ยังเป็นประเด็นร้อน โดยเฉพาะการเมือง เมื่อวันนี้ มีการประกาศเลื่อนในหลายเรื่อง ทั้ง ศาลรัฐธรรมเลื่อนพิจารณาคำร้องผู้ตรวจการฯ ปมเสนอชื่อ "พิธา" โหวตนายกฯ รอบ 2 ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ , ประธานรัฐสภา สั่งเลื่อนโหวตเลือกนายกฯครั้งที่3 ออกไปก่อน เนื่องจากรอ"ศาล รธน." วินิจฉัยคำร้องผู้ตรวจฯ และ พรรคเพื่อไทยเลื่อนการแถลงข่าวพรรคร่วมรัฐบาลออกไปก่อน

ส่วนท่าทีของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง แถลงข่าวพร้อมตั้งข้อสังเกตเรื่องธรรมภิบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ว่ามีการหลีกเลี่ยงภาษีที่ดิน 521 ล้านบาทหรือไม่

โดยวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวพาดพิงถึง คุณเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารสูงสุดและกรรมการของ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้มีส่วนร่วมในการหลีกเลี่ยงภาษีในการซื้อขายที่ดินของแสนสิริ เป็นเหตุให้รัฐต้องสูญเสียรายได้เป็นเงินหลายร้อยล้านบาทนั้น บริษัทฯ ขอชี้แจงว่า

สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินแปลงดังกล่าวระหว่างแสนสิริกับผู้ขาย กำหนดให้ผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบภาษีอากร ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมดประกอบกับเป็นหน้าที่ตามกฏหมายของผู้ขายในการเสียภาษีอากรข้างต้นด้วย แสนสิริมีหน้าที่ชำระราคาให้ครบถ้วนตามที่ตกลงกัน และรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเท่านั้น แสนสิริไม่ได้รับรู้หรือเกี่ยวข้องในวิธีการหรือการดำเนินการใดๆ ทางภาษีอากรของผู้ขายตามที่ได้มีการกล่าวอ้างดังกล่าว และไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ จากการประหยัดภาษีและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ของผู้ขาย

แถลงการณ์ ระบุต่อว่า ในการซื้อขายที่ดินของแสนสิรินั้น นายเศรษฐา ขณะที่เป็นผู้บริหารสูงสุดและกรรมการของแสนสิริ จะมีส่วนร่วมเฉพาะในขั้นตอนการอนุมัติจัดซื้อที่ดิน โดยพิจารณาจากตัวเลข และข้อมูลที่ทีมสรรหาที่ดินของแสนสิริได้จัดทำ และนำเสนอ ให้ที่ประชุมผู้บริหารเพื่อพิจารณาและนำเสนอคณะกรรมการของบริษัทเพื่ออนุมัติการซื้อที่ดินและการลงทุนตามลำดับ นายเศรษฐาในฐานะที่เป็นผู้บริหารสูงสุดและกรรมการของแสนสิริจึงอนุมัติเพียงแค่ราคาและมูลค่าเงินลงทุนเท่านั้น ส่วนการทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน การชำระราคา และการโอนกรรมสิทธิ์จะเป็นหน้าที่ของทีมสรรหาที่ดินที่จะเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการและประสานงานทั้งหมด

แถลงการณ์ ระบุด้วยว่า ภายหลังจากที่แสนสิริได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายและวางมัดจำซื้อที่ดินไปแล้ว เป็นระยะเวลาหลายเดือน ก่อนถึงกำหนดการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ขายเป็นผู้แจ้งความประสงค์เกี่ยวกับรายละเอียดวิธีการโอนกรรมสิทธิ์และชำระราคาส่วนที่เหลือให้ทราบว่าต้องการแยกโอนเฉพาะส่วนตามรายชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามที่เป็นข่าว ทีมสรรหาที่ดินซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการตามสัญญาพิจารณาแล้วเห็นว่า การดำเนินการดังกล่าวสามารถดำเนินการได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และยังคงเป็นการปฏิบัติตามข้อกำหนดในสัญญา อีกทั้งไม่กระทบกระเทือนต่อการที่แสนสิริจะได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยสมบูรณ์ตามสัญญาที่ตกลงกัน และไม่ได้ทำให้แสนสิริต้องได้รับความเสียหายหรือมีภาระค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติมจากที่ตกลงไว้แต่อย่างใด ทีมสรรหาที่ดินจึงตัดสินใจดำเนินการตามที่ผู้ขายแจ้งให้ทราบ

