"รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล" ให้สัมภาษณ์กับ "ข่าวช่อง 8" วิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองไทย สูตรการจัดตั้งรัฐบาลใดจะสำเร็จ แล้วสุดท้ายแล้ว ใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี
สถานการณ์การเมืองไทยยังคงร้อนระอุ หลัง “พรรคเพื่อไทย” ฉีก MOU 8 พรรคร่วม ดีด “ก้าวไกล” ไปเป็นฝ่ายค้าน พร้อมกับมีข่าวสะพัด สูตรจัดตั้งรัฐบาล “ไม่มีลุง ไม่มีก้าวไกล” กะปิดเกมศึกชิงนายกฯ วันที่ 4 สิงหาคมนี้ โดยเสนอชื่อ “เศรษฐา” เป็นนายกฯ
แต่แล้วก็มีสัญญาณที่บ่งบอกว่า สิ่งที่ “พรรคเพื่อไทย” วาดหวังไว้ อาจไม่เป็นดังที่คิด หลังจาก “เศรษฐา” ถูกถล่มอย่างหนักตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงการที่ศาลรัฐธรรมนูญเลื่อนการพิจารณา สภามีมติไม่สามารถเสนอชื่อ “พิธา” เป็นนายกฯ ซ้ำได้ ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ? ร่วมถึงความคึกคักของฟากฝั่ง “พรรคร่วมรัฐบาลเดิม” และกระแสข่าว “ทักษิณ” เลื่อนวันกลับเมืองไทยออกไปอีก
โดย “รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล” ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย ได้วิเคราะห์สถานการณ์การเมือง และอัปเดตสูตรการจัดตั้งรัฐบาล ดังต่อไปนี้
สูตร “ไม่มีลุง ไม่มีก้าวไกล” ไปไม่รอด ?
“รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล” ชี้ว่า การเล่นเกมเร็ว ฉีก MOU “8 พรรคร่วม” ถือเป็นการเดินเกมที่ผิดพลาด เพราะยิ่งทำให้อำนาจต่อรองของ สว. และ “พรรคร่วมรัฐบาลเดิม” พุ่งสูงขึ้น ในระดับที่พลิกมาเป็นผู้กำหนดเกม
ผมขอเล่าย้อนไปก่อนหน้านี้ คือ “พรรคเพื่อไทย” ก็ใช้วิธีการแกง ภาษาวัยรุ่น หรือว่าภาษาคนรุ่นพวกผมจะใช้คำว่า ต้ม ก็จะต้มตั้งแต่ “พรรคก้าวไกล” คือถีบเขาไปเป็นฝ่ายค้าน แต่ก็อยากได้เสียงเขา แล้วก็อยากได้เสียงจาก “พรรคร่วมรัฐบาลเดิม” โดยไม่เอาลุง
พูดง่ายๆ จะไปเอางูเห่าเขาออกมา แล้วก็จะมาต้ม สว. ว่า ก็ถีบ “ก้าวไกล” ออกแล้วไง ก็คิดว่าเก๋าเกม แต่ปรากฏว่า ของแบบนี้ไปต้มเขาไม่ได้ พอไปต้มไม่สำเร็จ ก็ยุ่ง
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม เราก็จะได้เห็นปรากฏการณ์เลื่อนกันแหลกลาญ หรือวันที่ 4 สิงหาคม ท่านประธานรัฐสภา ก็พึ่งเลื่อนการประชุมสภาออกไปอีก
สรุปแล้วเลื่อนทั้งการเลือกนายกฯ ทั้งพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม. 272 ก็เป็นโรคเลื่อนกันไปหมด แต่สัญญาณที่เราพูดกันได้วันนี้ก็คือ การจัดตั้งรัฐบาลรอบนี้ถ้า “พรรคเพื่อไทย” ยังดึงดันเสนอ “คุณเศรษฐา” ก็จะไม่ผ่าน แล้วก็จะต้องไปถึง “คุณอุ๊งอิ๊งค์” จนได้ อันนี้คือภาพรวม ณ วินาทีนี้ครับ
