"จตุพร" อ่านไต๋ "เพื่อไทย" ชี้ผุดเกมกะล่อนตบตา ปชช. หวังเอาก้าวไกลทางผ่านดึง พปชร.-รทสช.มาจับมือ เชื่อ "ประวิตร" อ่านออกประกาศยก 40 เสียงหนุนนายกฯ ฟรีๆ ไม่มีต่อรองร่วมรัฐบาล
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "คาหนัง...คาเขา?" โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทยจ้องเล่นเกมการเมืองมาเป็นข้ออ้างไปจับมือพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จึงเกิดความปั่นป่วนทำให้ประชาชนหาความจริงไม่ได้กับการตั้งรัฐบาลที่กำลังดำเนินอยู่
นายจตุพร กล่าวว่า นักการเมืองขณะนี้มีความกะล่อน ปลิ้นปล้อน สับปลับ หาความจริงไม่ได้ และตลอด 10 ปีที่ผ่านมาไม่เคยเห็นนักการเมืองเล่นเกมชิงไหวชิงพริบและรวมหัวกันหลอกต้มประชาชนเป็นรายวันได้เช่นนี้
อีกทั้งกล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนแทบไม่รู้ว่า อะไรเป็นเรื่องจริงทางการเมือง อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่งก้ทำให้เห็นธาตุแท้ของนักการเมืองเหล่านี้ที่แสดงแต่ความสับปลับ ตบตาประชาชนกันอยู่ทุกวัน
นายจตุพร เสนอว่า ขอประชาชนได้ดูทุกอย่างที่นักการเมืองแสดงออกมาแบบใจเย็น เพราะเมื่อสู้กับคนสับปลับและพวกกะล่อนต้องใช้ความจริงมาเฝ้ารอ และอย่าตื่นเต้นวิตก เราจะได้เห็นการแก้เกมกันไปมาจากปรากฎการณ์ที่มีขึ้นในแต่ละวัน จนแทบหาความจริงกันไม่ได้
นายจตุพร กล่าวว่า สิ่งสำคัญของการหลอกที่เกิดขึ้นเป็นรายวันนั้น มาจากพรรคเพื่อไทยยกโขยงแกนนำมีอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร นำขบวนไปขอขมา พร้อมขอ 150 เสียงของก้าวไกลมาโหวตนายกฯ เพื่อไทย ซึ่งเสนอนายเศรษฐา ทวีสิน ให้รัฐสภามีมติที่จะมีขึ้นในการประชุมรัฐสภาครั้งถัดไป ซึ่งคาดเป็นวันที่ 18 ส.ค.นี้
นอกจากนี้ แกนนำเพื่อไทยที่เดินเท้าไปขมาพรรคก้าวไกลพร้อมอุ๊งอิ๊งนั้น ยังมี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลาขาธิการพรรค และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สวมแว่นกันแดดดำครึมปิดบังดวงตา โดยแกนนำพรรคทั้งสามคนเป็นคณะเจรจาการตั้งรัฐบาลและมีบทบาทสำคัญกับการฉีก MOU และไม่ให้พรรคก้าวไกลเข้าร่วมรัฐบาล
อีกทั้ง ระบุว่า ปรากฏการณ์ขอขมาจากเพื่อไทย สะท้อนถึงถึงเดินเกมใช้ก้าวไกลเป็นทางผ่านเพื่อไปจับมือกับ พปชร. และ รทสช. แต่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ย่อมรับรู้ถึงเกมของเพื่อไทยได้ดี จึงกระโจนลงไปเล่นบททำให้มั่วกันไปด้วยเหมือนกัน ซึ่งจัดแนกกการแก้เกมกันได้สมน้ำสมเนื้อที่เดียว
นายจตุพร กล่าวว่า คำพูดของนายพิธา ที่ว่า “ใครจะไปรู้เราอาจจะเป็นรัฐบาลก็ได้” สะท้อนว่า เมื่อเพื่อไทยต้องการใช้ก้าวไกลเป็นทางผ่านไปสู่ พปชร. แล้ว จึงเล่นเกมกลับโดยใช้เพื่อไทยทำให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นกัน
"สว.สงสัยพฤติกรรมของเพื่อไทยกับก้าวไกลอยู่แล้ว และพรรคการเมืองที่ประกาศเสียงดังไม่เอาก้าวไกลก็ไม่สบายใจ ดังนั้น นายพิธา จึงต้องเล่นเกมกลับแบบต้มมาก็ต้มไป ไม่ยอมให้เพื่อไทยมาตีกินฟรีเพื่อเป็นทางผ่าน อ้างความจำเป็นไปจับมือกับ พปชร.และ รทสช."
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อนายพิธา สำแดงฤทธิ์ออกมาตีกลับเพื่อไทยย่อมไม่ธรรมดา สิ่งที่พูดว่า ใครจะไปรู้เราอาจเป็นรัฐบาลก็ได้ ทำให้พรรคต่างๆ เกิดความสงสัยกันไปหมด จนไม่รู้จะไว้วางใจพรรคการเมืองใดได้อีก ราวกับนักการเมืองของประเทศหนึ่งที่ไม่กล้ากินน้ำจากใครเลย ต้องพกน้ำมาจากบ้าน และวันนี้การเมืองไทยกำลังเดินไปสู่ทางแบบนี้แล้ว
รวมทั้ง กล่าวว่า เพื่อไทยไปขมาก้าวไกล สำแดงผลทันที วันที่ 10 ส.ค. จู่ๆ พปชร. ให้นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร ประกาศที่สภาว่า พปชร.จะยกเสียงทั้งหมด 40 คน ไม่เว้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เพื่อโหวตนายกฯ ของเพื่อไทยฟรีๆ โดยไม่เกี่ยวข้องกับการต่อรองเข้าร่วมรัฐบาล หรือตำแหน่ง รมต.ใดๆ ทั้งสิ้น โดยหวังให้ความร่วมมือให้ได้มีรัฐบาลและประเทศจะได้เดินหน้าต่อได้
อย่างไรก็ตาม นายจตุพร กล่าวว่า การโหวตนายกฯ เพื่อไทยแบบฟรีๆ นั้น ราวกับ พปชร.ได้มอบตัวต่อเพื่อไทย แต่แสดงถึงเกมตอบโต้ เพราะการออกมาพูดเช่นนี้ของนายไผ่ ลิกค์นั้น ต้องเป็นบทบาทของ พล.อ.ประวิตร หรือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการ พปชร. ซึ่งไม่ควรออกจากปากของนายไผ่ ลิกค์
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อพปชร.ยื่นเกมส่งมาให้ก่อนแล้ว ปัญหาจึงอยู่ที่พรรคเพื่อไทยจะเล่นบทอย่างไรตามมา เพราะเมื่อวานนี้ยังขอขมาก้าวไกล แต่วันนี้พลิกเกมเร็วมาก การมอบตัวของ พปชร.จึงเป็นสัญญาณใหญ่ เหมือนขู่กันกลายๆ เช่นกัน อีกอย่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็เปิดข่าวจะตรวจสอบการถือครองที่ดินของ สส.10 คน ซึ่งเป็นลีลาน่าคิดอย่างยิ่ง ดังนั้น การเมืองตั้งรัฐบาลยังไม่จบง่ายๆ
"การยกทั้งหมดจำนวน 40 เสียงของ พปชร. มาโหวตให้เพื่อไทยนั้น เป็นการเล่นเกมเกพับกันไว้ ราวกับข่มขู่เพื่อไทย ที่ประกาศไม่จับมือกับ พปชร. ซึ่ง นพ.ชลน่าน ต้องรับผิดชอบ ดังนั้น เกมนี้จึงทำให้เพื่อไทยคิดหนักที่สุด ราวกับเป็นการย้อนศรเพื่อไทยว่า เมื่อแสดงได้ พรรคเขาก็แสดงได้เช่นกัน”
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อ พปชร. เล่นเกมขู่กลับมาคนฉิบหายคือ นพ.ชลน่าน และอุ๊งอิ๊ง กับนายเศรษฐา ทวีสิน ย่อมหนีไม่พ้น ต้องรับผิดชอบ เพราะหาเสียงประกาศไม่จับมือกับ พปชร. และ รทสช. ดังนั้น ในทางการเมือง นพ.ชลน่าน ต้องลาออกจากหัวหน้าพรรคตามที่ประกาศไว้
“หวังว่า สัญญาณต่างๆจาก พปชร. ส่งถึงเพื่อไทย โดยเฉพาะ นพ.ชลน่าน จะกลายเป็นของเซ่นสังเวยต้องรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม เมื่อนักการเมืองแสดงแต่การเล่นเกมรายวัน เป็นการแสดงตบตาประชาชนและไม่มีความจริงจัง ย่อมสร้างเกมมาหลอกกันประจำวัน เป็นการกะล่อนทุกวัน การเมืองและประชาชนจึงต้องอยู่กันแบบนี้”