แถลงการณ์ ระบุอีกว่า แสนสิริ ชำระราคาที่ดินแปลงดังกล่าวเกือบทั้งหมด โดยเช็กและแคชเชียร์เช็ก มีการชำระเป็นเงินสดเพียง 301,000 บาท ไม่ได้มีการชำระเงินสดจำนวนมากตามที่ได้มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด การที่เจ้าพนักงานที่ดินบันทึกว่า การซื้อขายที่ดินมีการชำระด้วยแคชเชียร์เช็ก ส่วนที่เหลือชำระเป็นเงินสดนั้น เป็นเพราะแสนสิริได้ชำระเงินมัดจำให้แก่ผู้ขายตามสัญญาจะซื้อจะขายเสร็จสิ้นไป ก่อนวันจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินหลายเดือนก่อนหน้า ทางปฏิบัติตามปกติของกรมที่ดินจะบันทึกส่วนต่างของค่าที่ดินที่ไม่มีการแสดงสำเนาแคชเชียร์เช็ก ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ว่าเป็นการชำระด้วยเงินสด

การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงดังกล่าว เป็นการดำเนินการที่กรมที่ดินโดยเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และได้มีการชำระค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ภาษีธุรกิจเฉพาะ/อากรแสตมป์ ตามที่มีการเรียกเก็บเรียบร้อยแล้ว และแสนสิริได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามราคาที่ตกลงซื้อขายกัน

ในแถลงการณ์ ยังระบุด้วยว่า จากข้อเท็จจริงที่ชี้แจงมาข้างต้น จะเห็นได้ว่านายเศรษฐา ซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุด และกรรมการของแสนสิริในขณะนั้น ได้ปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลรักษาผลประโยชน์ของบริษัทครบถ้วนแล้ว และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและรับรู้ขั้นตอนวิธีการในการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามที่กล่าวข้างต้น

เพราะเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นภายหลังการทำสัญญาจะซื้อจะขายและอยู่ในความรับผิดชอบของทีมสรรหาที่ดินที่เป็นฝ่ายปฏิบัติการที่ต้องจัดการให้เป็นไปตามสัญญาและถูกต้องตามกฎหมาย ธุรกรรมการซื้อขายที่ดินของแสนสิริดังกล่าว เป็นการซื้อขายที่ดินตามปกติในธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั่วไป บริษัทฯ ขอยืนยันว่า ได้ดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาล ถูกต้องตามกฎหมาย โปร่งใส และตรวจสอบได้ จึงขอชี้แจงมา ณ ที่นี้

ขณะที่ นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่ดินที่มีการวิพากษ์วิจารณ์นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค พท. ว่า นายเศรษฐา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พท.มีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ละเมิดกฎหมายใด และไม่ได้ฝ่าฝืนจริยธรรมใดๆ ซึ่งข้อกล่าวหาที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง พูดวันนี้ เป็นข้อกล่าวหาอาจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เนื่องจากนายเศรษฐาไม่ได้เป็นตัวการ ไม่ได้เป็นผู้สนับสนุน ไม่ได้เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการเลี่ยงภาษีใดๆ

เมื่อถามว่า ในฐานะที่ขณะนั้น นายเศรษฐาคือผู้บริหารบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) จะปฏิเสธได้หรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า ปฏิเสธได้ เพราะนายเศรษฐาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลีกเลี่ยงภาษี และตนเข้าใจว่าการซื้อขายที่ดินนั้น ระหว่างบริษัท แสนสิริฯ กับผู้จะขาย หน้าที่ในการชำระภาษี อยู่ที่ผู้จะขาย ฉะนั้น ผู้ที่จะขาย ต้องชำระภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมาย และเราไม่มีเหตุสงสัยว่าผู้จะขายได้เลี่ยงภาษี หากใครสงสัยว่าผู้จะขายเลี่ยงภาษี สามารถตรวจสอบที่กรมสรรพากรได้

นายนพดล กล่าวต่อว่า ส่วนความเกี่ยวข้องของนายเศรษฐา บริษัท แสนสิริฯ เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ มีธรรมาภิบาล และการซื้อขายทรัพย์สิน ของนายเศรษฐาต้องทำตามกฎหมาย ซึ่งภารกิจของซีอีโอเกี่ยวข้องแค่อนุมัติจำนวนเงินและโครงการเท่านั้นเอง ไม่ได้รู้เห็นอะไรในการชำระภาษี แล้วย้ำว่า หากใครสงสัยเรื่องการชำระภาษีสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งบริษัท แสนสิริฯ เป็นผู้จะซื้อ โดยผู้จะขายเป็นผู้ที่ต้องชำระภาษี และเราไม่มีข้อสงสัยว่าผู้จะขายเลี่ยงภาษี

