จากกรณีชาวบ้าน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เดินทางมาแจ้งความสถานีตำรวจภูธรถลาง พร้อมคลิปกล้องวงจรปิดของห้าง(แม็คโคร สาขาถลาง) ว่าได้ถูกชายฉกรรจ์จำนวน 4 คน เข้ามาข่มขู่ก่อนที่ใช้กำลังเข้าทำร้ายร่างกาย ในทำการเข้ายึดรถของตนไป ก่อนที่กลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมดจะขับรถของผู้เสียหายคันดังกล่าวไปไว้ที่โกดังเก็บรถของบริษัทแห่งหนึ่งในภูเก็ต เหตุการณ์ตามภาพกล้องวงจรปิดภายในห้าง และวีดีโอที่ตนถ่ายไว้ เพื่อเข้าร้องทุกกล่าวโทษกับชายฉกรรจ์ทั้ง4 คนนั้น
ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนายกุลวิชญ์ วงศรัตนาวุธ ผู้เสียหาย ให้สัมภาษณ์ว่า ตัวเองเป็นเจ้าของรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ดโฟกัส ภูเก็ต วันเกิดเหตุ 7 สิงหาคม 2566 เวลา 11.00 น. ขณะที่ตัวเองไปจอดรถที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในจังหวัดภูเก็ต หลังจากซื้อของเสร็จ ตัวเองได้เดินกลับมาที่รถ แล้วก็มาเจอชายฉกรรจ์ 4 คน ยืนอยู่ที่รถของตัวเอง แล้วมาถามตัวเองว่า “เป็นเจ้าของรถคันนี้ไหม” ตอนนั้นตัวเองจึงโกหกชายกลุ่มดังกล่าวไปว่า “ไม่ใช่” เพราะว่าตัวเองไม่รู้จักกับชายกลุ่มนี้
จากนั้นชายกลุ่มดังกล่าว ก็บอกกับตัวเองว่า พวกเขาเป็นพนักงานติดตามทวงหนี้และทรัพย์สิน ซึ่งพอได้คุยกันไปสักพัก ตัวเองจึงยอมรับว่า รถคันดังกล่าวคือรถยนต์ของตัวเอง แล้วกลุ่มชายฉกรรจ์ก็บอกกับตัสเองว่า รถของตัวเองหลุดไฟแนนซ์ เขาจึงจะขอยึดรถของตัวเองไป ตัวเองจึงบอกไปว่า ถ่าจะยึดรถตัวเอง ตัวเองขอหมายศาล และขอให้ชายฉกรรจ์กลุ่มนี้แสดงตน ว่าแต่ละคนชื่ออะไรบ้าง แต่พวกเขาก็ไม่ยอมแสดงชื่อ และแสดงหมายศาล พร้อมกับเดินไปเปิดประตูรถยนต์ของตัวเอง แล้วถือวิสาสะนั่งในรถ ตัวเองจึงพูดไปว่า “คุณเข้าไปในรถผมได้อย่างไร ของในรถผมเยอะแยะ”
ตัวเองจึงพยายามที่จะเข้ารถ ก็ถูกชายฉกรรจ์อีกคนมาดึงกระชากตัวเองออกมาจากรถ พร้อมผลักตัวเอง แล้วใช้ข้อศอกมากดร่างตัวเองไปนอนที่เบาะคนขับ จากนั้นก็เกิดเหตุชุลมุน แล้วมีชายอีกคน เอามือล้วงเข้ามาในถุงกางเกงของตัวเอง แล้วได้กุญแจรถยนต์ไป จากนั้นชายคนดังกล่าวก็บอกกับกลุ่มเพื่อนที่มาด้วยหันว่า “ได้กุญแจรถแล้ว” หลังจากนั้นก็เป็นขั้นตอนของการเจรจากันอีกรอบ โดยฝั่งนั้นพยายามเจรจาให้ตัวเองส่งรถคืนให้เขา ตัวเองก็ไม่ยอม เพราะฝั่งนั้นไม่มีเอกสารอะไรมาแสดงเลย
เปิดคลิปวงจรปิด และเจ้าของเปิดใจทำไมโดนยึดรถ
