จากกรณีนายธีรวัฒน์ พนักงานขนส่งสินค้าในจังหวัดสกลนคร ถูกชายคนหนึ่งขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาจอดข้างรถบรรทุก ทำทีมาถามทาง จากนั้นชักปืนยิงนายธีรวัฒน์ จนต้องกระโดดหนีตายลงมาจากหลังรถบรรทุก ต่อมาตำรวจนำตัวนายสืบศักดิ์ อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นสามีของนางเจน และน้องชาย คือ นายพิทักษ์ อายุ 32 ปี มาสอบปากคำทั้งวัน กระทั่งทราบว่ามือยิง คือนายเอกลักษณ์ อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นน้องชายคนกลาง
ซึ่งเมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. ของวันที่ 5 ส.ค. นายเอกลักษณ์ ได้ประสานขอมอบตัวกับตำรวจ สภ.เมืองสกลนคร โดยเจ้าตัวขอไปรอมอบตัวที่บ้านในตำบลห้วยยาง อำเภอเมืองสกลนคร จากนั้นก็แบ่งรับแบ่งสู้ให้การวกไปวนมา กระทั่งหลังจากตำรวจคุมตัวไปตรวจลายน้ำมือที่กองพิสูจน์หลักฐาน นายเอกลักษณ์ก็รับสารภาพว่าเป็นมือยิง ทางตำรวจชุดสืบสวนจึงนำตัวไปชี้จุดทิ้งหมวกกันน็อกและนำตัวไปชี้จุดซ่อนปืน
ส่วนวงจรปิดเส้นทางที่ใช้ก่อนไปก่อเหตุและหลังก่อเหตุ กล้องตัวที่ 1.ใกล้ถึงแยกหมู่กระทะเตาถ่าน จะเห็นรถน้ำแข็งของนายพิทักษ์ วิ่งกลับออกมาจากที่เกิดเหตุ หลังจากไปชี้เป้าหมายในเวลา 09.34.44 น. จากนั้นตัวที่ 2 ก็จะเห็นรถผู้ก่อเหตุคือนายเอกลักษณ์วิ่งมาทางแยกหมูกระทะ เวลา 09.35.55 น. เพื่อมุ่งหน้าตามไปก่อเหตุหลังจากได้เป้าจากนายพิทักษ์
จากนั้นในเวลา 09.39.22 น. รถกระบะส่งน้ำแข็งของนายพิทักษ์จะขับจากแยกหมูกระทะหรือแยกคำสะอาด เพื่อไปดูว่านายเอกลักษณ์ก่อเหตุเสร็จหรือยัง กระทั่ง 09.40.45 น.นายเอกลักษณ์ผู้ก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์สีแดง สวมหมวกกันน็อกสีขาว ขี่สวนมาหลังก่อเหตุเสร็จ แล้วหลบหนีมุ่งหน้าไปทางแยกหมูกระทะ
จนกระทั่ง ในเวลา 09.56.08 น. นายพิทักษ์ได้ขับรถส่งนำแข็งวนมาทางแยกหมูกระทะ อีกรอบมุ่งหน้าไปทางที่เกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อไปดูว่าเป้าหมายอีกรอบ จากนั้น ในเวลา 10.00.50 น. รถนำแข็งของนายพิทักษ์ก็วิ่งไปทางที่เกิดเหตุ เพื่อดูเป้าหมายว่าตายหรือยัง ก่อนขับหลบหนีไปที่ บ้านลาดกระเชอ ตำบลห้วยยาง อำเภอเมืองสกลนคร ห่างจากที่เกิดเหตุ 30 กิโลเมตร
ช่วงเช้าวันที่ 6 ส.ค. 2566 ตำรวจ สภ.สกลนครได้คุมตัวนายเอกลักษณ์ หรือ ยิ่ง ซึ่งเป็นมือยิงไปชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุ บริเวณหน้าบริษัทขนส่งเอกชนแห่งหนึ่ง ถ.เสรีไทย ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร
โดยนายเอกลักษณ์ชี้จุดขณะที่ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าสกูปปี้ไอมาจอด จากนั้นได้สอบถามนายธีรวัฒน์ที่ยืนบนรถส่งของว่าใช่ “แม็ก ธีรวัฒน์หรือไม่” ก่อนจะชักปืนดัดแปลงขนาด 9 มม. ยิงใส่ 1 นัด กระสุนเข้าที่ท้อง และพยายามจะยิงอีกนัด แต่กระสุนด้าน จากนั้นนายเอกลักษณ์เก็บปืนแล้วกลับไปขึ้นรถจักรยานยนต์ขี่หลบหนีไป
ซึ่งก่อนที่ตำรวจจะนำตัวขึ้นรถกลับไปโรงพัก นายเอกลักษณ์ ได้รับสารภาพกับทีมข่าวว่าเป็นคนที่ใช้ปืนก่อเหตุนายธีรวัฒน์จริง โดยสาเหตุที่ทำไปเพราะก่อนหน้านี้ตนเองถูกภรรยาทิ้ง แล้วคล้อยหลังไปได้เพียง 1 เดือน ก็มาเกิดเรื่องแบบเดียวกันกับพี่ชาย โดยภรรยาของพี่ชายก็ทิ้งพี่ชายไปคบหากับนายธีรวัฒน์ จึงได้มาระบายให้ตนเองฟัง แต่ไม่กล้าไปยิง ตนเองจึงเกิดความคับแค้นใจแทนเป็นสองเท่า จึงใช้ปืนยิงชายที่มาคบชู้กับพี่สะใภ้
