เป็นประเด็นร้อน โดยเฉพาะการเมือง เมื่อวันนี้ มีการประกาศเลื่อนในหลายเรื่อง ทั้ง ศาลรัฐธรรมเลื่อนพิจารณาคำร้องผู้ตรวจการฯ ปมเสนอชื่อ "พิธา" โหวตนายกฯ รอบ 2 ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ , ประธานรัฐสภา สั่งเลื่อนโหวตเลือกนายกฯครั้งที่3 ออกไปก่อน เนื่องจากรอ"ศาล รธน." วินิจฉัยคำร้องผู้ตรวจฯ และ พรรคเพื่อไทยเลื่อนการแถลงข่าวพรรคร่วมรัฐบาลออกไปก่อน
ด้านพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ย้ำจุดยืนของพรรค คือร่วมกับพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลในการจัดตั้งรัฐบาล หรือแม้ก้าวไกลจะออกไปก็ไม่ใช่ปัญหา ก็ยังเหมือนน้องนุ่ง ซึ่งตนอายุมากกว่าและด้วยความหวังดี ปรารถนาดี อยากจะให้ตั้งรัฐบาลได้ ให้เกิดความเรียบร้อย เพื่อบริหารประเทศได้ หากมีพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐเข้ามาร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่นั้นตนเคยพูดไปหลายครั้งแล้วว่าไม่เอาพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คนที่ปฏิวัติ ส่วนพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตนรับได้ เพราะ หลังจากปฏิวัติแล้วเชิญพลเอกประวิตร มาร่วมงาน
พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธิ์ ระบุ ด้วยว่า ตนไม่ถือและไม่ติดใจ หาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หรือนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ จะมา สนับสนุนก็ถือว่าร่วมงานกันได้
พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีการโหวตนายกรัฐมนตรี ว่า เมื่อครั้งก่อนพรรคเพื่อไทยก็ยังโหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์แคนดิเดต นายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ดังนั้น ครั้งนี้จะตอบแทนบุญคุณให้กับพรรคเพื่อไทยไม่ได้หรือ
"หากลงให้เพื่อไทยทั้งหมดจะทำให้เพื่อไทยจัดรัฐบาลและเดินหน้าประเทศไปได้ และหากก้าวไกล ลงคะแนนให้เพื่อไทยก็จะเป็น แมน และครั้งหน้าประชาชนก็จะเลือกเข้ามาอีก ใช่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านไปตลอดอีก 3-4 เดือนก็อาจจะมีการปรับให้พรรคก้าวไกลเข้ามาเป็นรัฐบาลตนขอชี้ทางสว่างให้ รัฐบาลจะได้เรียบร้อย" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ฝากเตือน กลุ่มชุมนุมที่เข้าไปรบุกรุกพรรคเพื่อไทย อาจจะต้องดำเนินคดี ติดคุกถึง 7 ปีตามกฎหมาย รวมทั้งตำหนิ" ด.ญ.หยก ซึ่งตนสงสารมารดาของ ด.ญ.หยก ที่แม่สั่งสอนทำไมไม่ฟัง" หากเป็นลูกตนๆฆ่าทิ้งเลย เด็กแบบนี้เอาไว้ได้ที่ไหนถ้าเป็นลูกผมไม่เอา"
ด้านท่าทีของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวก่อน การประกอบพิธีทางศาสนาในโอกาสครบรอบ 1 ปีการก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ ถึงการเดินหน้าตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้มีการติดต่อมายังพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ว่า “ไม่มี ยังไม่มี”
ส่วนจะสามารถร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพิจารณาในเรื่องดังกล่าว
เมื่อถามย้ำว่าสามารถทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่นายพีระพันธุ์ กล่าวสั้นๆเพียงว่าแนวทางเดียวกันก็สามารถทำได้ แต่คนละแนวทางก็ทำไม่ได้
เมื่อถามย้ำว่าสามารถทำงานร่วมกันได้อยู่หรือไม่หัวหน้าพรรคระบุว่า ยังไม่ทราบเนื่องจากยังไม่มีการพูดคุยกัน
เมื่อถามต่อว่าจะไม่ปิดประตูใช่หรือไม่นายพีระพันธุ์ ปฏิเสธการตอบคำถาม โดยหันมาชี้ที่ประตูพรรคว่า ประตูยังเปิดอยู่