หลังเกิดเหตุ นายกุลวิชญ์ มาแจ้งความที่ สภ.ถลาง เนื่องจากติดใจการทำงานของชายฉกรรจ์กลุ่มดังกล่าว ที่มีการทำร้ายร่างกายตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการดึง,ผลัก,ฉุดกระชาก และเอาข้อศอกมากดทับตัวเอง รวมถึงให้ตำรวจดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ ที่เอาทรัพย์สินของตัวเองไปโดยมิชอบ เพราะตัวเองไม่ได้ยินยอม (ตอนที่อยู่ลานจอดรถห้าง) ส่วนเรื่องรถ ก็ปล่อยเป็นไปตามกระบวนการทางกฏหมาย
นายกุลวิชญ์ เล่าต่อว่า เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตัวเองได้เอารถไปเข้าไฟแนนซ์ได้เงินมาประมาณ 250,000 บาท ซึ่งจะต้องผ่อนจ่าย 19 งวด ตัวเองผ่อนไปแล้ว 13 งวด งวดละประมาณ 11,000 บาท เหลือ 6 งวด ที่ตัวเองขาดส่ง หรือประมาณ 6 หมื่นกว่าบาท โดยเหตุที่เกิดขึ้นตัวเองก็มองว่าการกระทำของกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าว เขาทำเกินกว่าเหตุ หลังเกิดเหตุ ตัวเองได้โทรศัพท์ไปยังสำนักงานใหญ่ของไฟแนนซ์ พร้อมกับได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ซึ่งทางไฟแนนซ์เขาก็ยืนยันว่า ไม่มีมาตการให้พนักงานของเขา มากระทำการดังกล่าว พร้อมกับให้ตัวเองไปแจ้งความดำเนินคดีอีกด้วย
หลังให้สัมภาษณ์ นายกุลวิชญ์ ผู้เสียหาย ได้ส่งหลักฐานเป็นคลิปวงจรปิด ทั้งหมด 3 คลิปให้กับทีมข่าวช่อง 8 วงจรปิดแนวตั้ง 23 วิ เป็นเหตุการณ์ที่นายกุลวิชญ์ ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ผลักเข้าไปในรถ ฝั่งเบาะคนขับ ก่อนจะมีการฉุดกระชากกัน แล้วกลุ่มชายฉกรรจ์ได้เข้ามาแย่งกุญแจรถไป
นอกจากวงจรปิดแล้ว ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้รับคลิปวีดีโอ คลิปที่ ความยาว 32 วิ เป็นช่วงก่อนเกิดเหตุ ที่กลุ่มชายฉกรรจ์ได้มาเปิดรถของ กุลวิชญ์ แล้ว กุลวิชญ์ ก๋บอกว่า ไม่อนุญาตให้เปิดรถ เพราะมีทรัพย์สินส่วนตัวอยู่ในนั้น
ทนายเจมส์ ยืนยันไฟแนนซ์ทำแบบนี้ไม่ได้
ด้านทนายเจมส์ ได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า ในกรณีที่ผู้เช่าซื้อติดค้างค่างวดติดต่อกัน 3 งวด แล้วทางไฟแนซ์ได้ออกหนังสือแจ้ง เพื่อให้ผู้เช่าซื้อชำระหนี้ ที่ค้างชำระภายใน 30 วัน แล้วผู้เช่าซื้อยังไม่ปฏิบัติตาม ทางไฟแนนซ์จะถือว่ามีการบอกเลิกสัญญาโดยชอบด้วยกฏหมาย แล้วทางไฟแนนซ์จะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจยึดรถ
ในกรณีที่ผู้เช่าซื้อ ปฏิเสธหรือไม่มอบรถให้ กรณีนี้ผู้ที่มาทำหน้าที่ยึดรถ จะไม่สามารถไปบังคับขู่เข็ญผู้เช่าซื้อรถได้ แม้จะมีการบอกเลิกสัญญาโดยชอบด้วยกฏหมายก็ตาม การที่คุณไปบังคับขู่เข็ญเขา หรือไปล้วงเอากุญแจจากเขา กรณีนี้อาจมีความผิดในเรื่องของเสรีภาพ,การกักขังหน่วงเหนี่ยว,การทำร้ายร่างกาย หรืออาจจะเข้าข่ายดรื่องการลักทรัพย์ โดยผู้ที่ได้รับความเสียหายสามารถไปแจ้งความร้องทุกข์กับผู้ที่เข้ามายคดรถโดยไม่ชอบด้วยกฏหมายได้