ภายหลังจากที่พรรคเพื่อไทย แถลงผลการหารือร่วมกับพรรคก้าวไกลถึงแนวทางการในการจัดตั้งรัฐบาลกับ 8 พรรคร่วม โดยระบุใจความโดยรวมว่า "พรรคเพื่อไทยขอถอนตัวจากการร่วมมือ และเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลพรรคร่วมใหม่ โดยเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน ดำรงตำแหน่งนายกฯ โดยพรรคเพื่อไทยและนายเศรษฐา ทวีสิน ยืนยันจะไม่สนับสนุนการแก้ไข ม.112 และการตั้งรัฐบาลใหม่ จะไม่มีพรรคก้าวไกลอยู่ในพรรคร่วม โดยพรรคก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้าน และพรรคเพื่อไทย จะพยายามรวบรวมเสียงในการตั้งรัฐบาลอย่างเหมาะสม"

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคเพื่อไทยแถลงฉีกเอ็มโอยูสลายขั้ว 8 พรรค ซึ่งจะมีโอกาสทำให้พรรครบมไทยสร้างชาติได้ด้ร่วมรัฐบาลหรือไม่ ว่า ตนคงพูดไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของคณะกรรมการบริหารพรรค แต่ที่ผ่านมาหัวหน้าพรรคก็ยืนยันมาตลอดว่า สามารถทำงานได้กับทุกพรรคที่ยึดประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก และไม่มีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 ดังนั้นอยู่ที่กรรมการบริหารจะพิจารณา

ส่วนเงื่อนไขการร่วมรัฐบาลยังเป็นเงื่อนไขเดิมที่ไม่แก้ไขมาตรา 112 ใช่หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ยังเหมือนเดิม เราเป็นพรรคเล็กมีแค่ 36 เสียง ไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายค้านหรือเป็นรัฐบาลก็คิดว่า 36 คน ก็มีพลังในการทำงาน

ส่วนการโหวตเลือกนายกฯในวันที่ 4 สิงหาคมนี้แนวโน้มของพรรครวมไทยสร้างชาติจะเป็นอย่างไรนั้น นายธนกร กล่าวว่า วันนี้ในที่ประชุมพรรคคงมีการพูดคุยกัน เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมทุกอย่างก็จะจบ ตอนนี้ประชาชนก็รอรัฐบาลใหม่อยู่ รัฐบาลปัจจุบันเตรียมถ่ายโอนทุกอย่างให้รัฐบาลใหม่แล้ว หลายโครงการที่เป็นประโยชน์ก็เชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะไปทำต่อ ส่วนการโหวตนายกฯคิดว่าจะโหวตครั้งเดียวผ่านเลยหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า คิดว่าถ้าพูดคุยกันก่อนก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่ที่หัวหน้าพรรคและเลขาพรรค และตนก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามมติพรรค

เมื่อถามว่าพรรคไม่มีปัญหาเรื่องของลุง ที่เป็นเงื่อนไขของพรรคก้าวไกลแล้วใช่หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า เรื่องนี้พรรคชัดเจนมากที่สุดตั้งแต่วันแรกแล้ว เพราะพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะสมาชิกพรรคได้ลาออกไปตั้งแต่ตอนแรกแล้ว และไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพรรคแล้ว ซึ่งเรื่องนี้อาจจะเป็นเหตุผลของบางพรรคการเมืองเท่านั้น

“บางทีการดูข่าวการพูดของนักการเมืองรุ่นใหม่ รุ่นเก่ามากเกินไปแต่ละคนก็เก่งๆกันทั้งนั้น มีเพื่อนผมส่งงานวิจัยของต่างประเทศมาให้พบว่าถ้าเราไปดูอะไรที่มันโง่ๆมาก มันจะทำให้เราโง่ตามไปด้วย เพราะฉะนั้นก็ต้องระมัดระวังในการดูด้วย ที่ผมพูดไม่ได้มีความหมายอะไร” นายธนกร กล่าว

