ภายหลังจากที่พรรคเพื่อไทย แถลงผลการหารือร่วมกับพรรคก้าวไกลถึงแนวทางการในการจัดตั้งรัฐบาลกับ 8 พรรคร่วม โดยระบุใจความโดยรวมว่า "พรรคเพื่อไทยขอถอนตัวจากการร่วมมือ และเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลพรรคร่วมใหม่ โดยเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน ดำรงตำแหน่งนายกฯ โดยพรรคเพื่อไทยและนายเศรษฐา ทวีสิน ยืนยันจะไม่สนับสนุนการแก้ไข ม.112 และการตั้งรัฐบาลใหม่ จะไม่มีพรรคก้าวไกลอยู่ในพรรคร่วม โดยพรรคก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้าน และพรรคเพื่อไทย จะพยายามรวบรวมเสียงในการตั้งรัฐบาลอย่างเหมาะสม"
ความเห็นของสว. โดยนายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา หรือ สว.กล่าวถึงการประชุมรัฐสภา เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 3 ในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ โดยเชื่อว่า การเลือกนายกรัฐมนตรี จะจบที่พรรคเพื่อไทย เพราะพรรคเพื่อไทย รับทราบปัญหาการตั้งรัฐบาลที่ผ่านมาแล้ว และศักยภาพของพรรคเพื่อไทย ก็สามารถประสานได้กับทุกฝ่าย ซึ่งหากพรรคเพื่อไทยแก้ปัญหาได้ และประสานทุกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว การลงมติก็น่าจะผ่านไปได้ เพราะประชาชน รอรัฐบาลชุดใหม่มานานแล้ว หากทอดเวลาให้นานออกไปก็จะเป็นปัญหาต่อประชาชน โดยขอให้พรรคเพื่อไทย กล้าดำเนินการยึดการแก้ปัญหาประชาชนเป็นตัวตั้ง พรรคเพื่อไทย ก็จะสามารถตั้งรัฐบาลได้แน่นอนไม่ว่าจะทางใด
ส่วนกรณีที่มีกระแสเรียกร้องไม่ให้พรรคเพื่อไทย เชิญพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติมาร่วมรัฐบาลด้วย หรือแม้แต่การให้พรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้านนั้น นายวันชัย เชื่อว่า จะข้ามขั้วหรือขั้วเดิมก็จะเกิดปัญหาทั้งนั้น ทางที่ดีคือกล้าตัดสินใจตั้งรัฐบาล และรีบทำงานโดยเร็ว เพราะประชาชนวิตกกังวล เพราะหากพรรคเพื่อไทย เป็นรัฐบาลแล้ว ประชาชนนิยมชมชอบการเลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนก็จะยังเลือกพรรคเพื่อไทย แต่ถ้าเป็นรัฐบาลแล้ว ไม่มีผลงาน ประชาชนก็จะไม่นิยม พรรคเพื่อไทย ก็จะแพ้ทุกพรรคการเมือง และแพ้ภัยตัวเองด้วย
นายวันชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่สังคมยังมีข้อถกเถียง อย่าจับมือกับพรรคการเมืองเผด็จการ ว่า สส.มีศักดิ์ศรี และมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งข้อครหาดังกล่าว ควรจบลงตั้งแต่การเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว จึงขอให้พรรคเพื่อไทย ไม่ต้องคำนึงว่า พรรคการเมืองใดเผด็จการ เพราะ สส.ล้วนมาจากการเลือกตั้งเหมือนกันทั้งหมด
นายวันชัย ยังย้ำถึงสาเหตุที่ สว.ไม่ยอมรับแกนนำของพรรคก้าวไกล ว่า สว.กังวลต่อนโยบายการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หากพรรคเพื่อไทยแก้ปัญหานี้ได้ ก็ไม่น่ามีปัญหาจาก สว. แต่หากยังมีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลอยู่ด้วย ตนไม่มั่นใจว่า พรรคเพื่อไทย จะได้เสียงความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถึง 375 เสียงหรือไม่ ดังนั้น พรรคเพื่อไทย ควรพิจารณาและตัดสินใจได้เอง โดยที่ตนเอง สว.ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะไปชี้นำ หรือแนะนำได้
เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสโจมตีนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ที่คิดจะแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จะกระทบต่อการพิจารณาให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น นายวันชัย กล่าวว่า นโยบายดังกล่าว ไม่ได้อยู่ในนโยบายของพรรคเพื่อไทย และพรรคเพื่อไทยไม่ได้คิดจะแก้ ซึ่งพรรคฯได้สื่อสารออกมาแล้ว
นายวันชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เตรียมออกมาเปิดโปงปัญหาการหลบเลี่ยงภาษีของนายเศรษฐา จะมีผลต่อการตัดสินใจของ สว.หรือไม่ว่า สว.แต่ละคน จะมีเหตุผลส่วนตัว แต่ข้อร้องเรียนของนายชูวิทย์นั้น ยังไม่ได้ถึงชั้นการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญ แตกต่างจากกรณีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้ากรรคก้าวไกล ที่เรื่องถึง กกต.และศาลรัฐธรรมนูญแล้ว
นายวันชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการล่าแม่มด สว.ที่ลงมติไม่เห็นชอบให้พรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรีว่า สว.ประสบปัญหากันทั้งหมด และตนเองเพียงแสดงความเห็นบางส่วนก็ยังถูกโจมตี และยิ่งใครเคลื่อนไหวเป็นฝ่ายตรงข้ามพรรคก้าวไกล ก็จะโดนเหมือนกันหมด โดยใช้โซเชียลเป็นเครื่องมือ แต่เพื่อการคัดค้านบางนโยบายของพรรคก้าวไกลเพื่อประเทศ สว.ก็ต้องยอมรับ
นายวันชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่มี สว.ปิดสวิตช์ตนเองด้วยการลงมติงดออกเสียงในการเลือกนายกรัฐมนตรี ว่า สว.ส่วนหนึ่งที่งดออกเสียงเพื่อไม่ลงมติให้ใครนั้น บางคนพูดไปตามสถานการณ์นั้นๆ แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแล้ว ก็เชื่อว่า สว.ที่ปิดสวิตช์ตนเองส่วนหนึ่งจะเปลี่ยนใจ เพื่อสนับสนุนให้การจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