วิโรจน์ โพสต์ เดินกลับแค่เสียหน้า แต่เดินหน้าเสียทุกสิ่ง ศิธา ย้ำ เพื่อนฝูงพร้อมให้อภัย
หลังจากที่พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค และ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ร่วมแถลงข่าวยืนยันว่า จะฉีกเอ็มโอยูถอนตัว 8 พรรคร่วม พร้อมเดินหน้าตั้งรัฐบาลพรรคร่วมใหม่ โดยที่ไม่มี พรรคก้าวไกล เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ
ต่อมาได้มีทั้งนักวิชาการ และ อดีตแกนนำ นปช. ที่ออกมาระบุว่าอยากให้ พรรคเพื่อไทย กลับมาปรองดองกับ 8 พรรคเดิม ร่วมสู้และจักตั้งรัฐบาลกันอีกครั้ง ดีกว่าไปร่วมกัยขั้วตรงข้าม
ความคืบหน้าล่าสุด นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก และ ทวิตเตอร์ส่วนตัว ระบุข้อความว่า “เดินกลับแค่เสียหน้า แต่ถ้าเดินหน้าจะเสียทุกสิ่ง”
ซึ่งในโพสต์ดังกล่าว ได้มี น.ต.ศิธา ทิวารี แกนนำพรรคไทยสร้างไทย เข้ามาตอบคอมเมนต์ว่า “เดินกลับ ประชาธิปไตยจะเดินหน้า แต่ถ้าไปดีลลับอย่างที่ว่า ชาวประชาจะหมดใจ เพื่อนฝูงพร้อมให้อภัย แค่อยากให้พี่ใหญ่ ..กลับมา”
‘ศิธา’ ย้ำหนักแน่น! ‘ไทยสร้างไทย’ สลับขั้วเมื่อไหร่ ไม่ไปด้วย
เมื่อวันที่ 7 ส.ค. น.ต.ศิธา ทิวารี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า
“เมื่อพรรคประกาศรอสัญญาณ พร้อมสลับขั้ว-ย้ายฝั่ง ผมก็พร้อมมากเช่นกัน แค่เสียดายเลขสมาชิกพรรคลำดับที่ 099 กับสงสารความรู้สึกของน้องๆ คนรุ่นใหม่ที่ได้ทำงาน ร่วมก่อร่างสร้างพรรคด้วยกันมา
ผมได้พูดกับคุณหญิงหน่อย ตั้งแต่ให้มาช่วยทำพรรควันแรกแล้ว ขอทำพรรคการเมืองให้เป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชน และยึดหลักการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมากับพี่น้องประชาชน
เพื่อให้การเสียมารยาทเสนอ #AdvanceMOU ของผม ไม่เป็นการกลืนน้ำลายตัวเอง ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นวิธีเดียว ที่จะขุดรากถอนโคน #เผด็จการ ให้เลิกยุ่งเหยิงกับ #ประชาธิปไตย ผมขอยืนยันในหลักการเดิม ถ้า #ไทยสร้างไทยไป #ศิธา ไม่ไปครับ”
ชัยธวัช ไม่ปิดประตูถ้า “เพื่อไทย” จะกลับบ้านหลังเดิม
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ก.ก. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสต้องการให้พรรคเพื่อไทย (พท.) กลับมาจับมือกับพรรค ก.ก. เพื่อมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มองว่ามีโอกาสมากน้อยเพียงใด ว่า อยู่ที่การตัดสินใจของพรรค พท. แต่พรรค ก.ก. ยังไม่ได้มีการพูดคุยในเรื่องนี้ ตอนนี้เราก็เตรียมพร้อมทำงานไม่ว่าจะในบทบาทใด
เมื่อถามว่า เป็นการผลักให้พรรค ก.ก. มาเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า มันผ่านไปแล้ว ตอนนี้เป็นห่วงว่าสถานการณ์ในการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ได้ราบรื่น เสียงสนับสนุนจากส.ว.ที่เคยคิดว่าอาจจะได้ก็อาจจะมีปัญหาเท่าที่ที่ติดตามในกระแสข่าว ส่วนความกังวลในการจัดตั้งรัฐบาลอาจจะพลิกขั้วแม้ว่าพรรค ก.ก. จะไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้วนั้น ตนคิดว่าไม่ใช่เฉพาะพรรค ก.ก. ที่กังวล แต่ประชาชนก็ไม่อยากเห็นการพลิกขั้วรัฐบาลที่นายกฯ มาจากขั้วอำนาจเก่า
เมื่อถามว่า หลังจากที่มีการพูดคุยกับพรรค พท. ครั้งล่าสุดคือช่วงพรรค พท. แถลงขอถอนตัวออกจาก 8 พรรคร่วมฯ จนถึงขณะนี้ยังมีการติดต่อกันอยู่หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยกัน
เมื่อถามว่า พรรค ก.ก. จะดำเนินการอย่างไรต่อในการโหวตนายกฯ ครั้งถัดไป นายชัยธวัชกล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันในพรรค เพราะยังพอมีเวลาตัดสินใจ เราไม่รู้ว่าสถานการณ์จะพลิกผันไปถึงจุดไหน เมื่อใกล้ช่วงวันโหวตนายกฯ คงจะมีการพูดคุยกันอีกครั้ง ระหว่างนี้ก็ต้องมีการจัดเตรียมเพื่อเลือกตั้งซ่อมที่จ.ระยองเร็วๆ นี้ ซึ่งจะส่งหรือไม่นั้นระหว่างอยู่ในกระบวนการ ความจริงแล้วพรรคจะตรวจเช็กประวัติอาชญากรรมของผู้สมัครทุกคน แต่ไม่มีในระบบ เจ้าตัวและทีมงานในจังหวัดก็เข้าใจผิดเรื่องข้อหาว่า เข้าข่ายคุณสมบัติต้องห้ามหรือไม่ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเป็นข้อผิดพลาด
เมื่อถามว่า หากมีโอกาสที่จะกลับไปจับมือกับพรรค พท. จริงๆ หลักการในการที่จะกลับไปจับมืออีกครั้งมีเงื่อนไขอย่างไร นายชัยธวัชกล่าวว่า ต้องคุยกับกรรมการบริหารพรรคและส.ส. ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องนี้ คงบอกเรื่องหน้าไม่ได้ ส่วนของท่าทีส.ส. ของพรรค ก.ก. เช่น นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร บอกว่า มีโอกาสก็จะถอยหลังกลับมาจับมือกับพรรค ก.ก.นั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล และตอนนี้ยังไม่มีการประสานงานกับพรรค พท. เพื่อพูดคุยเรื่องนี้ ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปได้
วิโรจน์” บอก “โอกาสมีเสมออย่าไปทิ้งโอกาส” หลังแสดงความรู้สึกให้ “เพื่อไทย” กลับมาจับมือกับ “ก้าวไกล” อีกครั้ง
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นที่โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า “เดินกลับแค่เสียหน้า ถ้าเดินหน้าจะเสียทุกอย่าง” โดยบอกว่า เป็นความรู้สึกที่สะท้อนออกมาจากประชาชนจึงได้สะท้อนออกไป ส่วนต้องการจะให้พรรคเพื่อไทยกลับมาจับมือกับพรรคก้าวไกลหรือไม่นั้น มองว่า ไม่ได้เป็นการกลับมาจับมือกับพรรคก้าวไกล แต่กลับมาอยู่กับฝ่ายประชาชนมากกว่า เพราะฝ่ายที่จะต้องอยู่คือฝ่ายเดียวกันกับประชาชน ซึ่งมองว่าจะเป็นทางออกที่จะปกป้องเสียงของประชาชนได้ และเป็นโอกาสเดียวที่จะฟื้นฟูอุดมการณ์ของประชาธิปไตย เพราะอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน
“อย่าคิดว่าใครมาจับมือกับใคร แต่ผมคิดว่า ถึงเวลาที่เราจะต้องเคารพเสียงของประชาชน และปกป้องเสียงของประชาชนที่เขาอุตส่าห์ไปเลือกตั้งมา บางคนเสียสละเวลาในการทำภารกิจ ลางานเพื่อไปเลือกตั้ง”
ทั้งนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันในพรรคก้าวไกล เพราะเป็นความเห็นส่วนบุคคล และจากการติดตามประวัติศาสตร์ทางการเมืองกันมา ฝ่ายอนุรักษ์นิยม หรือฝ่ายอำนาจนิยม เขาก็เจ้าเล่ห์เพทุบาย และโหดเหี้ยมมากอยู่แล้ว แต่จุดแข็งของฝ่ายอำนาจเก่า คือการรวมตัวกันอย่างเหนียวแน่น และใช้ยุทธวิธีเดิมๆคือการแบ่งแยกและปกครอง
ตนจึงคิดว่า ฝ่ายประชาธิปไตยควรจะต้องลืมความรู้สึกแบบปัจเจก เรื่องคิดเล็กคิดน้อยกันบ้าง แต่ในเรื่องขององค์กรทางรัฐธรรมนูญ ถ้ามีความเห็นที่ไม่ตรงกันบ้าง แต่หากมีอุดมการณ์ที่ใกล้เคียงกันก็จะต้องทำใจให้กว้าง ไม่คิดเล็กคิดน้อยและมองผลประโยชน์ประชาชนเป็นสำคัญ
“เมื่อไรแตกปุ๊ป จบเลย เพราะฝ่ายโน้นเขาอยากให้แตกกันอยู่แล้ว แล้วถ้าเราเอาเรื่องมาฟื้นฝอยหาตะเข็มมันก็ไม่จบ”
ทั้งนี้เพื่อไทยก็มีสิทธิที่จะเดินหน้าหรือถอยหลัง แต่หากเรามองจากภายนอกตามประวัติศาสตร์ทางการเมือง ก็ต้องยอมรับว่า ฝ่ายประชาธิปไตยก็ถูกกระทำ และถูกหลอกจากฝ่ายอำนาจเก่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า และฝ่ายอำนาจเก่สเขาไม่เคยแตกแถวกัน ทำเหมือนแตก แต่จริงๆเป็นการแยกกันตีแล้วกลับมารวมกันเดิน