จากเหตุการณ์ที่เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา รถไฟขบวนสินค้า 833 บรรทุกแป้งในตู้คอนเทนเนอร์ ต้นทางไอซีดีลาดกระบัง ปลายทางแฉลมฉบัง พุ่งชน รถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบอร์น บริเวณทางตัดทางผ่านรถไฟคลองอุดม ใกล้เคียงสถานีรถไฟคลองอุดมชลจร หมู่ 6 ต.คลองอุดมชลจร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ขณะเกิดเหตุมีคนอยู่ในรถกระบะอยู่ในรถกะบะทั้งหมด 13 คน ซึ่งเป็นคนงานที่ได้รับจ้างกำลังจะไปจับปลาในบ่อปลาแห่งหนึ่ง พื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา หลังเกิดเหตุทำให้คนที่อยู่บนรถได้รับบาดเจ็บจำนวน 4 ราย และเสียชีวิตทันที 8 ราย คือ
1.นายสายยนต์ โพธิ์รักษ์ อายุ 62 ปี
- สุนทรี โพธิ์รักษ์ อายุ 52 ปี
3.นายสุนทร บัวทอง อายุ 55 ปี
4.นางวารี ภู่ถาวร อายุ 60 ปี
5.น.ส.สุลีรัตน์ ไวว่อง 23ปี
6.นายสุรพล อยู่เล็ก 60 ปี
7.นายณัฐชัย เหยี่ยวเจริญ อายุ 18 ปี
8.นายธนวัฒน์ ลิ้มเจริญวิวัฒน์ อายุ 27 ปี
ส่วนผู้บาดเจ็บ 4 ราย คือ
1.นายสุรพัศ ประสพ อายุ 20 ปี
2.นายสุพรรณ โพธิ์รักษ์ อายุ 29ปี
3.นายจัตุพร แก้วโรจน์ อายุ 26 ปี
4.นายวรพล ม่วงสี อายุ 25ปี
ขณะที่บรรยากาศสถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่มูนิธิปอติ๊กตึงได้นำศพผู้เสียชีวิตผู้เสียชีวิตทั้งหมด 8 ราย มารวมอยู่เพื่อเตรียมเคลื่อนขบวนนำร่างส่งไปยังสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจเในการผ่าชันสูตรพลิกศพ ซึ่งมีญาติของผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาทำเอกสารระบุตัวตนและขอรับศพของผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นจำนวนมากซึ่ง ทุกคนอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้ภาพกล้องวงจรปิดจากบ้านที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ ที่สามารถบันทึกเสียงรถไฟเปิดวู้ดเสียงดังหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาทีก็ได้ยินเสียงรถถูกชนเสียงดังสนั่น
จากการสอบถามนายวิชัย เปิดเผยว่า ตนเองเดินทางมาจากวัดบัวโรย เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร โดยบรรทุกคนงานที่กำลังจะมาจับปลา ที่บ่อปลาในพื้นที่คลองอุดมชลจร อ.เมืองฉะเชิงเทรา เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุเป็นทางตัดรถไฟ ตนเองเห็นรถไฟกำลังวิ่งมา แต่คนในรถบอกให้ข้ามไปเลยยังทันอยู่ แต่เมื่อตัดสินใจขับรถข้ามทางรถไฟไปนั้น เกิดไม่ทันรถไฟได้พุ่งชนเข้าด้านท้ายรถกระบะของตนอย่างจัง จนรถหมุนตกลงมาข้างทาง ส่วนคนงานที่นั่งโดยสารมาด้านหลัง ก็หล่นกระเด็นกระดอนนอนเสียชีวิต
ทีมข่าวได้สอบถาม นางสาวอรอนงค์ อายุ 26 ปี ลูกสาวของ นายสุนทร อายุ 55 ปี หนึ่งในผู้เสียชีวิตเปิดเผยว่า ได้เดินทางออกจากบ้านมากับกลุ่มคนอื่นที่จะรับจ้างไปจับปลา และหลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง ที่พ่อออกไปจากบ้าน ประมาณ 05:00 น. ได้มีคนมาเรียกตนเองที่บ้าน ให้โทรหาพ่อเพราะเกิดอุบัติเหตุกับรถกระบะที่พ่อนั่งไปได้ชนกับรถไฟ ตนเองจึงได้โทรศัพท์ไปหาพ่อแต่ก็ไม่มีคนรับ ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยรับโทรศัพท์ของพ่อตนเองจึงได้ถามว่าเจ้าของโทรศัพท์ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงได้ถามชื่อว่าพ่อตัวเองชื่ออะไรและเมื่อตนเองบอกว่าชื่อสุนทร กู้ภัยได้ตอบกลับมาว่าได้เสียชีวิตแล้ว ทำให้ตัวเองรู้สึกช็อกเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะ เมื่อคืนนี้ยังพูดคุยกับพ่อเป็นปกติไม่มีลางบอกเหตุว่าพ่อจะไปเกิดเหตุร้าย ซึ่งพ่อก็ยังชักชวนให้แฟนตนเองไปด้วยแต่แฟนตัวเองไม่ว่างจึงไม่ได้ไปคณะเดียวกับพ่อหากไปด้วยก็อาจจะเกิดอันตรายไปอีกหนึ่งคน ซึ่งในวันพรุ่งนี้ตนเองจะเดินทางไปรับศพพ่อที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจเพื่อไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนา
นายวิชัย อายุ 56 ปี คนขับรถยนต์กระบะที่เกิดอุบัติเหตุรถไฟชนบริเวณบริเวณทางข้ามทางรถไฟ ใกล้เคียงกับสถานีรถไฟคลองอุดมชลขจร หมู่ 6 คลองอุดมชลขจร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ 8 ราย บาดเจ็บ 4 ราย เปิดเผยขณะเดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทราว่า ตนเองและญาติพี่น้องมีอาชีพจับกังจะรับจ้างและเดินทางไปจับปลาเป็นประจำ ก่อนเกิดเหตุก็ได้ชักชวนญาติพี่น้องเพื่อไปจับปลาตามปกติ และต้องเดินทางข้ามทางรถไฟดังกล่าว โดยยืนยันว่าจุดที่เกิดเหตุค่อยข้างมืดและสัญญาณไฟมีปัญหาติดบ้างไม่ติดบ้าง อีกทั้งรถไฟขนสินค้าก็ไม่ได้เปิดวูดเตือนและปิดไฟมืด จึงมองไม่เห็นและคิดว่าไม่มีรถไฟขับมา จึงขับรถข้ามทางปกติ โดยบริเวณดังกล่าวลักษณะเป็นเนินและมีทางรถไฟ3เลน ตอนที่รถของตนเองจะข้ามพ้นเลนสุดท้าย ปรากฎว่ารถไฟได้ขับมาและชนเข้าที่ท้ายกระบะอย่างแรงส่งผลให้รถคนที่นั่งมาท้ายกระบะกระเด็นออกจากรถและเสียชีวิต ส่วนตนเองนั่งหน้ารถจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังรู้สึกช็อคและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ก็เป็นญาติพี่น้องกันหมด
นายวิชัย กล่าวยืนยันว่าตอนที่คนนั่งในรถกระบะมองเห็นรถไฟขับมาแบบกระชันชิดบอกให้ตนเองขับไปเลยๆแต่ตรเองตอนมองไม่เห็นรถไฟและไม่ได้ยินและยืนยันว่าที่เกิดเหตุมืดและมองไม่เห็นอะไร อีกทั้งปกติเวลาที่ตนเองต้องขับข้ามทางรถไฟก็จะชลอความเร็วหรือหยุดและใช้ความระมัดระวังมาก พร้อมเรียกร้องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าควรมีป้ายกั้นทางโดยเฉพาะจุดเกิดเหตุเป็นทางที่คนสัญจรผ่านจำนวนมาก
ทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่ไปยังบริเวณ ตัดทางผ่านรถไฟคลองอุดม ใกล้เคียงสถานีรถไฟคลองอุดมชลจร อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุที่รถกระบะบรรทุกคนงานรับจ้างจับปลาในบ่อเลี้ยง ถูกรถไฟพุ่งชนจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนหลายราย พบว่าจุดเกิดเหตุ เป็นบริเวณทางลักผ่านที่ไม่ได้รับอนุญาต ไม่มีไม้กั้นติดตั้งอยู่แต่อย่างใด ซึ่งการรถไฟฯ ได้มาติดตั้งป้าย และสัญญาณไฟเตือนครบถ้วนเพื่อพยายามช่วยในเรื่องความปลอดภัย และยังทำการตัดต้นไม้ที่ก่อนหน้านี้มีอยู่เป็นจำนวนมากออกไปแล้ว
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้ให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุบริเวณทางผ่านเสมอระดับอย่างจริงจัง โดยมุ่งเน้นการให้ความรู้แก่ประชาชนและชุมชนใกล้เคียง เพื่อสร้างความตระหนักให้กับผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ ได้คำนึงถึงความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎจราจรก่อนข้ามทางผ่านเสมอระดับ ตลอดจนการให้ความสำคัญกับป้ายสัญลักษณ์เตือน เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ ในส่วนมาตรการแก้ปัญหาในระยะเร่งด่วน ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเร่งสรุปจำนวนทางลักผ่านที่ผิดกฎหมายเพื่อดำเนินการแก้ปัญหาปิดจุดทางลักผ่านต่างๆ หรือประสานหน่วยงานท้องถิ่นที่ดูแลรับผิดชอบถนนที่ตัดผ่านทางรถไฟสนับสนุนงบประมาณในการติดตั้งเครื่องกั้นอัตโนมัติ ซึ่งที่ผ่านมา หากการรถไฟฯ เข้าไปดำเนินการปิดทางลักผ่านต่างๆ ก็จะได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ขอให้เปิดเส้นทางลักผ่านเพื่อใช้ในการสัญจร หรือลักลอบเปิดใช้ทางลักผ่านโดยไม่ได้รับอนุญาตจากการรถไฟฯ แต่อย่างใด
ทีมข่าวยังได้สอบถาม นายวิเชียร อายุ 58 ปี เข้าของบ่อปลา เปิดเผยว่า ตนเองได้ว่าจ้างกลุ่มคนงานกลุ่มนี้ให้มาจับปลาที่บ่อของตน นัดเวลาไว้เวลา ตี 2 แต่เห็นผิดสังเกตจึงให้แฟนโทรศัพท์ตามก่อนมารู้ว่า รถคันที่บรรทุกคนงานมาจับปลาที่บ่อของตนเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเองอยุ่ที่บ่อก็ได้ยินเสียงหวูดรถไฟ บีบเตือนหลายครั้ง ก็ไม่คิดว่าหวูดที่เตือนนั้น จะกลายเป็นอุบัติเหตุที่มีผู้เสียชีวิตถึง 8 ศพ ซึ่งเป็นคนงานที่ตนเองจ้างมาจับปลาในบ่อ จึงรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะทำงานร่วมกันมาร่วม 30 ปี แล้ว หลังจากนี้ก็จะเข้าช่วยเหลือดูแลครอบครัวผู้สูญเสียและผู้รับบาดเจ็บตามที่ตนเองจะช่วยได้