โดยในวันดังกล่าว ตนเองให้นายพิทักษ์น้องชายเอาปืนจากที่บ้านมาให้ แล้วตนเองก็ขี่รถไปเอาจากนายพิทักษ์อีกทีในเขตอำเภอเมือง จากนั้นก็ไปก่อเหตุตามภาพในวงจรปิด ยืนยันนายพี่ชายคนโต ไม่รู้เห็นที่ตนเองไปก่อเหตุ ส่วนนายพิทักษ์ที่ขับรถผ่านไปผ่านมาในวงจรปิด เท่าที่รู้พี่ชายเป็นคนใช้ให้ขับรถตามมาในที่เกิดเหตุ ไม่ได้มาชี้เป้าให้ ซึ่งตนเองผ่านไปเจอนายธีรวัฒน์พอดี ก็เลยแวะถามให้แน่ใจว่าใช่ชู้ของพี่สะใภ้หรือไม่ ก่อนจะลงมือก่อเหตุ ส่วนปืนที่ซื้อมาก็เป็นปืนที่ซื้อมาไว้ยิงคนที่ชอบเล่นชู้กับเมียชาวบ้าน
หลังก่อเหตุตนเองก็รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป และอยากจะขอโทษผู้บาดเจ็บ ไม่ได้ตั้งใจ ที่ทำไปเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ซึ่งหากนายธีรวัฒน์ คนเจ็บฟังอยู่ ก็อยากจะฝากไปบอกว่า ที่เขาโดนยิงเป็นเพราะมาเล่นชู้กับพี่สะใภ้ เลิกนิสัยแบบนี้นะครับมันไม่ดี ตายไปตกนรกและต้องไปปีนต้นงิ้วนะครับ
ถามว่าหลังจากออกจากคุก จะย้อนกับไปสางแค้นเมียที่ทิ้งผมไปหรือไม่ ยังไม่ได้คิดเพราะยังไม่รู้จะได้ออกจากคุกหรือไม่
ส่วนผู้ต้องหาอีกคน คือนายพิทักษ์ หรือ ยันต์ อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นน้องชายคนเล็ก ตำรวจได้คุมตัวนายยันต์ไปชี้จุดที่รถส่งน้ำแข็ง ซึ่งเป็นรถคันที่นายยันต์ขับเข้าไปบริเวณจุดเกิดเหตุ ลักษณะมีการขับเข้าไปดูลาดเลาก่อนและหลังที่มีการก่อเหตุยิง
ซึ่งนายพิทักษ์ ให้การปฎิเสธ อ้างว่า ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ และไม่รู้มาก่อนว่านายเอกลักษณ์จะไปก่อเหตุดังกล่าว พร้อมกับยืนยันถึงความบริสุทธิ์ของตนเองแต่ขอให้การในชั้นศาล
ขณะเดียวกันบรรยากาศที่ สภ.เมืองสกลนคร นางอร อายุ 56 ปี แม่ของผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้พาญาติและลูกๆ ของผู้ต้องหามาเยี่ยม พร้อมกับนำข้าวของและอาหารมาให้ โดยนางอร กล่าวทั้งน้ำตาว่า นายสืบศักดิ์ หรือยอดซึ่งเป็นลูกชายคนโต แยกทางกับภรรยาแต่ยังไม่ได้หย่า และยังมีทะเบียนสมรสอยู่ ซึ่งภรรยาของนายยอดคบชู้ไปมีคนใหม่ และห่างกันไปได้สักพักหนึ่งแล้ว ทันทีที่รู้ข่าวว่าน้องชายไปก่อเหตุยิงนายธีรวัฒน์ซึ่งเป็นชายคนใหม่ของภรรยาตนเอง ตัวนายยอดเองก็ช็อก ไม่คิดว่าน้องชายจะไปก่อเหตุแบบนี้
ที่ผ่านมาแม่เองก็เคยสอบถามและตักเตือนห้ามปรามอยู่เหมือนกัน บอกว่า เมียทิ้งไปก็ไปหาเมียใหม่ อย่าไปทำอะไรเขา ซึ่งแม่ก็ได้ตักเตือนมาตลอดและไม่คิดว่าลูกชายจะไปก่อเหตุแบบนี้
สำหรับนายเอกลักษณ์ซึ่งเป็นลูกชายคนรอง เพิ่งจะเลิกรากับภรรยาเพราะตัวภรรยาก็ไปคบชู้อยู่กับผู้ชายอีกคนก่อนหน้านี้ไม่นาน โดยแม่บอกว่านายเอกลักษณ์เองเป็นคนที่น่าสงสาร เพราะว่าเคยโดนชายชู้ของภรรยาชักปืนมาจ่อหัว และตอนที่ไปตามเมียกลับบ้านก็โดนฝ่ายของชายชู้รุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ เมียก็ยังทิ้งลูกและหนี้สินนับ 100,000 บาทไว้ให้ ทำให้เขาเก็บกดและเครียด เคยคิดสั้นกินยาฆ่าตัวตายมาแล้ว
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม่ก็อยากจะขอโทษทางครอบครัวของผู้บาดเจ็บกับสิ่งที่ลูกชายได้ทำลงไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ขณะเดียวกันเหตุการณ์นี้ลูกชายของแม่ก็โดนจับดำเนินคดีทั้ง 3 คน ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะขอให้ตำรวจให้ความเป็นธรรมกับลูกชายของแม่ด้วย