"ชูวิทย์" บอกขนลุก ถูก "เศรษฐา" ส่งทนายฟ้องเรียกค่าเสียหาย 500 ล้าน ยันไม่ใช่การวางแผนภาษี มีหลักฐานชัด เตรียมเปิดบ่ายนี้
วันที่ 7 ส.ค. 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ พร้อมด้วย อนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เดินทางมายังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พูดถึงกรณีที่ นาย เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่จะฟ้องนายชูวิทย์ ที่ไปแฉกรณีการหลบเลี่ยงจ่ายภาษีที่ดิน มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท เมื่อครั้งเป็นผู้บริหารบริษัท แสนสิริ จำกัด มหาชน
โดย นายชูวิทย์ พูดคำแรกกับสื่อมวลชน ว่า “ขนลุก” ผมยืนข้างกับทนายความกระดูกเหล็ก แล้วตอนนี้ผมมีคดีความอยู่ 21 คดีแล้ว จะมีอีกคดีมันก็ทำเพื่อชาติบ้านเมือง และบอกว่า นายเศรษฐา เป็นบุคคลสาธารณะ เสนอตัวเองขึ้นมาเป็น นายกรัฐมนตรีของคนไทย ดังนั้นการวิจารณ์เป็นการวิจารณ์ด้วยความเป็นธรรม และยังมองอีกว่า นายเศรษฐา เป็นนายทุน ที่ขึ้นรถไฟความเร็วสูง สายยิ่งลักษณ์ โดดเข้ามายังพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ไต่เต้า แต่ไต่อะไรเข้ามาไม่รู้ และเมื่อสิ่งที่นายเศรษฐาจะเข้ามานั้น คุณสมบัติจะต้องก็เป็นสิทธิที่ประชาชนอย่างผมจะวิพากษ์วิจารณ์ เพราะตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 คนที่เป็นนายกจะต้องมีความซื่อสัตย์เป็นประจักษ์ ซึ่งจะต้องไปดูความตามกฎหมายเป็นคุณสมบัติในอดีต หรือ เป็นปัจจุบัน ฉะนั้น ก่อนที่นายเศรษฐาจะเข้ามาเป็นนายกก็ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ แต่เมื่อมีพฤติกรรมซ่อนเร้น น่าสงสัย จากการวางแผนหลบเลี่ยงภาษี ไม่ใช่จู่ๆ ตนเองจะไปพูดซึ่งประเด็นดังกล่าว นายเศรษฐาจะมาฟ้องตนเองนั้น ตนเองก็ยังพูดกับทนายความเลยว่า จะฟ้องกลับ เพราะดูเหมือนเป็นการกลั่นแกล้ง ปิดปาก และที่ผ่านมานายเศรษฐา กลับเงียบ ไม่ออกมาชี้แจงแต่กลับจะฟ้องตนเอง
นายชูวิทย์ ยังเปิดเผยอีกว่า ในสัปดาห์นี้ตนเองจะเดินหน้าแฉเรื่องอีกหลายอย่าง และ บ่ายนี้ตนเองจะเดินทางไปยัง ปปช.เพื่อแสดงหลักฐานบางอย่างอีกด้วย และยังบอกอีกว่าตนเองมีความรู้ด้านบัญชี การตรวจสอบบัญชี และภาษีอีกด้วย
นายชูวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีทนายบางคนออกมาตอบโต้ตน ถือว่าไม่เป็นไรเพราะเราอย่าลืมคำว่าจริยธรรม คนที่เป็นนายกจะต้องดี 100% ไม่ใช่ดีเพียง 50% เพราะคำว่าจริยธรรมเป็นเพียงเส้นบางๆระหว่าง เล่ห์เหลี่ยมของนายทุน กับความซื่อสัตย์ของนายกรัฐมนตรี สิ่งที่ทำนี้ ถ้าคิดว่าถูกกฎหมาย ก็ต้องไปประกาศ ว่าสิ่งที่ทำเป็นกฎของเศรษฐา การแบ่งแยกโอน 12 คน 12 วัน เปรียบเหมือน ศรีธนญชัยมันเป็นสิ่งชัดเจนอยู่แล้วว่าคุณวางแผน ตกลงกัน ว่าจะมีการตอบแทนอะไรต่อกัน ยิ่งตัวเองเป็นบริษัทใหญ่ มหาชน มีการโฆษณารักเด็ก รักษ์โลก แต่กลับไม่มีธรรมาภิบาล
พร้อมยืนยัน นี่ไม่ใช่การวางแผนภาษี เป็นคนละเรื่องกัน ส่วนที่ไปยื่นเรื่องที่สรรพากรที่ผ่านมานั้นตนเป็นคนชอบขุด ชอบทำหลุมพรางไว้ก่อน แล้วล่อให้ตกหลุมลงมา จากนั้นก็จะเอาหลักฐานมารัดคอ ว่าสิ่งที่ผู้รู้กฎหมายออกมาพูดนั้นมันจริงหรือไม่ และยังบอกอีกว่าพฤติกรรมการหลบเลี่ยงภาษีในลักษณะนี้ เคยมีการดำเนินคดีมาแล้ว มีการตัดสินคดีมาแล้ว มีบทเรียนมาแล้ว มีโทษตามกรรม เมื่อผู้ซื้อและผู้ขายร่วมทำนิติกรรมอำพรางด้วยกันก็จะต้องรับโทษตามกฎหมาย และยังพูดอีกว่า "คนใส่สูทเวลาจะปล้นไม่ได้ใช้ปืนแต่ใช้กฎหมายเว้นวรรค"
ด้านนายอนันต์ไชย กล่าวว่า หลักมีอยู่ว่าการกระทำความผิดในคดีอาญาต้องมีเจตนาเล็งเห็นผลได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กรณีที่เกิดขึ้นกับนักการเมืองและมีการตรวจสอบโดยประชาชน ถือว่าประชาชนมีสิทธิ์ตรวจสอบ ถ้ามีผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินหลายคนก็จะต้องคุยให้จบทุกคน จากนั้นเป็นขั้นตอนสู่การโอน ซึ่งการ ลดภาษีก็มีช่องทางวิธีการทำอยู่ ทั้งนี้กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา