8 ส.ค.66 เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ พาครอบครัวผู้เสียหายวัย 18 ปี ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ จนต้องถูกตัดแขน เข้าร้องขอความเป็นธรรมตำรวจกองปราบปราม
โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงวันที่ 11 มิถุนายน เวลา 01.13 น. ผู้เสียหายวัย 18 ปี ได้ไปนั่งดื่มสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน ร้านอาหารแถวสายไหม ระหว่างนั่งคุยกันมีคำหยาบระหว่างพูดคุย ซึ่งคนก่อเหตุนั่งคนละโต๊ะคิดว่าไปด่าเขา ระหว่างทางที่ผู้เสียหายกลับบ้านตรงแยกตลาดวงศกร คนบาดเจ็บได้ก่อเหตุขับรถตามมาประกบแล้วชักปืนมายิงทั้งหมด 5 นัดใส่รถ พอยิงเสร็จก็รีบขับออกไป แต่ต่อมาย้อนกลับมายิงใหม่อีกครั้ง 3 นัด โดนผู้เสียหายบริเวณแขนขวา 1 นัด และขาขวา 2 นัด
ทางครอบครัวผู้เสียหายได้มีการแจ้งความกับทาง สน.สายไหมตั้งแต่วันเกิดเหตุ ที่ผ่านมามีการสอบถามเรื่องคดีความกับตำรวจที่ สน.สายไหม แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ได้แต่คำตอบเดิมๆ ซ้ำๆ ว่ากำลังตามอยู่ทุกครั้งที่โทรไป ตอนนี้จะ 2 เดือนแล้วยังไม่ได้ความคืบหน้าของคดี จึงมาร้องเรียน
นายเอสผู้บาดเจ็บเปิดใจกับช่อง 8
วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมาพูดคุยกับนายเอสอายุ 18 ปี ผู้เสียหายที่บ้านพักย่านสายไหม โดยเผยบาดแผลหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว แขนด้านขวาถูกผ่าตัดเอาออก เนื่องจากหลังเกิดเหตุถูกยิงตามร่างกาย 3 นัด โดยกระสุนนัดแรกเข้าใต้แขนขวา ทะลุไปยังไหปลาร้า กระสุนนัดสองเข้าที่บริเวณแขนขวา และกระสุนนัดสามเข้าที่บริเวณต้นขาด้านขวา จากการที่กระสุนสองนัดเข้าที่แขนขวาปรากฏว่าถูกเส้นประสาทสำคัญทำให้แพทย์วินิจฉัยต้องผ่าตัดเอาแขนออก เพื่อทำการรักษาอวัยวะอื่นในร่างกายไว้
นายเอส เล่าว่า วันเกิดเหตุไปนั่งดื่มสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนที่ลานเบียร์ตลาดนัดสายไหมระหว่างนั่งคุยมีการพูดคุยกับเพื่อนและด่ากันด้วยคำหยาบ ระหว่างนั้นไม่ทันสังเกตว่าคนก่อเหตุนั่งดื่มเหล้าในละแวกใกล้เคียง จนกระทั่งแยกย้ายกันกับเพื่อนและขับรถเก๋วกลับบ้าน ระหว่างทางตรงแยกตลาดวงศกร ปรากฏว่าเจอคนก่อเหตุที่นั่งดื่มเหล้าในร้านเดียวกัน ขับรถตามมาประกบแล้วชักปืนมายิงทั้งหมด 5 นัดใส่รถ พอยิงเสร็จก็รีบขับออกไป
ด้วยความตกใจตนจึงจอดรถข้างทางและรีบไปซ่อนตัวในบ้านร้างแต่ปรากฏว่าคนก่อเหตุวนรถกลับมาแล้วหยิ่งใส่ตนซ้ำอีก3 นัด ยืนยันว่าคนก่อเหตุไม่ได้มาคนเดียว แต่มากับเพื่อนรวมเป็นสองคน โดยเพื่อนคนก่อเหตุเป็นคนขับและมีคนก่อเหตุที่เป็นคนยิงใส่ตนทั้งหมดห้านัดแต่กระสุนเข้าตามร่างกายตนสามนัด
หลังเกิดเหตุตนสะเทือนใจมากทั้งร่างกายตนมีสภาพไม่เหมือนเดิม โดยจะต้องเข้ารักษาพยาบาลนานเกือบ 1 เดือน ขณะที่ทางคดีก็ไม่คืบตำรวจยังไม่สามารถจับคนก่อเหตุได้ ขณะนี้ตนยังคงมีอาการผวาและไม่กล้าออกจากบ้านพักเพราะกลัวว่าคนก่อเหตุจะมายิงตนซ้ำวอนตำรวจเร่งตามจับคนร้าย
พี่สาวเผยน้องชายมีความฝันเป็นทหารแต่ตอนนี้สูญเสียแขนขวาไปคงไม่สามารถทำได้อีกแล้ว
ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับนางสาวขวัญ (นามสมมติ) อายุ 29 ปี เป็นพี่สาวของผู้เสียหาย เล่าว่า ที่ผ่านมาน้องชายตนเป็นเด็กดีของครอบครัวและเป็นคนที่ขยันมาก เพราะน้องชายเรียนจบแค่ป.6 จากนั้นพยายามทั้งทำงานและเรียนหนังสือไปด้วย โดยกำลังเรียนกศน.อยู่จากความที่เป็นคนพยายามและมีความมุ่งมั่นทำให้ได้เป็นหัวหน้าช่างไฟฟ้าที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง
ซึ่งน้องยังมีความฝันว่าถ้าอายุ 18 ปีแล้วจะบวชทดแทนบุญคุณให้แม่ หลังบวชเสร็จก็จะไปสมัครเป็นทหารเพื่อรับใช้ชาติ เพราะความฝันของน้องคือการเป็นทหาร แต่ปรากฏว่าตอนนี้พังทลายไปหมดเพราะน้องถูกผ่าตัดแขนขวาออกและกลายเป็นคนพิการ
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้น้องเก็บตัวเงียบและไม่ค่อยพูดคนกับคนอื่น เพราะคงช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ต้องสูญเสียแขนขวาไป วันเกิดเหตุคือวันที่ 11 มิถุนายน ช่วง 01.13 น. หลังเกิดเหตุตนก็พาน้องไปแจ้งความที่สน. สายไหมทันที ซึ่งครอบครัวตนพยายามสอบถามตำรวจอยู่เรื่อยๆแต่คดียังไม่คืบหน้า จึงต้องไปร้องกองปราบเพื่อขอความเป็นธรรมในวันนี้
โดยครอบครัวอยากได้รับความเป็นธรรม 1.อยากให้คนก่อเหตุถูกจับแลถูกดำเนินคดี 2.สองอยากให้คนก่อเหตุช่วยเรื่องค่ารักษาพยาบาล ล่าสุดทางครอบครัวได้ส่งภาพนิ่งคนก่อเหตุซึ่งเป็นคนยิงน้องชายชื่อว่านายเนยอายุ 24 ปี ให้ตำรวจแต่ตำรวจก็ยังจับตัวไม่ได้ จึงต้องมาร้องช่อง 8 อีกครั้ง