“ชูวิทย์ งัดหลักฐานโต้เพื่อไทย ยัน เศรษฐายังไงก็หลีกเลี่ยงภาษี”
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง นำเอกสารหลักฐานมายื่นต่อสำนักงาน ป.ป.ช.เพื่อขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าพนักงานที่ดินเขตพระนคร กรณีการปล่อยปละละเลยให้มีการหลีกเลี่ยงภาษีโอนซื้อขายที่ดิน พร้อมกับได้อธิบายถึงกรณีที่มีการพาดพิงถึงตนเองว่ามีข้อขัดแย้งกับนายเศรษฐาว่า การที่ตนออกมาแฉมาจากการที่ซื้อขายที่ดินที่ไม่ลงตัว ซึ่งนายชูวิทย์ก็ยืนยันว่า ยังไม่มีการทำสัญญาตกลงซื้อขายที่ดินแต่อย่างใด เนื่องจากยังติดสัญญาการซื้อขายกับบริษัท ไร มอน แลนด์ ซึ่งตกลงซื้อขายกันในราคา 1,600 ล้านบาท โดย ไร มอน แลนด์ ได้มีการมีการจ่ายมัดจำมาแล้ว 400 ล้านบาท ยังคงเหลือค้างชำระอีก 1,200 ล้านบาท ซึ่งต้องชำระภายในเดือนธันวาคมนี้ ทำให้ตนเองทำธุรกรรมหรือซื้อขายที่ดินดังกล่าวไม่ได้โดยเด็ดขาด เนื่องจากติดสัญญาดังกล่าว
ส่วนกรณีที่นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายของนายเศรษฐาได้ไปยื่นฟ้องนายชูวิทย์ ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาจากการที่ตนแฉว่านายเศรษฐา เลี่ยงภาษีซื้อขายที่ดินผืนดังกล่าวนั้น มองว่า เป็นการจงใจขุดหลุมพรางของตนเอง ตั้งแต่การแถลงข่าวแฉครั้งที่แล้ว เนื่องจากตนยังมีหลักฐานเด็ด ที่ระบุว่าการซื้อขายที่ดินดังกล่าว ไม่ได้เป็นการวางแผนภาษีแต่เป็นการจงใจหลีกเลี่ยงการเสียภาษี ทำให้รัฐต้องเสียประโยชน์กว่า 521 ล้านบาท ซึ่งตนมีหลักฐานเป็นหนังสือที่ลงนามโดยอดีตอธิบดีกรมที่ดิน 2 คนในปี 2552 และ 2556 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ที่ระบุว่าการซื้อขายที่ดินในลักษณะโฉนดแปลงเดียวไม่สามารถทำสัญญาซื้อขายกันคนละฉบับ หรือเป็นการกระทำที่กระจายภาษี ซึ่งไม่สามารถทำได้ ซึ่งการซื้อขายที่ดินครั้งนี้ ผู้ซื้อคือ บมจ.แสนสิริ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบในการเสียภาษีโอนที่ดิน จึงตกลงกับผู้ขายในการแบ่งโอนเป็นรายย่อย 12 ราย เพื่อเลี่ยงการโอนในรูปแบบของคณะบุคคล ซึ่งจะมีการเสียภาษีที่สูงกว่า ดังนั้นจึงเห็นว่านายเศรษฐาไม่มีคุณสมบัติเหมาะที่จะเป็นนายกฯ
เรืองไกร" ยื่น "กมธ.สว." สอบคุณสมบัติ "เศรษฐา" หลัง"ชูวิทย์" แฉเลี่ยงภาษีที่ดิน ก่อน"เพื่อไทย" ชงชื่อโหวตนายกฯ อีก 10 วัน
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นหนังสือถึงนายนายดิเรกฤกษ์ เจนครองธรรม รองกรรมาธิการพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย อาจมีลักษณะไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 160 (4) หลังนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมือง ได้ออกมาแฉข้อมูลการซื้อที่ดินแปลงหนึ่งของบริษัท แสงสิริ มีข้อสงสัยว่าเลี่ยงภาษีหรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวว่า ต้องการให้วุฒิสภาตรวจสอบรอบด้าน ทั้งผู้ร้อง ผู้กล่าวอ้าง คนแก้ต่าง บริษัทแสนสิริ หรือฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย เพราะทั้งหมดยังไม่มีข้อยุติ จึงต้องมาให้กรรมาธิการสอบหาข้อเท็จจริงจากหน่วยงานหลัก โดยการขอเอกสารจากนายชูวิทย์ ขอเอกสารจากบริษัทแสนสิริ เกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินทั้งหมด ตั้งแต่สัญญาจะซื้อจะขาย รูปเล่มการลงบัญชี การจ่ายแคชเชียร์เช็ค การจ่ายค่ามัดจำสัญญา ค่าธรรมเนียม รวมไปถึงเชิญเจ้าหน้าที่กรมที่ดินที่รับจดนิติกรรมต่างๆ เจ้าหน้าที่สรรพากร เพื่อให้ข้อมูลว่าเป็นการวางแผนภาษี หรือหลบเลี่ยงภาษี หรือหนีภาษีหรือไม่ ส่วนที่นายเศรษฐา ชี้แจงว่าซื้อถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาล ก็ต้องฟังความทั้งหมด จึงคิดว่า 10 วันจากนี้ก่อนโหวตนายกรอบใหม่ ยังมีเวลาให้กรรมาธิการได้ดำเนินการ
นายเรืองไกร ยังตั้งข้อสังเกตกรณีสัญญาซื้อขายที่ดิน 12 ฉบับ ว่า เป็นเรื่องที่แปลกมาก เนื่องจากผู้ขายทั้ง 12 คน ลงเหมือนกันว่าทั้งสองฝ่ายไม่ทราบขอบเขตที่ดินและเนื้อที่มีเพียงใด ซึ่งเอกชนทั้ง 12 ราย ที่รับที่ดินมาปี 2561 แล้วขายในปี 2562 โดยการได้มาไม่เกิน 5 ปีจะต้องมีการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ เสียภาษีเงินได้เป็นรายบุคคล เมื่อเสียภาษีเงินได้ ค่าธรรมเนียยมร้อยละ 2 และภาษีธุรกิจเฉพาะแล้ว จะไม่เสียอากรแสตมป์ ดังนั้น มองว่าสิ่งที่กรรมาธิการควรจะได้รับจากบริษัทแสนสิริ คือรายงานการประชุมของบริษัทที่จัดทำโดยคณะกรรมการตรวจสอบประจำปี 62 ที่ระบุชัดเจน ถึงการดำเนินงานของบริษัท และโดยเฉพาะข้อ 6 การกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งบริษัทเข้าเป็นแนวร่วมการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น และในปี 2562 นายเศรษฐา อาจไม่ได้รับรู้เรื่องการทำธุรกรรม แต่เมื่อดูจากงบการเงินปี 62 ระบุไว้อย่างชัดเจน นายเศรษฐา ถือหุ้นร้อยละ 4.66 ซึ่งสอดรับกับรายงานการประชุมที่บอกว่าทำไมต้องมอบและแบ่งเป็น 12 ครั้ง ซึ่งจะต้องมีการชี้แจง
นอกจากนี้ ยังเห็นว่าที่ดินแปลงดังกล่าว เป็นที่ดินรอการพัฒนา มูลค่าที่ดิน 1,600 ล้านบาท เป็นที่ดินที่เพิ่มขึ้นจากปี 2561 อย่างมีนัยยะสำคัญ เพราะในหมายเหตุของงบการเงิน ที่ดินรอการพัฒนาน่าจะอยู่ในรายการนี้ปี 2561 มี 13,000 กว่าล้านบาท ส่วนปี 62 มี 18,000 ล้านบาท เพิ่มมา 5,000 ล้านบาท จึงเป็นเหตุผลที่ตนต้องให้กรรมาธิการเรียกเอกสารทางบัญชี ซึ่งจะได้รับคำตอบว่า ผู้รับเงินทั้ง 12 ราย รับเงินไปแล้วเป็นแคชเชียร์เช็คส่วนหนึ่ง หรือรับเงินสุทธิหรือไม่ รวมถึงภาษีค่าธรรมเนียบร้อยละ 3 ซึ่งต้องดูว่ามีการจ่ายภาษีอีกทอดหนึ่งหรือไม่ รวมถึงมูลค่าที่ดินรอการพัฒนา ทางบริษัท แสนสิริ บันทึกราคาที่ดินบวกค่าธรรมเนียมภาษีหรือไม่ ถ้าค่าธรรมเนียมรวมลงได้ แต่ถ้าภาษีเงินได้ธุรกิจเฉพาะออกให้ ต้องถือเป็นเงินได้พึงประเมินหรือไม่ สรรพากรต้องตอบ
ลีน่าจัง ขอร้องอย่าว่าคนป่วย
ลีน่าจัง ออกมาโพสต์คลิปขอทุกคนอย่าไปว่าหรือโจมตี ชูวิทย์ เพราะกำลังป่วยเป็นมะเร็ง อยากให้คนใจกว้างหน่อย และเศรษฐาไม่ควรไปฟ้องชูวิทย์ ปล่อยเขาตรวจสอบเรื่องที่ดิน ถ้าคุณพร้อมเป็นนายกฯต้องพร้อมให้ประชาชนตรวจสอบ
วาสนา เผย ท่านอ้น กลับไทยแล้ว
วาสนา นาน่วม เผย ท่านอ้น กลับประเทศไทยเป็นครั้งแรก พร้อมกับมีภาพของท่านที่สนามบินสุวรรณภูมิ
ทั้งนี้ วาสนา นาน่วม เผยว่า การเสด็จกลับประเทศไทยของท่านอ้นนั้น เป็นข่าวมาระยะหนึ่งแล้วสำหรับคนไทยในหมู่คนไทยในสหรัฐอเมริกา และหลังจากนี้น่าจะมีเรื่องดีๆ ตามมา