“อมรัตน์” ไม่อยากรับบทแม่-ครู สั่งสอนกลุ่ม “ทะลุวัง” ชี้เป็นความรับผิดชอบส่วนตัว
นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สส. พรรคก้าวไกล และกรรมการบริหารพรรค ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการชุมนุมของกลุ่มทะลุวัง ที่บุกมาพรรคเพื่อไทย เมื่อวานนี้ โดยมองว่า น้องๆกลุ่มผู้ชุมนุมก็มีหลากหลายกลุ่ม ซึ่งตอนนี้เกิดกลุ่มใหม่ๆขึ้นมามากมาย และตนยังไม่ทราบรายละเอียดว่าทำไมถึงต้องไปดูถูกน้องๆเยาวชนแต่ละกลุ่ม เขาจะทำอะไรก็คิดเอง เราไม่ได้ไปมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้น ซึ่งคงามเห็นของสังคมที่ออกมากลายเป็นเหมารวมพรรคก้าวไกลไปด้วย อาจจะเพราะเรามีความใกล้ขิดกับน้องๆเยาวชนตั้งสมัย เพนกวิน พริษฐ์ ชีวารักษ์ และ อานนท์ นำภา
“ความรู้สึกส่วนตัว ถึงจะอายุมากแล้ว เราก็เคารพให้เกียรติคนทุกวันอยู่แล้ว ทุกคนก็มีสิทธิออกมาใช้เสรีภาพพลเมือง จะอายุน้อยหรือายุมากก็พลเมือง มีสิทธิเสรีภาพเท่ากัน ทำอะไรถูกผิดก็เป็นความรับผิดชอบส่วนตัว และยังไม่ได้ทราบว่าใครทำอะไรไม่ได้มอนิเตอร์ค่ะ” นางอมรัตน์ กล่าว
เมื่อถามว่าท่าทีที่ออกมาค่อนข้างใช้คำหยาบคายไม่สุภาพ นางอมรัตน์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ชอบทำตัวเป็นแม่ รู้ดี หรือเป็นคุณครูรู้ดี ที่ต้องมาบอกว่าให้เราต้องทำอะไร ต้องเพิ่มอะไรลดอะไร ผิดถูกก็ว่ากันไป ซึ่งการแสดงออกของแต่ละคน หนักเบาไม่เท่ากัน เราไม่ได้มีสภาพเป็นหน่วยเหนือ ผู้บังคับบัญชาหรืออะไร ทำหน้าที่เพียงให้คำปรึกษากฎหมาย และประกันตัวให้ออกมาสู้คดี จะให้ไปชี้นิ้วเป็นคุณครูเขาก็เป็นผู้ใหญ่กันแล้วมีความคิดเป็นของตัวเอง
ส่วนที่พรรคก้าวไกลเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่นั้น หากพูดว่าพรรคก้าวไกลไม่มีความเกี่ยวข้องก็จะถูกมองว่าเป็นการปัดให้พ้นตัว ทุกคนเดี๋ยวนี้โตๆกันแล้ว ความหนักเบาที่แต่ละคนแสดงออกก็ไม่เหมือนกัน
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่มีคนคิดว่า ม็อบที่ก้าวร้าวเป็นผลผลิตของพรรคก้าวไกล นางอมรัตน์ กล่าวว่า ไม่จริง ตอนนี้เป็นยุคสื่อโซเชียล ทุกคนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เราไม่ได้ไปอยู่เบื้องหลังอะไรใดๆทั้งสิ้น ช่วงที่ม็อบเบ่งบาน เราอาจจะมีบทบาทการไปประกันตัว ซึ่งคดีที่ไปประกันตัว ไม่ได้ไปบอกว่าถูกหรือผิด เพราะคนที่จะบอกว่าถูกหรือผิดคือศาล
เมื่อถามว่า มีคนปรามาส ว่าพรรคก้าวไกลหากจะขึ้นมาบริหารประเทศ แต่ยังคุมกลุ่มมวลชนไม่ได้จะเกิดปัญหาความแตกแยกนั้น นางอมรัตน์ ตอบทันทีว่า เอาอย่างงี้ เยาวชนหนุ่มสาวสมัยนี้ มีใครไปชี้นำเขาได้ เขามีความคิดเป็นของตัวเอง
“พ่อแม่ปลุกให้ตื่น หรือให้ทำอะไร หากเขาไม่เห็นด้วย แม้เป็นพ่อแม่ยังไม่ทำตามเลย แล้วเราเป็นอะไร เราไม่ได้เป็นผู้ปกครองเขา และเราก็ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง แต่ถ้าใครผิดก็ว่าไปตามผิด แต่จะมาบอกว่า เหมารวมพรรคก้าวไกลอยู่เบื้องหลังทั้งหมดมันไม่ใช่ ก็ขอความเป็นธรรมให้กับเราด้วย ไม่ใช่เป็นการปัดอะไรให้พ้นตัวด้วย พูดตามข้อเท็จจริง แต่ละคนก็มีความคิดจิตใจเป็นของตัวเอง อย่างวันที่ออกมาจากรัฐสภา โหวตนายกรัฐมนตรีรอบ2 เขายังไม่ให้ สส.ขึ้นเวทีเลย เพราะบอกว่าเป็นเวทีของประชาชน เดี๋ยวจะถูกกล่าวหาว่ามีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง” นางอมรัตน์ กล่าว
นางอมรัตน์ ยังย้ำอีกว่า เราไม่เคยสนับสนุนแม้แต่เงินทอง มีเพียงช่วยเหลือให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมายเท่านั้น และเราไม่ได้รู้จักกับกลุ่มเยาวชนทุกคน รู้จักเพียงกลุ่ม แรกๆที่มาเป็น สส.ในพรรคกันหมดแล้ว
บก.ลายจุด เตือน ทะลุวัง ทบทวนวิธีการเคลื่อนไหว แนะพิจารณาสร้างแนวร่วม
หลังกลุ่มทะลุวัง กลุ่มทะลุแก๊ส กลุ่มโมกหลวงริมน้ำ บุกไปที่ กระทรวงวัฒนธรรม แสดงออกเรียกร้องให้ ถอด นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ สมาชิกวุฒิสภา ออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ต่อมา เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่าน กลุ่มทะวัง บุกไปที่พรรคเพื่อไทย เพื่อคัดค้านการจับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย
นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นักกิจกรรมการเมือง แสดงความคิดเห็นผ่านทางเฟซบุ๊ก สมบัติ บุญงามอนงค์ ระบุว่า โอวเลี้ยง – การเคลื่อนไหวทางการเมืองเป็นการสื่อสารไปที่ตัวปัญหา เราต้องชี้ว่าปัญหาของประเทศคืออะไร โดยใช้รูปแบบการเคลื่อนไหวดึงดูดความสนใจของสื่อและสังคม และใช้จังหวะที่ความสนใจเกิดขึ้นเราต้องชี้ให้เห็นว่าอะไรคือปัญหา ความท้าทายของการเคลื่อนไหวส่วนหนึ่งเกิดจากรูปแบบและวิธีการในการประท้วง เพราะวิธีการปกติในการชี้ปัญหาไม่สามารถดึงดูดความสนใจของสาธารณะชนได้ เช่น การไปยื่นหนังสือ หรือการไปถือป้ายประท้วง
ดังนั้นนักเคลื่อนไหวจึงพัฒนาระดับความแรงของการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ จนบางครั้งความแรงของรูปแบบบดบังเนื้อหาหรือเป็นอุปสรรค์ต่อการสื่อสารปัญหาที่ตั้งใจไว้
นอกจากนั้นการเคลื่อนไหวทางการเมืองยังต้องพิจารณาเรื่องการสร้างแนวร่วม การสร้างการยอมรับ แน่นอนว่าในสังคมย่อมมีมุมมองต่อการเคลื่อนไหวหนึ่งๆไปหลายทาง แต่ต้องพยายามทำให้ฝ่ายเดียวกันเห็นด้วยและฝ่ายที่อยู่กลางๆเห็นด้วยหรือไม่ต่อต้าน
การสะสมแนวร่วมเช่นนี้เป็นงานระยะยาว ต้องระมัดระวังที่จะทำมันพัง และต้องคำนึงถึงผลทางกฎหมายที่ต้องแบกรับหลังการเคลื่อนไหว แม้ไม่ให้ความสำคัญแต่ต้น แต่ท้ายที่สุดสิ่งนี้เราจะต้องเผชิญหน้ากับมันแน่นอน
ผมไม่สงสัยในความเสียสละความมุ่งมั่นของน้องๆทะลุวัง และคิดว่าตนเองเข้าใจความรู้สึกไม่แตกต่างจากพวกเรา แต่ผมเห็นว่าวิธีการที่ทำอยู่ในช่วงหลังๆนี้ ต้องทบทวนและคิดอ่านเรื่องวิธีการเคลื่อนไหว ถ้าสิ่งที่ผมเสนอไปนั้นน้องๆคิดว่าเป็นความพยายามในการส่งความปราถนาดี จะให้โอกาสพี่เลี้ยงโอวเลี้ยงและสนทนากันผมจะยินดีเป็นอย่างยิ่ง แต่หากคิดว่าผมสำคัญตนผิดผมขออภัยมา ณ ที่นี้