ช่อ พรรณิการ์ เตือน “เพื่อไทย” จับมือ “ภูมิใจไทย” ระวังเสียหายมหาศาล
ล่าสุดวันนี้ทีมข่าวเดินทางไปพูดคุยกับ คุณช่อ พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ได้ออกมาให้ความเห็นหลังพรรคเพื่อไทยวันนี้ได้แถลงจับมือกับพรรคภูมิใจไทยวันนี้ โดยเจ้าตัวมองว่า วันนี้ที่พรรคเพื่อไทยออกมาแถลงจับมือกับพรรคภูมิใจไทยตนเองค่อนข้างสับสนและไม่เข้าใจว่า ทำไมทั้งสองพรรคต้องเร่งออกมาแถลงข่าวจับมือกันสองพรรค มันเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ง่ายมากที่สุดแล้วในสถานการณ์ตอนนี้ แต่สิ่งที่ประชาชนอยากรู้คือ สิ่งที่ทั้งสองพรรคยังไม่มีการแถลงใน MOU ฉบับนี้ นั่น คือ จะมีพรรคไหนมาร่วมจับมือกับพรรคเพื่อไทยอีกบ้าง เพราะเท่าที่บวกเลขตอนนี้ 2 พรรค จะเท่ากับ 212 เสียง ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเลยด้วยซ้ำ แต่ในแถลงการณ์วันนี้กลับระบุว่า ได้รวบรวมเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว คือ 250 และไม่ได้พูดถึง เสียงของ สว. ด้วย ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่า คืออะไร พรรคเพื่อไทย อาจจะหมายถึง รอเอาเสียงจากพรรคอื่น เอามารวมทีหลัง แต่แถลงไปก่อน หรือ พรรคอื่นๆ โหวตให้แต่ไม่ขอเข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งยังมีความกำกวมอยู่
ซึ่งในแถลงการณ์ อีกประมาณ 30 เสียงที่ว่าเกินกึ่งหนึ่งแล้ว มาจากเสียงพรรคการเมืองใด
และตนเองมองว่า หากพรรคเพื่อไทย ยอมตัด พรรคก้าวไกลออกจากสมการจัดตั้งรัฐบาล และ ไปจับมือกับพรรคการเมืองขั้วตรงข้าม ถึงจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่เสียงก็ยังปริ่มน้ำ เพราะหากเพื่อไทยเลือกว่า ไม่มีก้าวไกล และไม่มีพรรค 2 ลุง เพราะจะได้แค่ 262 เสียง ซึ่งหากจัดตั้งรัฐบาลได้ก็จะเป็นรัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพ และยิ่งไม่มีทางที่จะนำไปสู่การโหวตนายกรัฐมนตรีได้สำเร็จ เพราะ สว. ก็ยังไม่มีท่าทีอะไร
สุดท้ายก็จะนำไปสู่การที่พรรคเพื่อไทย ยอม ให้ พรรค 2 ลุง เข้ามาร่วมในรัฐบาล ถึงจะได้เสียง สว. มาสนับสนุน เพราะ พรรค 2 ลุง กับ สว. คือ คนคนเดียวกัน นั่นหมายความว่าการกลับมา ของระบบ 3 ป. ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม สุดท้าย ก็จะวนกลับไปเป็นแบบเดิมซ้ำอีก ซึ่งตนเองเรียกมันว่า “สภาพความจำเป็นปลอม”
ซึ่งหากพรรคเพื่อไทย ฟังเสียงของประชาชน และยังจับมือกับพรรคก้าวไกล และ พรรคร่วม 312 เสียง และรอให้ สว. พ้นสภาพ ในอีก 10 เดือน จะดีกว่าหรือไม่ และตนเองเชื่อว่า ความกดดันจะไปอยู่ที่ สว. และอาจจะรอไม่ถึง 10 เดือนด้วยซ้ำ
และตนเองขอฝากไปถึงพรรคเพื่อไทยด้วยความเป็นห่วงที่วันนี้ได้มีการจับมือกับพรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทยคิดว่าตัวเองอาจจะได้นายก แต่จริงๆแล้วเพื่อไทยอาจจะไม่ได้อะไรเลย ยกเว้นได้ร่วมรัฐบาล เพราะจะมีการต่อรองเก้าอี้กระทรวงนั้นกระทรวงนี้และผลประโยชน์เยอะแยะมากมาย ถึงวันนั้นพรรคเพื่อไทยจะเสียหายมหาศาล และแทบจะไม่ได้อะไรเลย เพราะอาจจะได้เข้าร่วมรัฐบาลแต่กระทรวงใหญ่ๆ กระทรวงดีๆ ถูกเขาเอาไปหมด และที่เสียหายที่สุดคือ ความไว้วางใจของประชาชนที่มีต่อพรรคเพื่อไทย
อมรัตน์ โพสต์เนื้อเพลงดังถึงเพื่อไทย ภูมิใจไทย
นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล แกนนำพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กหลังมีข่าวพรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทยจับมือกันตั้งรัฐบาล เป็นเนื้อเพลงดัง ‘นอนฟังเครื่องไฟ’ ของพุ่มพวง ดวงจันทร์ โดยมีข้อความว่า
“เค้าจูบกันแน่แล้ว เค้าหอมกันแน่แล้วววววว นอนฟังเครื่องไฟ เวอร์ชั่นพุ่มพวง ดวงจันทร์”
"กิตติศักดิ์" ฟันธง! "นายกฯ" ไม่ได้มาจากพรรค"เพื่อไทย" ส้มหล่มถึง "อนุทิน-บิ๊กป้อม" - ยอมรับหนักใจแทน "เศรษฐา" เจอมรสุมข้อร้องเรียน
นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา หรือ สว.ชี้แจงถึงกระแสข่าวที่สมาชิกวุฒิสภา อาจไม่ให้ความเห็นชอบนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี โดยยอมรับว่า รู้สึกหนักใจ และเอาใจช่วยนายเศรษฐา เพราะหลังทั้งนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมาเปิดเผย และร้องเรียนนายเศรษฐาหลายกรณี ดังนั้น สว.จึงจะต้องมีการพิจารณาถึงคุณสมบัติผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างรอบคอบ แม้จะดีที่สุดไม่ครบ 100% แต่ก็จะต้องให้ความสำคัญกับจริยธรรมของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่ง
นายกิตติศักดิ์ ยังคาดการณ์แนวทางการในลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 3 ว่า ในการลงมติครั้งนี้ น่าจะมีผู้ที่ลงมติเห็นชอบ และไม่เห็นชอบเท่านั้น สว.ที่จะลงมติงดออกเสียงน่าจะน้อย แต่ก็ทำนายว่า นายกรัฐมนตรีคนต่อไป ไม่น่าจะมาจากพรรคเพื่อไทย และไม่ถึงขั้นที่จะต้องใช้นายกรัฐมนตรีคนนอก และเมื่อพรรคเพื่อไทย ไม่สามารถนำจัดตั้งรัฐบาลได้ก็จะเป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองลำดับที่ 3 และลำดับที่ 4 ซึ่งก็จะเป็นหน้าที่ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะหัวหน้าพรรคฯ พร้อมยืนยันว่า ไม่ว่าพรรคการเมืองใดจะเสนอชื่อบุคคลใดมาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็จะต้องผ่านการตรวจสอบจาก สว.ในมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด
ส่วนแนวทางในการจัดตั้งรัฐบาลสมานฉันท์โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยยังคงไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลนั้น นายกิตติศักดิ์ มองว่า ขึ้นอยู่กับพรรคการเมืองจะไปหารือกัน แต่เชื่อว่า การปฏิบัติหน้าที่ไม่น่าจะถึงครบ 4 ปี และมีหน้าที่หลักในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่ สว.ก็ไม่ขอเข้าไปก้าวก่าย และยินดีที่จะให้มีนายกรัฐมนตรีโดยเร็ว
นายกิตติศักดิ์ ยังชี้แจงที่ก่อนหน้าที่เคยออกมาระบุ สว.พร้อมสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย โดยที่ไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล แต่ปัจจุบัน สว.เริ่มเปลี่ยนท่าทีแล้วว่า เนื่องจาก มีข้อมูลที่นายชูวิทย์ และนายเรืองไกร นำเสนอต่อสังคม แต่ก็จะต้องพิจารณาถึงคุณสมบัติของนายเศรษฐา ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วย ซึ่งหากนายเศรษฐา สามารถชี้ข้อเคลือแคลงสงสัยได้ชัดเจน ก็เชื่อว่า สว.จะไม่มีปัญหา แต่หากนายเศรษฐา ชี้แจงตอบคำถามไม่ชัดเจน สว.ก็จะไม่เลือก
นายกิตติศักดิ์ ยังระบุด้วยว่า หากการคาดการณ์ในครั้งนี้ของตนหน้าแตก อย่าลืม พาตนเองไปหาหมอด้วย ส่วนหากจะเดิมพันสูงด้วยตำแหน่ง สว. หรือไม่นั้น นายกิตติศักดิ์ บอกว่า ไม่ต้องไล่ เพราะอีก 10 เดือนก็จะต้องไปแล้ว