จากกรณีที่มีคนชราพักในพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ ถ.บางบอน 5 ซอย 7 เขตบางบอน กทม. ซึ่งที่ดินผืนนี้เป็นมรดกจากครอบครัวภรรยา แต่ต่อมาปรากฏว่า ที่พักที่ดินตาบอด เนื่องจากผืนที่อยู่รอบ ๆ ข้างมีการขายต่อกันไป ทำให้ทางเข้า-ออกที่ต้องใช้เป็นประจำถูกปิด ที่ผ่านมาชายรายนี้มีการฟ้องร้องเรื่องที่ดินจึงนำจยย. ไปจำนำเพื่อต่อสู้คดี ทั้งที่ตนมีรายได้จากการรับจ้างแค่วันละ 300 บาทเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ก็ยังหาทางออกจากบ้านไม่ได้
วิธีการที่ทำได้ คือ ต้องขุดดินมุดรั้วกำแพงออกมา แล้วเดินผ่านที่ดินของเจ้าของอีกคน ซึ่งตนกลัวว่าอาจจะถูกฟ้องร้องภายหลัง พยายามประกาศขายที่ดินให้กับเจ้าของที่ดินที่อยู่ติดกัน เพื่อต้องการนำเงินไปหาที่อยู่อื่น แม้จะขายในราคาประเมินของกรมที่ดิน แต่ก็ไม่มีใครยอมซื้อ
วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่ไปที่ไปสำรวจ จุดที่เกิดปัญหาพบว่าอยู่ที่ถนนบางบอน 5 ซอย 7 ซึ่งทีมมองจากถนนเข้าไปจะพบว่าบ้านของผู้ร้องเรียน อยู่ลึกเข้าไปประมาณ 300 ถึง 400 เมตร โดยด้านหน้าติดถนน ถูกขุดเป็นร่องน้ำทำสวน
ทีมข่าวต้องเดินลัดเลาะกำแพงรั้วเข้าไปในป่ากระถิน จากนั้นเมื่อถึงจุดพบว่าตรงนี้มีกำแพงปูนปิดไว้ แต่สังเกตเห็นรูใต้กำแพง ความกว้างประมาณ 50-60 เซนติเมตร พอดีตัวคนโดยทีมข่าวต้องมุดเข้าไปเพื่อไปถึงบ้านผู้ร้องเรียน ซึ่งการเข้าบ้านก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะนี่เป็นทางเข้าออกทางเดียว
ป้าวิมล เจ้าของบ้านเปิดใจทำไมต้องมุดรูเข้าบ้าน
ไปสอบถามนางวิมล หรือ ป้าแอ๋ว อายุ 65 ปี บอกว่า ที่ผ่านมาที่ดินผืนนี้เป็นที่ดินมรดกตกทอดจากรุ่นตายาย ซึ่งโดยรอบบ้านมีเนื้อที่ทั้งหมด 22 ไร่ 2 งาน 42 ตารางวา แต่ต่อมามีการแบ่งให้ลูกๆ จากนั้นก็มีการขายต่อกันเรื่อยมา ซึ่งแม่ของคุณป้าวิมลได้รับส่วนแบ่งทั้งหมด 6 ไร่ แต่จากนั้นมีการนำที่ไปขายฝาก 5 ไร่ แต่ต่อมาไม่มีเงินส่งที่จึงถูกยึดทำให้เหลือออยู่ 1 ไร่ ที่ใช้เป็นที่พักอาศัย
ส่วนที่ดินบริเวณด้านหน้า ก็ถูกขายต่อมาเรื่อยๆซึ่งตอนนี้ก็ถูกแปรสภาพเป็นสวนของคนอื่น ทำให้ปิดทางเข้าบริเวณด้านหน้า ส่วนด้านข้างก็เป็นที่ของโรงงานแป้งมัน โดยมีการทำรั้วปิดไว้ ส่วนเป็นด้านหลังก็เป็นที่ของญาติๆ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้อง แต่ก็ถูกไม่ให้ใช้ที่ดินด้านหลังเดินผ่าน ยอมรับว่าที่ผ่านมามีการฟ้องร้องกัน โดยศาลได้ตัดสิน แล้วทำให้ทางเจ้าของที่ดินบริเวณโดยรอบของป้าวิมล ไม่ให้ป้าวิมลใช้ที่ดินในการสัญจรผ่าน โดยที่บ้านหลังนี้อาศัยอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 คนคือคุณป้าวิมล ลุงสง่าสามีของป้าวิมลและนายวินัย พี่ชายของป้าวิมล
โดยคุณป้าบอกว่าการเข้าออกแต่ละครั้งเป็นไปด้วยความยากลำบาก ทุกครั้งจะต้องให้ลุงสง่าสามี เดินทางออกจากบ้าน โดยการคลานมุดรั้วของโรงงานที่อยู่ข้างบ้าน ซึ่งเป็นทางเข้าออกทางเดียว ออกไปซื้ออาหารและ รับยาที่โรงพยาบาล เพราะตัวเองและพี่ชายมีอาการป่วยหลายโรค ทั้งโรคเบาหวาน ความดัน เส้นเลือดในสมองตีบ ตอนนี้สิ่งที่ต้องการคืออยากขายที่ดินผืนนี้เนื้อที่ 1 ไร่ในราคา 2,400,000 บาท แต่บริเวณโดยรอบไม่มีใครซื้อ โดยคนป้าวิมล ต้องการใช้เงินที่ขายที่ได้ ไปเป็นเงินทุน ซื้อที่อยู่ใหม่ที่อยู่ใกล้กัน
