"ไล่หนูตีงูเห่า" แค่อธิบายนโยบายหาเสียง "หมอชลน่าน" พ้อตีความหมายผิดเจตนาที่แท้จริง ย้ำชัดดัน "เศรษฐา"นั่งนายกฯ
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เดินทางมาที่ตึก RS ช่อง8 เพื่อมาแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสวันเกิดช่อง8 ครบรอบ11 ปี
โดยนายแพทย์ชลน่าน เปิดเผยกับทีมข่าวช่อง8ว่า จากกรณีที่เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อยู่กรณีที่ตนเองตอบคำถามประโยค "ไล่หนูตีงูเห่า"ว่าเป็นเพียงการรณรงค์เพื่อให้ได้มาเพื่อคะแนนเสียงของการเลือกตั้ง จนถูกพูดถึงอย่างมาก เรื่องนี้นายแพทย์ชลน่าน ยืนยันว่าเป็นเรื่องนโยบายในการหาเสียงจริง ซึ่งก็จะมีวิธีการ ในการรณรงค์หาเสียงเพื่อให้พี่น้องประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้รับรู้รับทราบแนวทางไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของนโยบายซึ่งส่วนใหญ่ก็จะใช้นโยบายเป็นหลักบางพรรคการเมือง อาจจะเติมเต็มในเรื่องของความสามารถศักยภาพวิธีการอื่นๆ ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในตอนนั้น เพื่อเป็นการตัดสินใจของพี่น้องประชาชนในการเลือกตั้ง
ซึ่งบางนโยบายในการหาเสียงนั้นก็เป็นสัญญาประชาคม เช่น การจะทำซึ่งบางนโยบายหากว่ามีโอกาสในการเป็นรัฐบาล แล้วไม่ทำถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิ์ของพี่น้องประชาชน อย่างเช่นการพูดว่า “มีลุงไม่มีเรา” ถ้าหากว่าพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาลจนสำเร็จ และไม่รับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเองก็ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิ์ของพี่น้องประชาชนอีกเช่นเดียวกัน
ในขณะเดียวกัน ก็มีบางคำพูดของพรรคเพื่อไทยที่เกิดขึ้นเพราะสัญญาประชาคมและสัญญาเฉพาะกิจ ซึ่งพรรคเพื่อไทยเคยพูดไว้ในตอนหาเสียงว่าเราต้องการคะแนนเสียงแบบแลนด์สไลด์ เพื่อไปแก้วิกฤตรัฐธรรมนูญต่างๆ แต่เมื่อหลังหาเสียงกลับไม่ได้คะแนนอย่างที่ต้องการไว้ ทำให้เงื่อนไขที่เคยพูดว่าจะปิดสวิตช์สว. ปิดสวิตช์3 ป. อาจมีเงื่อนไขอื่นเข้ามาเพิ่มเติม เพราะไม่ได้คะแนนเสียงอย่างที่เคยพูดไว้บนเวที
นายแพทย์ชลน่าน บอกอีกว่าหลังจากวันนี้ก็จะทำไปตามกระบวนการโดยจะเสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม เพราะเคยพูดเอาไว้แล้ว ส่วนตัวเชื่อว่าแม้จะไม่ได้ง่ายที่จะได้ตำแหน่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมาครอง แต่เชื่อว่าทุกอย่างมีอุปสรรคทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามต่อว่า รู้สึกอย่างไรกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องของนโยบายการหาเสียงเมื่อวานนี้นายแพทย์ชลน่านระบุว่า ที่จริงแล้วเป็นเพียงแค่การตอบคำถามน้องนักข่าวที่รู้จักกันเท่านั้น จึงพยายามอธิบายถึงความหมายของประโยคนี้ให้ฟังเพื่อให้เกิดความเข้าใจว่ามิติของการรณรงค์กับมิติของการทำงาน มันเป็นเรื่องคนละเรื่องกัน
แต่เมื่อพูดไปแบบนี้กลับกลายเป็นว่า ตัวเองเหมือนเหยื่อถูกเอาไปพาดหัว ว่า"แค่เทคนิคหาเสียง" เหมือนเป็นการไปบิดเบือนว่าไม่รับผิดชอบต่อคำพูด โดยขอยืนยันในเจตนาเดิมว่า ต้องการอธิบายให้เห็นภาพว่าทุกพรรคการเมืองจะต้องแข่งขันต่อสู้กัน ซึ่งเพื่อไทยเองก็ถูกกระทำจากที่เคยประเมินว่าควรจะต้องได้คะแนนแบบถล่มทลาย แต่เมื่อมีนโยบายการหาเสียงของพรรคอื่นมาก็ทำให้คะแนนในส่วนนี้ลดลง ถามว่าแล้วแบบนี้พรรคเพื่อไทยจะต้องไปโกรธพรรคการเมืองอื่นไหม ก็ไม่ได้โกรธ จึงฝากไปถึงนักข่าวว่าอย่าพยายามไปตัดบางช่วงบางตอนออกมาเพื่อทำให้ความหมายของการแสดงเจตนานั้นมันบิดเบือน
นายแพทย์ชลน่าน ยังบอกอีกว่าส่วนตัวพรรคเพื่อไทยไม่เคยพูดว่าจะไม่รวมกับพรรคภูมิใจไทยไม่เคยพูดเลยสักครั้งคำว่าไล่หนูตีงูเห่า ก็พูดที่จังหวัดศรีสะเกษเท่านั้น เพราะจังหวัดศรีสะเกษ สส. ของพรรคเพื่อไทยถูกย้ายไปอยู่กับพรรคอื่น ดังนั้นกลไกและวิธีการเพื่อที่จะดึงเสียงประชาชนคืนก็ต้องใช้เทคนิคนี้