เมื่อถามต่อว่ามองคุณสมบัติ นายเศรษฐา ทวีสินแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างไรบ้าง นายธนกร กล่าวว่า ถ้านายเศรษฐายืนยันชัดเจนเกี่ยวกับมาตรา 112 ก็สามารถทำงานได้เพราะเป็นทั้งแคนดิเดตนายกฯและนักธุรกิจ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ส่วนก่อนหน้านี้นายเศรษฐาเคยพูดว่าจะแก้ไขมาตรา 112 พรรค รทสช. หากร่วมรัฐบาลจะมั่นใจได้อย่างไร นายธนกร กล่าวว่า พรรคการเมืองในการทำงานการเมือง ต้องมีความชัดเจนก่อน ไม่ใช่ว่าวันนี้จะให้พรรคการเมืองอื่นยกมือขึ้นให้ไปก่อนคงไม่ได้ คงต้องมีการเจรจานอกรอบกันก่อน และผู้ใหญ่ทุกพรรคก็ต้องพูดคุยกัน และต้องมีการแสดงเจตจำนงค์ที่ชัดเจนให้ประชาชนทราบก่อนแล้วจึงเดินหน้าต่อไป

ขณะที่นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่แกนนำพรรคเพื่อไทยแจ้งพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลเดิมบางพรรคแล้วว่า มีความจำเป็นที่จะต้องโหวตนายกรัฐมนตรี ให้ได้ จึงมีความจำเป็นต้องให้พรรคก้าวไกลไม่ร่วมในรัฐบาล เพราะ สว.และ สส. ไม่ยอมรับ โดยจะมีพรรคอื่นมาร่วมเพิ่มเติม ว่าถือมีความชัดเจนในการที่พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งเดิมมี MOU จัดตั้งรัฐบาลกัน 8 พรรค แต่หลังจากพรรคเพื่อไทย มีแถลงการณ์ออกมาว่า จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลใหม่โดยไม่มีพรรคก้าวไกล ดังนั้นต้องรอฟังดูโครงสร้างของพรรคการเมืองที่จะประกอบกันเป็นรัฐบาลใหม่ ว่าจะประกอบด้วยอะไรบ้าง ซึ่งถือว่าดีที่มีความชัดเจนก่อนที่จะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมรัฐสภา วันที่ 4 ส.ค. 2566 เพราะมีความชัดเจนทั้งในเรื่องขององค์ประกอบของพรรคการเมืองที่จะเป็นรัฐบาลใหม่ เรื่องจำนวนเสียงว่าจะมีเสียงสนับสนุนอย่างไรบ้าง และชัดเจนในเชิงนโยบายต่างๆ ตามที่พรรคเพื่อไทยได้แถลงไว้



"ผมคิดว่าพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคที่มีประสบการณ์ทั้งการเป็นนายกรัฐมนตรี การจัดตั้งรัฐบาล และเรื่องการบริหารกับการแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจต่างๆ สามารถที่จะดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จลุล่วงเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศได้ต่อไป ส่วนแคนดิเดตนายกฯคือ นายเศรษฐา ทวีสิน แม้ว่าจะไม่ได้เป็นภาคการเมืองมาก่อน แต่ประสบการณ์ที่อยู่ในภาคธุรกิจเอกชน มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องเศรษฐกิจ ถือว่าจะเป็นนายกฯ ที่มีพื้นฐานเศรษฐกิจอย่างดี และเข้าใจปัญหาต่าง ๆ ว่าควรจะต้องดำเนินการอย่างไร บวกกับความเข้มแข็งของโครงสร้างทางการเมืองจากพรรคเพื่อไทย ถือว่าเป็นองค์ประกอบที่เหมาะสม ในส่วนของพรรคชาติพัฒนากล้า ก็ยินดีที่จะได้ให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกฯ คนใหม่ เพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลประสบความสำเร็จต่อไป" นายสุวัจน์ กล่าว

นายสุวัจน์ กล่าวย้ำว่า ขณะนี้ ประเทศมีวิกฤติหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการเมืองและเรื่องเศรษฐกิจ เรามีความจำเป็นที่จะต้องมีรัฐบาลใหม่มาแก้ไขปัญหาประเทศก็อยากเห็นภาพของความร่วมมือในการดำเนินการต่างๆ ภายใต้กรอบของกฎมายรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จลุล่วง เพื่อมาทำงานแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน

พรรคลุงมาแล้ว ไม่ขัดข้องจับมือเพื่อไทย แซะสื่อมโนสูตรตั้งรัฐบาล "สุวัจน์" ก็ OK