ต่อมา นายพีระพันธุ์ กล่าวถึงจุดยืนของพรรคในช่วงที่ พรรคเพื่อไทยกำลังจัดตั้งรัฐบาล ว่า จุดยืนของพรรครวมไทยสร้างชาติยังเหมือนเดิม คืออยากให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องดูตัวบุคคลที่จะมานำประเทศ รวมถึงนโยบายต่างๆ ว่าจะทำให้บ้านเมืองสงบสุขเดินหน้า และสถาบันทั้ง 3 มีความมั่นคงจริงหรือไม่ พร้อมย้ำว่าขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้มีการติดต่อประสานมาแต่อย่างใด หลังจากที่ได้มีการหารือหาทางออกประเทศที่ทำการพรรคเพื่อไทยครั้งก่อน
ส่วนขณะนี้เงื่อนไขการร่วมรัฐบาล ของรวมไทยสร้างชาติต้องเปลี่ยนไปจากการเจรจาครั้งที่แล้วใช่หรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนยังพูดล่วงหน้าไม่ได้เนื่องจากยังไม่ได้รับการติดต่อ
เมื่อถามว่าขณะนี้การจัดตั้งรัฐบาลไม่มีพรรคก้าวไกลแล้วพรรครวมไทยสร้างชาติจะสามารถร่วมมือกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ต้องดูนโยบายหลักของพรรคแกนนำด้วย แล้วค่อยมาพูดคุยกัน เพราะเราตั้งพรรคการเมืองนี้มาเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ใช่เพื่อหวังตำแหน่งหรือประโยชน์ ฉะนั้นถ้าเราคิดว่าพรรคที่จะเป็นแกนนำกับรวมไทยสร้างชาติไปกันได้ ก็จะร่วมมือทำงานกันได้ แต่ยืนยันว่าไม่ว่ารวมไทยสร้างชาติจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ก็อยากให้พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลด้วยโดยเร็ว เพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมือง และค้ำจุน 3 เสาหลักของประเทศให้มั่นคงต่อไป
ทั้งนี้หากจะมีการประสานงานกันก็ต้องขึ้นอยู่กับพรรคเพื่อไทย ถ้าเขาสนใจเราไปร่วมงานก็เป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทย เพราะรวมไทยสร้างชาติไม่มีหน้าที่ไปเจรจาติดต่อ เพราะฉะนั้นถ้าเขาเห็นว่าเรามีความสามารถทำงานร่วมกันได้ก็จะติดต่อเรามาเอง
เมื่อถามว่าพรรคขั้วรัฐบาลเดิม 188 เสียง จะเป็นแพ็คเดียวกันหรือไม่ และยื่นเงื่อนไขไปทางพรรคเพื่อไทย นายพีระพันธุ์ ระบุว่า ไม่มียัง ไม่ได้คุยกัน เพราะที่ผ่านมารวมไทยสร้างชาติย้ำมาโดยตลอด ไม่สนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ฉะนั้นถึงแม้เราจะเป็น เดียวกัน ก็ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ พร้อมย้ำว่า นี่จึงไม่เห็นด้วยกับการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย
ขณะเดียวกันนายพีระพันธุ์ ปฏิเสธว่าในปัจจุบัน พรรคร่วมรัฐบาลเดิม 188 เสียงก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่อยู่ที่เราแต่เป็นพรรคแกนนำจะต้องรัฐบาล คือพรรคเพื่อไทย ว่าจะตัดสินใจยัง
เมื่อถามต่อว่าจะต้องรอดูการแถลงของพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาลช่วงบ่ายนี้หรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่อยากพูดล่วงหน้า ขอให้พรรคเพื่อไทยใช้ดุลยพินิจตัดสินใจเอง
ส่วนการจัดพิธีทำบุญครบรอบการก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติครบ 1 ปี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะอดีตประธานยุทธศาสตร์พรรค ได้อวยพรอะไรมาหรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ท่านนายกฯก็อวยพรให้อยู่แล้ว เพราะแม้จะออกจากพรรคไปแล้วก็จริง แต่เรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว วันนี้ท่านก็ทราบอยู่แล้วว่าเป็นวันเกิดพรรค ก็ส่งดอกไม้มาให้ แต่ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันแต่อย่างใด
เมื่อถามถึงกระแสข่าวสส. บางส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ อาจจะโหวตสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ได้มีการกำชับอะไรหรือไม่ นายพีระพันธุ์กล่าวว่า แนวทางของพรรครวมไทยสร้างชาติยังคงเป็นเหมือนเดิม ในเรื่องสถาบันหลักของชาติ ถ้ายังไม่มีความชัดเจน ในเรื่องนโยบายและพรรคร่วมรัฐบาล เราก็ยังไม่สามารถโหลดให้ได้ แต่ถ้ามีความชัดเจนและเชื่อถือได้ เราก็จะโหวตให้ ยืนยันว่า ทิศทางการโหวตได้มีการกำหนดไปในที่ประชุมสส.พรรคเมื่อวานนี้แล้ว และยืนยันว่าจะไม่มีใครแตกแถว เนื่องจากกติกาต้องเป็นเช่นนั้นทุกพรรค