ลุงสง่า วิงวอนซื้อที่ดินทุกวันนี้เข้ารูเหมือนหมา
ทางด้าน นายสง่า ทองอ้อม อายุ 65 ปี สามีป้าวิมล บอกกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ที่ผ่านมา ใช้ทางเข้าออกนี้เพราะจำใจ ถ้าไม่ออกไปจะเอาอะไรกิน โดยตนทำอาชีพช่างรับเหมา และทุกครั้งที่มุดช่องทางดังกล่าวออกมา ตนลำบากมากมันเป็นเหมือนรูหมามุดเดินไปมา ตนลำบากมากอยากมีทางเดินออกเหมือนเดิม และอธิฐานขอพรตลอด ว่าอยากชนะคดี อยากมีทางออกเหมือนเดิม
ทั้งนี้ตนอยากฝากบอกเจ้าของที่ว่า เห็นใจตนเถอะ ตนอยากขอทางเข้าออกเหมือนเดิม ทำไมเขาถึงใจดำใจโหดจัง เราไม่ได้ทำผิดอะไร และยืนยันว่าไม่ได้ทำทางเดิน แต่เข้าออกตามทางหมาเดินจริงๆ มันไม่มีทางเลือกแล้ว และน้อยใจมาก ที่ทางเดินของตนมันคือทางหมาเดิน และไม่อยากจะพูดจะบอกใครหรือบอกเพื่อนหรือบอกคนข้างนอกเลยว่าทางเข้าออกตนคือทางที่หมาเดิน บอกไปใครก็ช่วยตนไม่ได้ ทั้งนี้ตนรู้ว่าตนผิดที่ใช้ทางออกเดียวกับรูหมาเดิน จะจับตนไปก็ได้ตนไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วหมดหนทางจริงๆ
ผู้เช่าที่ดินยืนยันเคยเจรจากับป้าวิมล แต่ป้าขายแพงเกินไป
ขณะเดียวกันทีมข่าวช่อง 8 ได้ไปคุยกับ นายเกรียงศักดิ์ อายุ 61 ปี เป็นผู้เช่าที่ดินผืนนั้นเป็นร้านขายของ และเป็นผู้ดูแลที่ดินให้กับเจ้าของตัวจริง ซึ่งที่ผ่านมาการเจรจากับนางวิมลเจ้าของที่รับรู้มาตลอด และได้ขอซื้อที่ดินจากนางวิมล ซึ่งกรมที่ดินได้เข้ามาประเมินราคาแล้ว มีราคา 2 ล้าน 4 แสนบาท แต่นางวิมลตั้งราคาขายไว้ 3 ล้านบาท เจ้าของที่เลยไม่ซื้อเพราะตั้งราคาสูงกว่าที่ประเมินไว้
ต่อมาตนก็ทำสวนเรื่อยมาจนกระทั่งเขามากั้นกำแพงเขาก็เลยฟ้องทางนี้ ซึ่งก่อนที่จะกั้นกำแพงในปีพ.ศ.2535 เขาเดินผ่าศูนย์กลางในจุดที่ไปมุดไปร้านก๋วยจั๊บ พอทีนี้เขามาฟ้องตนในกรณีว่าเขาเดินออกไม่ได้ เขาจะเดินเข้าออกทางนี้ โดยทางเดินทางนี้ตนก็ให้แล้ว 1 เมตรเขาก็ไม่เอา เขาจะเอา 3 เมตรเขาไปฟ้องตนเอง โดยบอกกับตนว่าไปเจอกันที่ศาล แล้วเขาจะเอาฝั่งนู้นอีก 3 เมตร ซึ่งทางเจ้าของที่เขาบอกว่าให้เดินไม่ได้ ที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาลอดรูออกมา เพิ่งจะมารู้วันนี้
วัน อยู่บำรุง ลงพื้นที่จัดข้าวสารช่วยเหลือ
ด้านนายวัน อยู่บำรุง อดีต ส.ส. เขตบางบอน-หนองแขม ได้ลงพื้นที่ ตรวจสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยบอกว่า ตนทราบเรื่องจากเจ้าอาวาสวัดบางบอนเมื่อเช้านี้ ซึ่งทางพระครูปรีชา เจ้าอาวาสบอกว่ามีกรณีที่ลุงสง่าต้องขุดดินมุดกำแพง เพราะว่าทางออกถูกปิดกั้น โดยตนก็มาลงพื้นที่ เนื่องจากเป็นคนบางบอนเผื่อจะรู้ทั้งสองฝั่งบ้าง กะว่าจะมาเจรจาให้ แต่ทีนี้เรื่องราวมันเลยไปจนถึงขั้นฟ้องร้องศาลแล้ว ซึ่งลุงสง่าเขาบอกเดือดร้อนมาก ทำมาหากินก็ลำบาก เบื้องต้นตนจะจัดข้าวสารอาหารแห้งมาช่วยเหลือเบื้องต้นก่อน ทั้งนี้ก็ต้องรอความเมตตาจากศาลแล้ว ถ้าหากหลังศาลตัดสินแล้วก็ต้องไปเจรจากับเจ้าของที่ดินอีกทีหนึ่งว่ามีใครจะสามารถซื้อดินต่อจากลุง เพื่อนให้แกจะได้ไปอยู่ที่อื่นได้