คือจริงๆ แล้ว มันเป็นเกมที่ “พรรคเพื่อไทย” จะไปต้มเอางูเห่าเขามาก่อน คือตอนแรกจะโชว์เหนือไง ผมรู้ด้วยใครเป็นคนดิว จะโชว์เหนือไปเอางูเห่าจาก “รวมไทยสร้างชาติ” จะโชว์เหนือไปเอางูเห่าออกมาจาก “พลังประชารัฐ” ปรากฏว่า แผนนี้มันเคยเป็นแผนที่ใช้ได้ผลในการเมืองเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว แต่ตอนนี้มันคนละเรื่องกันแล้ว พูดตรงๆ คือไปต้มเขาไม่สำเร็จ
เพราะต้องเข้าใจก่อนครับว่า สว. ชุดนี้ เขาไม่ได้วางใจ “พรรคเพื่อไทย” เกลียด “พรรคเพื่อไทย” ด้วยซ้ำไป เพียงแต่เมื่อกำจัด “พรรคก้าวไกล” ได้แล้ว เขาก็ต้องหากลยุทธ์ในการกำกับพฤติกรรม
เพราะ สว. ชุดนี้เกือบ 100 % คือมือปราบจำนำข้าว สว.ชุดนี้มีสมมติฐานก่อนเลยว่า “พรรคเพื่อไทย” ไว้ใจไม่ได้ มีโอกาสเมื่อไหร่ก็อาจมีการกระทำทุจริตเมื่อนั้น ดังนั้นแล้ว สว. เขาจะต้องหานายกฯ ที่เป็นสายตรงของ “เพื่อไทย” ตัวจริง ถึงจะสามารถกำกับพฤติกรรมของพรรคเพื่อไทยได้
ดังนั้นแล้วความมั่นใจของ “พรรคเพื่อไทย” ที่ไปฉีก MOU โดยที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน หรือความมั่นใจจาก สว. จึงเป็นการเดินแต้มที่ผิดพลาดเป็นอย่างมาก แล้วนั่นก็ทำให้โอกาสของ “คุณเศรษฐา” ในการเป็นนายกฯ หมดไปด้วย
จะมีการซ้อนแผน จนสุดท้ายแล้ว นายกฯ ชื่อ “ประวิตร” หรือไม่ ?
หลังจาก “พรรคเพื่อไทย” ประกาศตัดเยื่อใยกับ “พรรคก้าวไกล” แต่แล้วเส้นทางการเป็นแกนนำรัฐบาล ก็ยังดูไม่แน่นอน แล้วตรงนี้จะมีโอกาสถูกแผนซ้อนแผน ดัน “บิ๊กป้อม” ขึ้นมาเป็นนายกฯ หรือไม่ ? “รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล” ได้แสดงความคิดเห็นดังต่อไปนี้
ตำแหน่งนายกฯ จะไปถึง “ลุงป้อม” หรือไม่นั้น มันเป็นไปได้ในทางทฤษฎี แต่วิธีปฏิบัติจริง แนวรบสุดท้ายซึ่งก็คือนายกฯ ตัวจริงของพรรคเพื่อไทยก็คือ “คุณอุ๊งอิ๊งค์”
เราอย่าลืมว่าตำแหน่งนายกฯ คนที่แสดงอาการพร้อม อาการอยาก มักไม่ค่อยได้เป็น แต่คนที่แสดงอาการบอกไม่พร้อม คุณแม่ห้ามบ้าง ส่วนใหญ่จะได้เป็น การที่เอา “คุณเศรษฐา” ออกมาก่อนก็รับก้อนอิฐ รับสารพัดกระสุน แล้วก็เละไปแล้วหนึ่งคน
ดังนั้นตัวจริงของ “พรรคเพื่อไทย” ก็คือ “คุณอุ๊งอิ๊งค์” แล้ว “คุณอุ๊งอิ๊งค์” ก็จะเป็นแนวรบสุดท้ายของพรรคเพื่อไทย เพราะว่ามันเดิมพันด้วยการอย่ากลับบ้านของเจ้าของพรรค แล้วก็เป็น “คุณอุ๊งอิ๊งค์” เท่านั้นแหละครับที่ “ลุงโทนี่” จะออกแรงให้ แล้วก็จะออกหน้าเคลียร์กับทุกฝ่าย
