จากกรณีวันที่ 3 ส.ค.66 สมาชิก TikTok @ton..789 โพสต์คลิปของหนุ่มไร้บ้านที่ จ.ขอนแก่น ซึ่งป่วยเป็นโรคเส้นเลือดหล่อเลี้ยงผิดปกติ ทำให้ปากและจมูกบวมเป่งขึ้นมาอย่างน่าเวทนา ซึ่งผู้โพสต์เจอชายคนนี้ตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว (ก.ย.2565) โดยเอาข้าวไปให้คนจรจัดแล้วบังเอิญไปเจอน้องพอดี จึงได้พูดคุยกัน
โดยระบุข้อความว่า “ขออนุญาตเอาคลิปแรกที่เจอน้องเมื่อเดือนกันยาปีที่แล้วมาให้ดูนะคะ ว่าอาการที่น้องเป็นมันคืออะไร มีอาการเป็นอย่างไรบ้าง ตอนแรกประวัติน้องอยู่ที่ รพ.จุฬา นะคะ แต่ย้ายมารักษาตัวที่นี่ แต่น้องได้ทิ้งระยะห่างการรักษาไปนาน อจ.หมอเลยให้ไปเอาประวัติเก่ามา พอเราได้เจอน้อง เลยประสานหาคนไปรับมอบประวัติมาให้ ใช้เวลาพอสมควรค่ะ ตอนนี้น้องไปหาหมอแล้ว และรอคิวหมอนัดอยู่นะคะ ซึ่งเราจะพาน้องติดต่อทาง รพ.เองค่ะ”
จากการพูดคุยกับน้องบอกว่า ตัวเองชื่อ “คมศักดิ์” อายุ 27 ปี มาจาก จ.มุกดาหาร ป่วยเส้นเลือดหล่อเลี้ยงผิดปกติตั้งแต่กำเนิด ไปหาหมอแล้วผ่าตัดไม่ได้ เพราะความเสี่ยงสูง ก็มีไปหาหมอตามนัด เสียเงินบ้างไม่เสียบ้าง ตอนนี้ใช้ชีวิตลำบาก กินเผ็ดกินร้อนไม่ได้ ตอนนี้หางานทำไม่ค่อยได้ เก็บของเก่าขาย และเร่ร่อนอยู่แถวนี้
หลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ไป ก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก และอยากให้น้องได้ไปหาหมอตามนัด เพราะน้องไร้บ้าน จึงทำให้ไม่มีคนช่วยดูแลเรื่องการไปหาหมอ ทำให้เป็นที่น่าเวทนาของคนที่พบเห็น ซึ่งน้องต้องเอาผ้าเช็ดหน้ามาพันปกปิดไว้ตลอดเวลา
จากนั้นทีมข่าวได้ออกตามหา กระทั่งได้เจอกับนายคมศักดิ์ อายุ 28 ปี ได้เปิดแผลให้ทีมข่าวดู โดยเจ้าตัวบอกว่า มีอาการเจ็บแผลอยู่ตลอดเวลา ซึ่งอาการดังกล่าวเป็นมาตั้งแต่เด็ก โดยเริ่มจากเป็นแผลเล็กๆ ซึ่งถ้าหากอากาศร้อนก็จะมีเลือดออก ไปหาหมอ หมอก็รักษาไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมารักษาตัวเองด้วยการกินยาแก้ปวดและใช้น้ำเกลือทำความสะอาดแผล ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ใช้ชีวิตตามปกติได้ มีภรรยามีลูกวัย 5 ขวบและทำงานโรงงานได้ แต่ปรากฎว่า หลังจากทำงานหนักขึ้น อาการก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่ปี 59 ซึ่งพอแผลบวมขึ้น ภรรยาก็บอกเลิกโดยการหอบลูกหนีไปด้วย
ยอมรับที่ผ่านมา คุณธนารัตน์ ก็พยายามช่วยเหลือทุกวิถีทางมาตลอด แต่ก็ยังไม่มีเวลาไปรักษา เนื่องจากต้องออกไปหาเงินเพื่อประทังชีวิต ยืนยันที่ผ่านมาถึงจะมีคนรังเกียจ แต่ก็ไม่เคยคิดสั้นทำร้ายตัวเอง และยังมีความหวังที่จะสู้ชีวิตต่อเพื่อลูก สำหรับการช่วยเหลือ ไม่ได้ต้องการเงินทองอะไร เพียงแต่อยากให้แผลที่เป็นอยู่หายหรือทุเลาลงเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาตนเองต้องใช้ชีวิตอย่างทรมาน กินร้อนกินเผ็ดไม่ได้ เวลาฝนตกก็ออกไปไหนไม่ได้เพราะน้ำจะทำให้แผลอักเสบ ของคุณผู้ใจบุญที่ให้การช่วยเหลือผ่านคุณธนารัตน์
ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปเจอกับคนถ่ายคลิป ก็คือ น.ส.ธนารัตน์ สูงแข็ง หรือคุณต้น เปิดเผยว่า ตนเองมีโอกาสไปเจอกับ น้องคมศักดิ์ ครั้งแรกในขณะที่ไปแจกอาหารให้กับคนไร้บ้านทุกวันพระ ก็คือเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2565 ซึ่งวันแรกที่เจอกัน น้องคมศักดิ์ จะมีผ้าปิดไว้ครึ่งหน้าตลอดเวลา กระทั่งมีเพื่อนในเฟซบุ๊กส่งภาพน้องมาให้ดูในกลุ่ม จึงไปตามหาแต่ก็ไม่พบตัว เนื่องจากน้องจะอยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง
จนกระทั่งหลังจากนั้นไม่กี่วัน ก็ได้เจอกับน้อง ซึ่งเข้ามารอรับอาหารอยู่ที่ศาลเจ้า จึงได้สอบถามประวัติว่าเกิดอาการดังกล่าวตั้งแต่เมื่อไหร่ ซึ่งน้องก็ให้ข้อมูลว่า ตัวน้องเอง เป็นโรค ระบบหล่อเลี้ยงเส้นเลือดผิดปกติ มาตั้งแต่เกิด โดยช่วงแรกก็ได้มีการรักษาที่จังหวัดมุกดาหาร แต่ก็รักษาไม่ต่อเนื่อง เพราะต้องย้ายบ้านหาที่ทำมาหากินไปเรื่อยๆ ซึ่งหลังจากตนเองนำคลิปไปโพสต์ ก็เริ่มมีคนมาแนะนำและช่วยเหลือ แต่ก็ยังเข้ารักษาไม่ได้ เพราะต้องรอคิว อีกอย่างตัวน้องเองก็ติดต่อ ยาก เพราะเขาไม่มีโทรศัพท์ใช้ ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็เคยมีเจ้าหน้าที่ของ พม.ยื่นมือเข้ามาช่วย แต่น้องก็อยู่ไม่ได้ เพราะต้องไปอยู่ในสถานที่ ที่จำกัดบริเวณ
ส่วนการช่วยเหลือ ตนเองเคยช่วยน้องโดยการโพสต์เปิดรับบริการเงินให้เข้าบัญชีของน้อง ซึ่งตอนนั้นมีเงินช่วยเหลือจากคนใจบุญโอนเข้าบัญชีน้องประมาณ 20,000 บาท แต่พอน้องได้เงินไป ก็เก็บไว้ไม่ได้ เนื่องจากตัวน้องเอง ต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนไร้บ้าน กระทั่งถูกไถ่เงินไปจนหมด ส่วนรายได้ที่น้องมี ประทังชีวิตอยู่ทุกวันนี้ คือการไปนั่งขอทานตามตลาดนัด ซึ่งความฝันของน้อง อยากจะหายจากอาการที่เป็นอยู่ และอยากจะมีเงินเก็บเพื่อทำกิจการเลี้ยงครอบครัว เพราะตัวน้องเอง ก่อนหน้านี้มีลูกน้อยวัย 5 ขวบอยู่ด้วย แต่พอน้องเริ่มอาการหนักขึ้น ภรรยาที่อยู่ด้วยกันก็พาลูกหนีไป อย่างไรก็ตาม ก็อยากจะฝากคนที่เจอกับน้องว่าอย่ารังเกียจตัวน้อง เพราะน้องเป็นคนน่าสงสาร
ด้าน รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ บอกว่า จากอาการที่เกิดขึ้น คาดว่าเป็นโรคหลอดเลือดหรือinfantile hemangioma ซึ่งโรคดังกล่าวแนะนำให้ผู้ป่วยไปตรวจกับแพทย์ที่เชี่ยวชาญอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยโรคดังกล่าว มักจะพบกับเด็กทารกแรกเกิด แต่ไม่ใช่โรคติดต่อ ซึ่งโรคดังกล่าวในช่วงแรกจะสังเกตเห็นได้ชัดจากผื่นและเม็ดสีแดง จากนั้นจะขยายอย่างรวดเร็วในช่วง 4 สัปดาห์แรก และจะมีขนาดใหญ่ขึ้นที่สุดในช่วง 9 - 12 เดือน ซึ่งถ้าหากมีการรักษา ก้อนที่ขยายตัวจะค่อยๆเล็กลง แต่ถ้าหากไม่ได้รับการรักษา โดยมีภาวะแทรกซ้อน เช่นก้อนเนื้อขยายใหญ่จนแตกก็จะทำให้ติดเชื้อ ซึ่งบางรายอาจทิ้งร่องรอยเอาไว้เป็นบาดแผลเนื้อนูนอย่างที่ผู้ป่วยรายนี้เป็นอยู่ โดยเคสของน้อง หากได้รับการรักษาแบบเทคโนโลยีใหม่ๆบาดแผลก็จะดูดีขึ้น และจะทำให้น้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น