ศาลอาญาคดีทุจริตฯ สั่ง "กกต." ชี้แจง 8 คำถาม ปม "พิธา" ถือหุ้นสื่อ พร้อมเลื่อนนัดฟังคำสั่งอีกครั้งเป็น 25 ก.ย. 66
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษา ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท.116/2566 ที่นายยงยุทธ เสาแก้วสถิต อาชีพทนายความยื่นฟ้องนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการ กกต. กับพวกรวม 7 คน
ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน ของรัฐ กระทำการในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐ โดยทุจริต เจตนา ร่วมกันออกประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2566
วันนี้ โจทก์และทนายโจทก์ มาศาล โจทก์ยื่นคําร้องขอแก้ไขคำฟ้อง ฉบับวันที่ 3 ส.ค. 66 ศาลพิเคราะห์คำร้อง แล้วเห็นว่า โจทก์ได้ตรวจสอบเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง พบรายชื่อประธานและกรรมการการเลือกตั้งเหลือเพียง 6 คน จึงเชื่อว่า มีผู้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพียงแค่นั้น ต่อมาได้ตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานอื่นหลายหน่วยงาน จึงพบข้อมูลที่ถูกต้องจากเว็บไซต์ของไทยพีบีเอส ในคอลัมน์ “เปิดประวัติ กกต.”
จึงทราบว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งมีผู้ดำรงตำแหน่งประธานและกรรมการการเลือกตั้งรวม 7 คน การระบุชื่อนายธวัชชัย เทิดเผ่าไทย เป็นจำเลยที่ 8
ตามคำร้องนี้ โจทก์ได้บรรยายพฤติกรรมการร่วมกระทำความผิดของคณะกรรมการการเลือกตั้งไว้ครอบคลุมแล้ว แสดงให้ เห็นว่าโจทก์มีเจตนาจะฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้งทุกคนเป็นจำเลยเพียงแต่ไม่ได้ระบุตัวผู้ถูกฟ้องคดี ให้ครบถ้วน เนื่องจากการตรวจสอบข้อมูลผิดพลาดคลาดเคลื่อนไป การขอแก้ไขฟ้องของโจทก์จึงไม่ต้องห้าม อนุญาตให้โจทก์แก้ไขฟ้องแต่เพื่อความสะดวกในการพิจารณาของศาล ให้เรียกนายธวัชชัย เทิดเผ่าไทย เป็นจำเลยที่ 7 และให้เรียกนายแสวง บุญมี จากเดิมจำเลยที่ 7 เป็นจำเลยที่ 8
ศาลตรวจคำฟ้องและเอกสารท้ายฟ้องของโจทก์และรายงานเจ้าพนักงานคดีขั้นตรวจฟ้องฉบับลงวันที่ 24 ก.ค. 66 แล้ว เห็นว่า คำฟ้องยังไม่ได้ระบุข้อเท็จจริงรายละเอียด และพฤติการณ์ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของจำเลยทั้งแปด พร้อมทั้งชี้ช่องพยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไปได้ ตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 จึงมีคำสั่งให้โจทก์แก้ฟ้องให้ถูกต้อง โดยระบุข้อเท็จจริงและรายละเอียดตัวบุคคล เอกสาร หรือวัตถุตามที่โจทก์กล่าวอ้างว่า จำเลยทั้งแปดกระทำผิดตามฟ้อง พร้อมเสนอหรือชี้ของพยานหลักฐานที่จะสนับสนุนข้อเท็จจริงตามฟ้อง โจทก์ รวมถึงพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้
1. ให้โจทก์แก้ไข เพิ่มเติมคำฟ้องถึงชื่อ นามสกุล ที่อยู่ ให้ถูกต้องและเพื่อมิให้เป็น การฟ้องคดีผิดไปจากบุคคลที่โจทก์ประสงค์ฟ้องคดีนี้ให้โจทก์ส่งสำเนาทะเบียนราษฎรของจำเลยทั้งแปด ให้ครบถ้วน โดยแนบมากับคำฟ้องฉบับที่แก้ไขใหม่ต่อศาล
2. ให้เพิ่มเติมถึงระยะเวลาการเข้ารับตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้งของจำเลยที่ 1-7 ตั้งแต่เริ่มตั้งแต่เมื่อใดและสิ้นสุดลงเมื่อใด และระยะเวลาการเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการสำนักงาน คณะกรรมการการเลือกตั้งของจำเลยที่ 8 นับตั้งแต่เมื่อใดและสิ้นสุดลงเมื่อใด พร้อมทั้งชี้ช่องและแสดง พยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอ
3. ให้โจทก์บรรยายฟ้องให้ชัดแจ้งว่าจำเลยทั้งแปดเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ และเป็น เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา เพราะเหตุใดและตามกฎหมายใด พร้อมทั้งชี้ซ่องและแสดง พยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอ
4. ให้บรรยายฟ้องเพิ่มเติมถึงอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของจำเลยที่ 1-7 เป็น รายบุคคลที่เกี่ยวพันกับการออกประกาศวันเลือกตั้ง การแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ ออกแบบบัตร เลือกตั้ง การตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หน้าที่การสืบสวน ไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ว่าเป็นหน้าที่ ตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับและประกาศใด อยู่ในมาตราใด ข้อใด พร้อมทั้งชี้ซองและแสดง พยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอ
5. ให้บรรยายเพิ่มเติมถึงการประกาศวันเลือกตั้ง การแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ ออกแบบบัตรเลือกตั้งของเดิมเป็นอย่างไร และที่จำเลยทั้งแปดร่วมกันประกาศเป็นอย่างไรแตกต่างกัน อย่างไร ส่วนใดที่ทำให้ประชาชนหรือโจทก์เกิดความสับสน พร้อมทั้งชี้ช่องและแสดงพยานหลักฐานให้ ชัดเจนเพียงพอ
6. จำเลยทั้งแปดร่วมกันประกาศวันเลือกตั้ง การแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ ออกแบบบัตรเลือกตั้ง ตามฟ้องข้อ 2.1 เมื่อใด จำเลยแต่ละคนกระทำการอย่างใดบ้าง และจำเลยที่ 1 ลงนามในวันใด พร้อมทั้งชี้ช่องและแสดงพยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอ
7.การกระทำของจำเลยทั้งแปดทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอย่างไร พร้อมทั้ง ชี้ช่องและแสดงพยานหลักฐานให้ชัดเจนเพียงพอ เห็นสมควรให้โจทก์แก้ฟ้องให้ถูกต้องภายใน 30 วันนับแต่วันนี้ (ครบกำหนด วันที่ 7 ก.ย. 66)
เพื่อให้ได้ความแจ้งชัดในข้อเท็จจริงแห่งคดีในการตรวจฟ้องโจทก์ เห็นควรมีหนังสือถึงสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง พร้อมแนบสำเนาคำฟ้องและสำเนารายงานกระบวนพิจารณา ฉบับนี้ เพื่อให้ชี้แจงและกรณีมีข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องขอให้แจ้งรวมมาด้วย กับแนบระเบียบ คำสั่ง และกฎหมายที่เกี่ยวข้องมายังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางภายใน 30 วันนับจากวันที่ได้รับหนังสือ ดังนี้
1. ประวัติเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้งของจำเลยที่ 1-7 และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งของจำเลยที่ 8
2. จำเลยทั้งแปดมีหน้าที่ประกาศวันเลือกตั้ง การแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ ออกแบบบัตรเลือกตั้งและตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หน้าที่ การสืบสวน ไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็นสส. ว่าเป็นหน้าที่ตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับและประกาศใด อยู่ในมาตราใด ข้อใด
3. สํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ตอบหนังสือคัดค้านการยื่นคําร้องกล่าวหา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ของโจทก์ ฉบับลงวันที่ 26 พ.ค. 66 หรือไม่อย่างไร
4. สํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศการแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ และออกแบบบัตรเลือกตั้งทั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขตการเลือกตั้งทั่วประเทศให้ต่างจากการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ หรือไม่ เพราะเหตุใด ผู้ใดเป็นผู้ออกแบบและอนุมัติ และเหตุใดจึงต้องมี การแก้วิธีให้หมายเลขของผู้เข้ารับสมัครเป็นส.ส.แบบแบ่งเขตการเลือกตั้ง ให้แตกต่างจากหมายเลขพรรคที่ผู้เข้ารับสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้นสังกัดอยู่ในแบบ การเลือกตั้งทั้งแบบบัญชีรายชื่อ
5. มีการพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินกว่าจำนวนประชาชนหรือไม่ เพราะเหตุใด และ ภายหลังการเลือกตั้ง มีวิธีจัดการอย่างไรกับบัตรเลือกตั้งส่วนที่พิมพ์เกิน
6. กรณีที่มีผู้ยื่นคำร้องกล่าวหา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นผู้ขาดคุณสมบัติ เนื่องจาก ถือหุ้นบริษัทไอทีวี จำนวน 42,000 หุ้น สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้ดำเนินการไต่สวน ข้อเท็จจริงหรือไม่อย่างไร มีการให้นายพิธา ชี้แจงข้อเท็จจริงหรือไม่อย่างไรเพราะเหตุใด และใช้ ระยะเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานและวินิจฉัยคำร้องนานเท่าใด และได้นำคำสั่งของศาลฎีกา คดีหมายเลขดำที่ ลต สสข 9/2566 คดีหมายเลขแดงที่ ลด สสข 24/2566 วันที่ 2 พ.ค. ที่คืนสิทธิผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง สส. ให้แก่นายนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ มาพิจารณาหรือไม่ เพราะเหตุใด
7. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกี่สมัย และในแต่ละสมัยมีการตรวจสอบคุณสมบัติในเรื่องถือหุ้นบริษัทไอทีวี จำนวน 42,000 หุ้น มาก่อนหรือไม่ เหตุใดจึงมาพบภายหลังจากประกาศผลการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. 66 และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เคยแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบมาก่อนหรือไม่
8. ในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็น สส. ในเรื่องเป็นผู้ถือหุ้นสื่อ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ตรวจสอบไปยังนายทะเบียนบริษัทหรือ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าหรือไม่ เพราะเหตุใด และในการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เข้ารับสมัครเป็นสส. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบด้วยตนเอง หรือมอบหมายให้หน่วยงานใดเป็นผู้ตรวจสอบ เพราะเหตุใด
ให้เลื่อนไปนัดฟังคำสั่งหรือคําพิพากษาวันที่ 25 ก.ย. 66 เวลา 09.30 น.