคุย ซึ่งมีรายละเอียดมากกว่านี้ และเสียงของพรรคต้องไปในทิศทางเดียวกัน ย้ำว่าพรรคต้องมีจุดยืน เห็นได้ว่าตั้งแต่โหวตนายกฯ จนถึงวันนี้ ไม่มีครั้งไหนที่เรางดออกเสียง เราชัดเจนว่าเอาหรือไม่เอา ส่วนเรื่องฟรีโหวต คงเป็นไปไม่ได้ เราไม่ทำกันแบบนั้น