เมื่อถามว่า มองการออกมาเปิดเผยข้อมูลของนายชูวิทย์ ในขณะที่กำลังจะมีการเลือกนายกรัฐมนตรี อย่างไรบ้าง นายนพดล กล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องนี้ ซึ่งมีคนตั้งคำถามว่า มีเจตนาทางการเมืองหรือไม่ ในการที่จะดิสเครดิต หรือลดทอนความน่าเชื่อถือของนายเศรษฐาหรือไม่ จึงอยากเรียนว่า นายเศรษฐาเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ ไม่ได้ไปสมรู้ร่วมคิด และไม่ได้เป็นผู้สนับสนุนในการเลี่ยงภาษีใดๆ ต้องทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ และพร้อมที่จะถูกตรวจสอบ

เมื่อถามว่า พรรคพท. กังวลหรือไม่ ที่การเปิดข้อมูลในครั้งนี้ อาจจะกระทบต่อการยกมือโหวตนายกรัฐมนตรี นายนพดล กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะ ตนได้รับข้อมูลทั้งหลายมาแล้ว และได้ตรวจสอบกับทีมนายเศรษฐาแล้ว และเชื่อว่าไม่ได้มีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล คิดว่าสมาชิกรัฐสภาหากจะโหวตใคร หรือเห็นชอบใครเป็นนายกรัฐมนตรี คงจะดูข้อเท็จจริงมากกว่าข้อกล่าวหาที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงทางการเมือง

เมื่อถามว่า หากมีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเรื่องทางการเมืองจะมีการดำเนินการอย่างไรกับนายชูวิทย์ นายนพดล กล่าวว่า ต้องรอดู ซึ่งที่ผ่านมา เราไม่ประสงค์ที่จะค้าความ เพราะเราอาสามาทำประโยชน์เพื่อบ้านเมือง อยากจะเสนอนายเศรษฐาเพื่อขอความเห็นชอบและตั้งรัฐบาล เพื่อมาแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ผลักดันนโยบายที่พรรคพท.ได้หาเสียงไว้ อย่างเร็วที่สุดคงไม่ค้าความหรือไปฟ้องร้องนายชูวิทย์ แต่ต้องดูว่านายชูวิทย์ มีข้อมูลอะไรที่จะมาเพิ่มเติมกระทบกับสิทธิ์ หรือไม่ หากกระทบสิทธิ์ค่อยว่ากัน

เมื่อถามว่า พื้นที่ที่มีปัญหาคือพื้นที่ในส่วนใด นายนพดล กล่าวว่า เป็นพื้นที่กลางเมืองที่นายชูวิทย์พูดถึง แต่การซื้อขายที่ดินของแสนสิริ เป็นการซื้อกับบุคคล ซึ่งบุคคลเป็นทายาทที่ไปรับแบ่งจากบริษัท แต่เขาจะแบ่งอย่างไรเป็นขั้นตอนของผู้จะขาย รวมทั้งการชำระภาษีก็เป็นหน้าที่ของผู้จะขาย
ที่คาดเคลื่อนคือการถูกกล่าวหาค่อนข้างแรง คือการกล่าวหาว่านายเศรษฐาคือตัวการในการเลี่ยงภาษี ซึ่งแย่กว่าการบอกว่าเป็นผู้สนับสนุน ซึ่งแสนสิริไม่ได้มีประโยชน์หรือเสียประโยชน์ จะไปเลี่ยงภาษีให้กับผู้จะขาย

เมื่อถามถึง กรณีการเลื่อนโหวตนายกรัฐมนตรีจะกระทบต่อการกลับประเทศไทยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายนพดลกล่าวว่า ขณะนี้ตนยังไม่มีข้อมูลว่านายทักษิณจะเลื่อนการเดินทาง ต้องรอตรวจสอบข้อมูล ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีฐานะที่จะฟันธงได้ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด คนที่ถามได้ดีที่สุดคือน.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค พท. ทั้งนี้ ในทางกฎหมายนายทักษิณสามารถเดินทางกลับมาได้ก่อนหรือหลังจัดตั้งรัฐบาล โดยต้องเป็นไปตามกฎหมายทุกประการไม่มีข้อยกเว้นใดๆ และเข้าสู่กระบวนการปกติ ซึ่งถือเป็นสิทธิ์ของนายทักษิณที่จะเดินทางกลับมา และพรรคเพื่อไทย ไม่ต้องดำเนินการใดๆ เป็นพิเศษ เช่น การเสนอกฎหมายใดๆ นั้นไม่ต้อง

แสนสิริฟาดชูวิทย์เฉลยขนเงินสดร้อยล้านไปไหน "นพดล" สวน 12 วัน 12 คนมันทำได้