กรณีช่วงหัวค่ำวันที่ 7 ส.ค. 2566 นายสมชาย หรือ โบ้ อายุ 54 ปี อาชีพขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างใช้อาวุธปืนยิงยกครัว และไปยิงตัวเองเสียชีวิตรวม 5 ศพ โดยคนร้ายคือ นายสมชาย หรือโบ้ อายุ 54 ปี ได้ก่อเหตุยิงแม่ยาย คือ นางโสภา อายุ 59 ปี เสียชีวิตเป็นรายแรกที่ตลาดนัดนิกแน๊ก ซ.แจ้งวัฒนะ 6 เขตหลักสี่ กทม. จากนั้นได้กลับไปที่คอนโดยิงเด็กชาย 2 คน ซึ่งเป็นลูกติดของ น.ส.ชมพู่ อดีตภรรยา คือ ด.ช.ธนกฤต อายุ 7 ปี และ ด.ช.กฤตภาส อายุ 9 ปี รวมทั้งนางสาวทวี อายุ 60 ปี ต่อมาเจ้าตัวได้ไปยิงตัวเองตายอยู่บริเวณศาลาสีเขียว จุดวิ่งวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างหน้าคอนโด
ทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิด เวลาประมาณ 19:07 น. ภายในตลาด จับภาพนายสมชายใส่เสื้อวิน เดินมากลางตลาดเพื่อมุ่งหน้าไปที่แผงลอตเตอรี่ที่นางโสภากำลังขายอยู่ จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดัง 1 นัด แล้วนายสมชายก็วิ่งออกจากตลาด โดยใช้เวลาเพียง 1 นาทีในการก่อเหตุและขี่รถจักรยานยนต์เพื่อไปยังคอนโด
จากนั้นกล้องวงจรปิดของคอนโดจับภาพนายสมชายขี่รถจักรยานยนต์มาจอด แล้วเดินมาให้ รปภ.ของคอนโดเปิดประตูให้ โดยบอกกับ รปภ.ว่า ญาติให้มาเอาถังแก๊ส แล้วก็เดินขึ้นลิฟต์ไปชั้น 9 ก่อเหตุยิงลูกเลี้ยง 2 คน และพี่สาวของแม่ยาย
หลังจากนั้นก็เดินลงลิฟต์มาที่ชั้นล่างออกจากประตูไปอย่างช้าๆ และขี่รถจักรยานยนต์ออกไปปลิดชีวิตตัวเองที่ศาลาสีเขียว จุดวิ่งวินหน้าคอนโด
ขณะที่วันนี้ (8 ส.ค. 2566) เวลา 16:00 น. นางสาววีระยา หรือชมพู่ อดีตภรรยาของนายสมชาย พร้อมด้วยนางปวีณา หงสกุล ประธานมูนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรี และลูกสาวคนที่สอง ได้เดินทางไปยังนิติเวชโรงพยาบาลภูมิพล เพื่อรับศพแม่ ลูกชายทั้ง 2 คน และน้าสาว โดยนางสาวชมพู่ร่ำไห้ตลอดเวลา และเข้ากอดศพลูกชายคนเล็ก อุ้มขึ้นรถของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งด้วยตัวเอง
น.ส.ชมพู่ เปิดใจกับสื่อมวลชนว่า เพิ่งทราบข่าวจากคนในตลาดว่าแม่ถูกยิง ตนจึงรีบโทรหาป้า แต่ปรากฏว่าป้าไม่รับสาย ซึ่งถือว่าเป็นลางไม่ดีเพราะป้าไม่เคยไม่รับสายตน เมื่อเดินทางกลับมาถึงก็พบว่าทั้ง 4 คนถูกยิงแล้ว
ส่วนนายสมชาย ผู้ก่อเหตุ ตนคบหาดูใจมากว่า 6 ปี ที่ผ่านมาถูกทำร้ายร่างกายมาโดยตลอด จนสุดท้ายเมื่อ 2 เดือนก่อนจึงตัดสินใจจดทะเบียนหย่า แต่ว่าฝ่ายชายยังตามราวีเพื่อหวังขอคืนดี ตนก็ไม่อยากกลับไป จนทำให้ถูกฝ่ายชายข่มขู่มาตลอดว่าจะทำให้ตนเจ็บช้ำใจมากที่สุด หากไม่ยอมกลับไปคืนดี ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะมาก่อเหตุกับครอบครัวของตนเช่นนี้ เชื่อว่าสาเหตุมาจากความต้องการของนายสมชายที่อยากให้ตนกลับไปอยู่ด้วย
โดยครั้งล่าสุดที่ถูกทำร้าย ย้อนกลับไปช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ช่วงเย็นตนเองไปรับลูกทั้งสองคนจากโรงเรียน เมื่อกลับมาที่คอนโด ปรากฏว่าเจอนายสมชายดักรออยู่ด้านหน้า แล้วเดินตามขึ้นไปด้านบน จากนั้นนายสมชายได้กระชากกระเป๋าของลูกชายตน แล้วทุ่มใส่ป้าที่อยู่ในห้อง ก่อนจะกระชากตนกลับไปที่ห้อง ซึ่งอยู่คนละตึกกัน โดยที่เอวของนายสมชายนั้นมีปืนเหน็บอยู่ด้วย แต่พอกลับถึงห้องนายสมชายก็อารมณ์เย็น ไม่ได้ทำร้ายร่างกายตนเองอีก
นางสาวชมพู่ บอกอีกว่า ตนรู้จักนายสมชายดีมาโดยตลอด ว่าเป็นคนที่มีพฤติกรรมรุนแรง อารมณ์ร้อน หัวรุนแรง และมีอาวุธปืน แต่ที่ผ่านมาตนสามารถปรามไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงใช้อาวุธปืนได้ โดยทุกครั้งตนจะเป็นคนที่นิ่งใส่นายสมชายตลอด ซึ่งนายสมชายก็จะหยุดและไม่ทำอะไรอีก ตนยืนยันว่า หากเมื่อคืนนี้ตนยังอยู่ที่คอนโด จะไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้อีก เพราะตอนเป็นคนเดียวที่สามารถทำให้นายสมชายไม่กล้าใช้ความรุนแรงกับคนอื่น
ส่วนประเด็นที่มีข้อครหาเรื่องคอนโด ตนยืนยันว่า เป็นน้ำพักน้ำแรงที่ทั้งตนและนายสมชายร่วมกันหาเงินมาซื้อห้อง ไม่ใช่นายสมชายซื้อแค่ฝ่ายเดียว ซึ่งทั้งคู่ตกลงกันที่จะให้เป็นชื่อของนายสมชายเป็นเจ้าของ ส่วนเมื่อเช้าที่ตนกลับไปคอนโดนั้น เพื่อเข้าไปเอากุญแจรถและกระเป๋าของลูกชายตนเท่านั้น ไม่ได้นำทรัพย์สินอื่นใดออกมาอีก
สาเหตุทำให้นายสมชายติดต่อตนไม่ได้นั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้บล็อกไลน์ และบล็อกเบอร์โทร เเต่ยังเหลือช่องทางเฟซบุ๊กให้ติดต่อเพียงช่องทางเดียว เพราะยังต้องติดต่อเรื่องธุรกรรมทรัพย์สิน ที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน เเต่ก่อนเกิดเหตุ 2 วัน ตนเพิ่งเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ จึงทำให้ไม่สามารถเล่นเฟซบุ๊กได้ นายสมชายจึงไม่สามารถติดต่อตนได้ทุกช่องทาง