อนุทิน เผยเพื่อไทยขอเลื่อนคุยร่วมรัฐบาล มอง "ชูวิทย์" โจมตี "เศรษฐา" เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ก้าวก่ายเป็นเรื่องพรรคใครพรรคมัน หากรับข้อเสนอได้ก็จบ
3 ส.ค. 66 นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงทิศทางการโหวตนายกรัฐมนตรี ภายหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญเลื่อนการพิจารณาสั่งคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ขอให้พิจารณากรณีรัฐสภามีมติไม่เห็นชอบกับการเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีรอบ 2 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ รวมไปถึงทางทางประธานรัฐสภามีคำสั่งให้เลื่อนวาระการโหวตเลือกนายกฯ รอบที่ 3 ในวันที่ 4 ก.ค. ออกไปก่อน ว่า สำหรับการเลื่อนโหวตนายกรัฐมนตรีออกไปนั้น ทุกอย่างก็คงขึ้นอยู่กับทางประธานรัฐสภา ในการดูความเหมาะสมและความชัดเจนในส่วนของกรอบกฎหมาย เพื่อที่จะไม่ได้มีปัญหาในอนาคต ยอมรับว่าก่อนที่จะมีประกาศของศาลออกมานั้น ทางพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย ได้มีการนัดพูดคุยและหารือกัน แต่เมื่อผลออกมาเป็นแบบนี้ทางพรรคเพื่อไทยเองก็ได้แจ้งมาว่าอาจจะขอเลื่อนการหารือในวันนี้ไปก่อน จากเดิมที่มีกำหนดการพูดคุยกันในช่วง 13.00 น. ของวันนี้
ส่วนมองว่าการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ดูแล้วค่อนข้างจะไม่ราบรื่นเหมือนครั้งก่อนๆหรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าเป็นไปตามระบบ และเชื่อว่าทุกคนอยากเห็นความชัดเจนของข้อกฎหมาย ส่วนจะส่งผลดีต่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้มีเวลาในการดีลกับพรรคอื่นๆ หรือไม่นั้น ตนคิดว่าไม่ได้มองเป็นเรื่องที่ดี เพราะรัฐบาลใหม่ควรได้รับการจัดตั้งโดยเร็ว เพราะ ณ ตอนนี้ตั้งแต่เลือกตั้งมาผ่านไปนานกว่า 3 เดือน แต่กลับไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งในส่วนของรัฐบาลรักษาการเอง จะมีอำนาจเต็มแต่การที่มีรัฐบาลใหม่ที่เป็นทางการคงจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า และสานต่อในงานที่ไม่สามารถทำได้
ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ออกมาโจมตี นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย นั้น นายอนุทิน บอกว่า พรรคภูมิใจไทยได้มีการแจ้งและบอกรายละเอียดกับทางพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลไปแล้ว ว่าส่วนตัวในของพรรคภูมิใจไทยมีแนวทางอย่างไร ตามที่ได้แถลงการณ์ไปเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนเรื่องคุณสมบัติของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรคนั้น ตนมองเป็นเรื่องส่วนตัวซึ่งทางพรรคอื่นไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือยุ่งในมุมของพรรคเขา หากทางพรรคแกนนำ รับข้อเสนอในส่วนของกรอบของพรรคตนได้ก็ถือว่าจบ แต่ในส่วนของประวัติหรืออดีตของคนที่พรรคอื่นจะเสนอชื่อนั้น ไม่ขอก้าวก่าย เป็นเรื่องของพรรคใครพรรคมัน ส่วนประเด็นที่มีการขุดคุ้ยคลิปเสียงของนายเศรษฐา เรื่องมาตรา 112 ในอดีตช่วงที่มีการหาเสียง ตนมองว่ามันก็เป็นเรื่องที่ทางพรรคและหากเจ้าตัวจะต้องออกมาชี้แจง แต่เข้าใจในสถานการณ์ในตอนนั้น
ส่วนพรรคภูมิใจไทย กับพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้มีเงื่อนไขกับพรรคอื่นๆหรือไม่ นายอนุทิน กล่าว่า ก่อนที่จะจัดตั้งรัฐบาลจะต้องมีหลักประกันเกี่ยวกับจำนวนเสียงของการโหวตนายกรัฐมนตรี ว่าต้องมี 275 เสียงในมือ ตนมองว่าเรื่องนี้ไม่สามารถที่จะพูดได้ว่าจะมีหลักประกันเป็นคะแนนเสียงเท่านั้นเท่านี้ เพราะ ไม่ได้มองเป็นหน้าที่ของพรรคใดพรรคหนึ่งแต่จะต้องเป็นในส่วนของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่จะต้องช่วยกัน ย้ำพรรคภูมิใจไทยเน้นคำเดิมตามกรอบที่เเถลงไปก่อนหน้านี้
เมื่อถามว่าหากทางพรรคภูมิใจไทยต้องร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย โดยไร้เงาพรรครวมไทยสร้างชาติ และ พรรคพลังประชารัฐ ในส่วนนี้ทางพรรคภูมิใจไทยพร้อมไปเดี่ยวหรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า เดิมการจัดตั้งรัฐบาลกรอบของพรรคภูมิใจไทยก็อยู่ในแถลงการณ์ ส่วนตัวเน้นย้ำต้องไม่ก้าวก่ายเรื่องของพรรคอื่น และยืนยันไร้สัญญาใจว่าหากพรรคภูมิใจไทยไป จะต้องมี 2 พรรคขั่วเดิมพ่วงไปด้วย อย่างที่บอกว่าถ้าเเพ็กกับขั้วเดิมก็จะได้เสียงข้างน้อยเราเองจะไม่จัด เพราะพรรคภูมิใจไทยมองว่าอยากให้การจัดตั้งรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นมีความมั่นคง ซึ่งต้องอาศัยเสียงข้างมาก แลพย้ำไม่เคยมีใครทำกันที่ต้องจูงมือกันไป
ส่วนหลายคนมองว่าถ้าไม่มี 2 พรรคที่กล่าวถึงอาจจะไม่สามารถฝ่าด่าน สว.ได้ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของพรรคแกนนำที่จะต้องไปพูดคุยและเจรจา ซึ่งตนเชื่อว่าพรรคแกนนำเองก็คงจะเข้าใจว่าหาเหตุผลในการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งก่อนติดขัดหรือติดในเรื่องปมอะไร เมื่อได้รับการแก้ไขแล้วก็เชื่อว่าคงไม่มีปัญหา