สำหรับ “ลุงป้อม” ผมคิดว่า ตอนนี้ไม่ได้มีความต้องการอยากเป็นนายกฯ ใครที่รู้จัก “ลุงป้อม” ดี สิ่งที่ทำให้ “ลุงป้อม” เป็นบิ๊กบราเธอร์ ก็คือความใจใหญ่ ตอนเลือกตั้งถ้า “พลังประชารัฐ” ได้ซัก 80 – 90 เสียง “ลุงป้อม” อาจคิดจะเป็นนายกฯ แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ห่างจากพรรคอันดับ 1 และอันดับ 2 เป็นอย่างมาก แล้วห่างจาก “ภูมิใจไทย” ซึ่งพรรคอันดับ 3 ถึง 30 กว่าเสียง โอกาสที่ “ลุงป้อม” จะเป็นนายกฯ จึงแทบไม่มีในมุมมองของผม
แต่ว่า “ลุงป้อม” ก็พยายามที่จะต้องส่งลูกน้อง คือ “พรรคพลังประชารัฐ” ให้ได้เข้าร่วมรัฐบาล ให้ได้เก้าอี้รัฐมนตรี แล้วลุงป้อมก็จะกลายเป็นบิ๊กบราเธอร์ เป็นคนคอยประสาน ซึ่งเป็นบทบาทที่ลูกป้อมถนัดจริงๆ
สูตรจัดตั้งรัฐบาล มีพรรคลุง ไม่มีก้าวไกล
และจากสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้น “รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล” ก็ได้อัปเดตสูตรรัฐบาลใหม่ ที่แม้ว่า “พรรคเพื่อไทย” อาจได้ตำแหน่งนายกฯ แต่ก็ยอมแลกกับกระทรวงสำคัญต่างๆ ไปเป็นจำนวนมาก
พรรคที่มีโอกาสเป็นรัฐบาล ก็ทุกพรรคแหละครับ ยกเว้น “พรรคก้าวไกล” ยกเว้น “พรรคเป็นธรรม” ยกเว้น”พรรคไทยสร้างไทย” พรรคอื่นก็มาหมด รวมทั้งกลุ่มพรรคเล็ก ก็ประมาณ 300 กว่าเสียง กรณีถ้า “คุณอุ๊งอิ๊งค์” เป็นนายกฯ
เพราะสุดท้ายแล้ว ถ้าไม่มีพรรค 2 ลุง มันก็ไปไม่ได้ แล้ว “พรรคเพื่อไทย” ก็ต้องใช้กลยุทธ์อย่างอื่น เพื่อให้ได้ตำแหน่งนายกฯ และลดแรงเสียดทานการเมือง คือ
1. “พรรคเพื่อไทย” ต้องอธิบายถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ชัดเจน ว่าแผนการของ “เพื่อไทย” คืออะไร จะตั้ง ส.ส.ร. เมื่อไหร่ เพื่อให้เห็นว่า “พรรคเพื่อไทย” กับพรรคอื่นๆ ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน มีประเด็นจุดยึดโยงกันเรื่อง มันก็จะทำให้แรงเสียดทานทางการเมืองลดลง
2. ความชัดเจนเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ นอกจากการลดเสียดทานการเมืองในสภาลง พวกแกนนำการชุมนุมทั้งหลายทั้งปวงก็สามารถเข้าไปต่อสู้ในสภาร่างรัฐธรรมนูญได้ ดังนั้นเกมการลงถนนมันก็จะเบาลง
3. “พรรคเพื่อไทย” วันนี้ “ลุงโทนี่” ทำได้ทางเดียวเลย ต้องเอาตำแหน่งนายกฯ เป็นหลัก ผมขอย้อนไปเหตุการณ์สมัยที่ “คุณอภิสิทธิ์” ตั้งปลายรัฐบาลปี 51 ตอนนั้นพรรคประชาธิปัตย์ต้องยอมปล่อยหลายกระทรวง เพื่อให้ “คุณอภิสิทธิ์” ได้เป็นนายกฯ
ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันครับ “ลุงโทนี่” ต้องยอมเสียทุกกระทรวง อาจจะยกเว้นกระทรวงเดียว คือกระทรวงการคลัง กระทรวงอื่นต้องยอมหมด เพื่อให้ “คุณอุ๊งอิ๊งค์” เป็นนายกฯ ให้ได้ อันนี้คือข้อแนะนำจากผม เพื่อที่ “เพื่อไทย” จะได้ออกจากมุม ซึ่งกำลังใกล้จนมุมอยู่ตอนนี้