ส่วนกระแสข่าวการย้ายพรรคของสมาชิกนายพีระพันธุ์ กล่าวว่า เป็นดุลยพินิจของแต่ละคน เราไม่สามารถบังคับจิตใจใครได้ ใครอยู่ที่ไหนสบายใจก็อยู่ ไม่สบายใจเขาก็ต้องออกไป ซึ่งทุกที่เหมือนกันหมด พร้อมยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีใครมาบอกว่าจะขอย้ายพรรค
ขณะที่ นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะที่ใกล้ชิด พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีการเปรยถึงการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ว่า ขณะนี้นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ห่วงเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล เพราะมองว่าอยากให้มีการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้โดยเร็ว และวันนี้ประชาชนก็รออยากได้รัฐบาลใหม่ รวมถึงห่วงเรื่องสถานการณ์การชุมนุมและความขัดแย้งภายในประเทศ แต่ในเรื่อง การเมืองเราก็มีความชัดเจนอยู่แล้ว พลเอกประยุทธ์ ก็ได้ลาออกจากพรรคไปแล้ว ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง อย่าเอาท่านไปเกี่ยวข้องเลยไม่ว่ากรณีใด อยากให้นึกถึงความดีที่ทำมาให้กับประเทศมากกว่า
นายธนกร ระบุอีกว่า อยากให้ให้เกียรติพลเอกประยุทธ์ ในฐานะที่ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ไม่ควรเอาไปเป็นเงื่อนไขเพื่อสร้างความขัดแย้ง ควรจบได้แล้วในกรณีของพลเอกประยุทธ์ ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับท่านด้วย
เมื่อถามถึงกระแสข่าว สส.รทสช. บางส่วนอาจย้ายพรรค นายธนกร ระบุว่า ตนไม่ทราบจริงๆ และการเมืองพรรคต้องอยู่ด้วยกันซึ่งมันเพิ่งเริ่มต้น ตน คิดว่าความเป็นเอกภาพสำคัญที่สุด ผมยังอยากให้ทุกคนอยู่กับพรรคและทำงานให้กับประชาชนต่อไป ส่วนตัวคิดว่า สส.รทสช. มีความสำคัญที่จะทำหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม วันนี้การเมืองต้องเดินหน้าต่อไป
ส่วนจะเป็นไปได้หรือไม่ที่ สส.รทสช. จะมีการย้ายไปเป็นบางกลุ่มเท่านั้น นายธนกร กล่าวว่า ในทางการเมืองแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ถ้าร่วมรัฐบาลคงจะทั้งพรรคไม่ใช่บางส่วน ซึ่งบางกลุ่มบางก้อนตนคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่หากเป็นไปได้ก็แล้วแต่
เมื่อถามย้ำว่า กระแส สส.รทสช. ย้ายเป็นบางกลุ่มอาจเป็นการลดแรงเสียดทานเงื่อนไข "ลุง" หรือไม่ นายธนกร ยืนยันว่า พรรครวมไทยสร้างชาติไม่มีลุงแล้ว ไม่มีมาตั้งนานแล้วด้วย ประเด็นเหล่านี้เป็นเพียงความพยายามสร้างเงื่อนไข ซึ่งเรารู้อยู่เต็มอกอยู่แล้วว่าพลเอกประยุทธ์ ไม่ได้เกี่ยวข้อง วันนี้ สส. ควรมีโอกาสทำงานได้กับทุกพรรคและทุกกลุ่ม ไม่น่าจะมาสร้างเงื่อนไขแบบนี้ สิ่งที่ตนพูดไม่ได้ต้องการจะเป็นรัฐบาลแต่พูดในหลักการความเป็นธรรมว่าควรให้ความเป็นธรรมกับพลเอกประยุทธ์ บ้าง
ส่วน นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา ในฐานะรักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ดูแลพื้นที่ภาคใต้ ถึงกระแสข่าวเดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ฮ่องกงว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาตนเดินทางไปแก้บนหลายประเทศ รวมทั้งในประเทศไทย เนื่องจากได้บนไว้ให้ภรรยาชนะการเลือกตั้ง จึงเดินทางไปทั่ว ได้เจอคนมากมาย ส่วนได้ไปพบนายทักษิณหรือไม่ ตนไม่ขอพูดดีกว่า
เมื่อถามย้ำว่าได้ไปเจอนายทักษิณหรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวย้ำว่า ไม่ขอพูดดีกว่าเรื่องนี้ เพราะข่าวออกไปยาวมา
ส่วนการไม่ออกมาชี้แจงทำให้หลายฝ่ายจินตนาการเรื่องนี้ไปยาวมาก นายเดชอิศม์ กล่าวว่า จริงๆแล้วตนมีพรรคพวกทุกพรรค เจอคนเยอะมาก ไปหลายประเทศทั้งเวียดนาม และพื้นที่ที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และยอมรับว่าที่ฮ่องกงก็มีการไปแก้บนด้วย
ส่วนกระแสข่าว สส.ในกลุ่มของนายเดชอิศม์จะไปร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย นายเดชอิศม์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับมติพรรค และการจะร่วมรัฐบาลหรือไม่จะเป็นจะเป็นมติของ คณะกรรมการบริหารพรรค ชุดที่มีอยู่ รวมกับ สส.ปัจจุบัน เหมือนปี 2562 ที่มีการเถียงกัน 1 วัน 1 คืน สุดท้ายมีมติ 61 ต่อ 16 ให้ร่วมรัฐบาล ถ้าไปก็ไปทั้งพรรค และยืนยันจะไม่มีใครฉีกมติพรรค และไม่มีงูเห่าจากพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน ภายใต้มติของกรรมการบริหารพรรค
เมื่อถามว่าเมื่อวานนี้ได้ฟังการแถลงข่าวของพรรคเพื่อไทย รับเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาลได้หรือไม่ หลักของเราคือต้องไม่แตะมาตรา 112 เพราะเราหาเสียงบนเวทีมาโดยตลอด เราไม่ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยแน่นอน เพราะจะทำให้ประเทศวุ่นวาย การร่วมกับพรรคอื่นที่ไม่แตะมาตรา 112 ขอให้เป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรคและมติของสส. ที่มีความเห็นร่วมกัน ซึ่งหากถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ก็เป็นไปได้
เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์เคยอยู่ต่างขั้วกับพรรคเพื่อไทยมาก่อนจะสามารถทำงานร่วมกันได้หรือไม่ นายเดชอิศม์ ระบุว่าวันนี้เอาประเทศชาติเป็นหลัก เอาความคิดแค้นส่วนตัว ความชิงชัง สมัยอดีต มาบวกทั้งหมด ตนว่ามันไม่น่าจะเหมาะสม วันนี้เหตุการณ์เปลี่ยน คนก็เปลี่ยนไปหมด เหลือแต่ยี่ห้อของพรรค คนในพรรคเปลี่ยนไปหมดแล้ว ปัญหาของประเทศวันนี้เปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก ความต้องการของประชาชนก็เปลี่ยนไป วันนี้ประชาชนต้องการแก้ปัญหาปากท้อง ถ้าเราเอาความแค้น ความชิงชังส่วนตัวมาเป็นหลัก ผมว่าไม่ยุติธรรมกับประชาชน
เมื่อถามว่าปัจจัยหลักที่จะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลคืออะไร นายเดชอิศม์ ระบุว่า คือเรื่องแนวนโยบาย และต้องถกเถียงกันในพรรค ต้องให้เกียรติสส.ใหม่ที่เข้ามา 25 คน สะท้อนปัญหาของประชาชนในพื้นที่ของตนเอง และเอามาสะท้อนเป็นปัญหาของประเทศชาติ ถ้ามีหนทางที่จะแก้ปัญหาให้ประชาชนได้เราก็ยินดี แต่ถ้าไปแล้วทำให้ประเทศถอยหลังสร้างปัญหา หรือเกิดความแตกแยกมากขึ้น เราคงไม่ร่วมอย่างแน่นอน เป็นฝ่ายค้านก็ได้เรายินดี
เมื่อถามว่าจะมีสส. ประชาธิปัตย์บางกลุ่มที่ไม่สามารถจับมือกับเพื่อไทยได้หรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่ายังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ ต้องคุยกันว่าจะมีมติอย่างไร ที่ผ่านมาเป็นวันหยุดยาว จึงยังไม่ได้คุยกัน
เมื่อถามถึงอุดมการณ์ของมวลชนที่อาจจะไม่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย จะต้องนำเรื่องนี้มาพิจารณาด้วยหรือไม่ นายเดชอิศม์ระบุว่าวันนี้ มีทั้งฝ่ายที่เชียร์และไม่เชียร์ จึงต้องนำมาคุยกันในที่ประชุม เพื่อสะท้อนความเห็นจากทุกจังหวัด
เมื่อถามว่าจะมีความเป็นไปได้ที่จะร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายเดชอิศม์ระบุว่ามีทั้งเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้
ทั้งนี้การประชุมในวันนี้จะเป็นการพูดคุยเพื่อหาแนวทางในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีก่อน ส่วนจะร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ยังไม่สามารถชี้ขาดได้ ขึ้นอยู่กับการประชุมครั้งหน้าที่จะต้องมีกรรมการบริหารพรรคและสส. ปัจจุบันร่วมหารือกัน
เมื่อเปิดสูตรตั้งรัฐบาลแบบมี 2 ลุง จะมี 340 เสียง