"จตุพร" ระบุ เกิดมาเพิ่งเคยเห็นการเมืองสิ้นยางอาย บอกยอมกลืนเลือด เชื่อตั้ง รบ.ตระบัดสัตย์ 315 เสียง ยังมีอีกหลายยกจะสำเร็จ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "ลวง..." ระบุถึงคำลวงหลอก ทรยศหักหลัง ตระบัดสัตย์ข้ามขั้วไปเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลสืบทอดอำนาจรัฐประหาร ซึ่งกดข่มประเทศมานานกว่า 9 ปี พร้อมคาดว่า ความอยากเป็นรัฐบาลโดยไม่เห็นหัวประชาชน จะนำวิกฤตและความฉิบหายมาสู่กลุ่มอำนาจพรรคเพื่อไทย
นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้การเมืองเดินมาถึงยุคด้านได้อายอด และทรยศประชาชนอย่างเปิดเผย แม้พรรคเพื่อไทยให้เหตุผลอ้างจำเป็นต้องกลืนเลือด แต่เป็นเลือดตัวเองหรือเลือดประชาชนกันแน่ อีกอย่างใครไปบีบบังคับให้ไปจับมือกับใคร และจะทำอะไร หากมีการบีบบังคับแล้วไปจำยอมทำตาม ประชาชนจะฝากความหวังไว้กับใคร
สิ่งที่พรรคเพื่อไทยไม่สามารถทำตามประกาศช่วงหาเสียงได้ ก็ยกเหตุผลต่างๆนานา เพื่อจะไปเป็นรัฐบาลให้ได้ แต่จำปากตนไว้ นี่เป็นทุกขลาภที่ใหญ่ที่สุด และจะเจอกับกระแสของประชาชนที่มีแววตาเจ็บปวด แสนสาหัสจากการกระทำรอบนี้อย่างที่ไม่คาดคิดมาก่อนเลย อีกทั้ง กล่าวว่า วันนี้การเมืองยังไม่ง่ายถึงขนาดนั้น แม้ค่อนข้างปรากฎความชัดเจนว่า พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้การสนับสนุนแล้ว แต่สองพรรคยังไม่แถลงอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตาม ถ้าเพื่อไทยยืนยันเสนอนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ แม้จะได้เสียงโหวตจากพรรคการเมืองที่มาร่วมเป็นรัฐบาล 315 เสียง ส่วน สว.คาดว่า จะไม่โหวตให้และเสียงจะไม่ถึง 376 ซึ่งไม่เกินครึ่งจากจำนวนทั้งหมดของรัฐสภา 750 เสียง หรือเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน
"เมื่อเดินมาถึงคิวของอุ๊งอิ๊ง (แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวทักษิณ ชินวัตร) ผมย้ำอีกครั้งว่า เป็นวันเวลาที่เขาต้องการที่สุด และเป็นความประสงค์ของทุกฝ่ายที่เรียกว่าผ้าป่าสามัคคี แทนที่จะทอดผ้าแต่จะเป็นการวางดอกไม้จันทน์ทางการเมืองแทนที่ จะเป็นการฌาปนกิจปิดฉากทุกรูปแบบอย่างอเนจอนาถที่สุด และจะหนักกว่าคนเป็นพ่อ หนักกว่าคนเป็นอา แล้วจะไปอย่างรวดเร็ว”
นายจตุพร ย้ำว่า หากเป็นอุ๊งอิ๊ง เสียงจากทุกฝ่ายพร้อม และ สว.จะโหวตให้ หลังจากนั้น จะเป็นรัฐบาลที่เจอวิบากกรรมอย่างรุนแรงที่สุด เอากันว่าให้นับวัน นับเดือนของการทำหน้าที่ แล้วทักษิณอย่าคิดเรื่องการกลับบ้าน ให้คิดถึงคนจะออกนอกประเทศเพิ่มอีกก็แล้วกัน พร้อม กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องที่ตนต้องขู่อะไร เพราะไม่ใช่หน้าที่ แต่นี่เป็นการวิเคราะห์ทางการเมือง ไม่ได้เป็นหมดดูหมอเดาทั้งนั้น แต่ดูปรากฎการณ์นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จะเปิดประเด็นใหม่ที่ซอยทองหล่ออีก ซึ่งจะหนักกว่าเดิม
ส่วนเส้นทางการเมืองของอุ๊งอิ๊งนั้น นายจตุพร กล่าวว่า เป็นเรื่องของครอบครัวต้องตัดสินใจ ซึ่งคนเป็นแม่ไม่ต้องการให้ลูกเป็นนายกฯ เพราะอยู่ในประเทศรับรู้ทางการเมืองและเห็นเกมการเมืองจะไปสู่อะไร ส่วนคนที่เป็นพ่อนั้น หลังจากนี้จะมีคำตอบทางการเมืองเต็มไปหมดว่าจะเอากันอย่างไร
อีกทั้งระบุว่า สิ่งที่ประชาชนเห็นการเมืองขณะนี้นั้น มีความตระบัดสัตย์ไร้ยางอายเต็มไปหมด เพราะการกระทำดังกล่าวของพรรคเพื่อไทยเป็นการหักหลังประชาชน อีกอย่างคนบางจำพวกอาจสนับสนุนแนวทางนี้ก็ได้ ส่วนคนปกติทั่วไปที่รู้ผิดชอบชั่วดี และมีมาตรฐานทางจริยธรรมทางจิตใจ มีมโนธรรมสำนึกคงรับไม่ได้ ดังนั้น ลองคิดดูว่า ถ้าเป็นฝ่ายอื่นที่ตัวเองไม่ได้เชียร์แล้วไปกระทำ จะยอมรับพฤติกรรมดังกล่าวได้หรือไม่
“วันนี้การเดินเกมการเมืองที่เปลี่ยนกันเป็นรายวันด้วยวิธีการที่ไม่อับอายฟ้าดิน และไม่สนใจว่าจะขายหน้าทุเรศกันอย่างไรนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่คาดคิดว่าจะได้เจอ หากเพื่อไทยยังยืนกรานส่งนายเศรษฐา เป็นนายกฯ ก็ต้องพิสูจน์กัน แม้ รทสช. กับ พปชร.จะมาร่วมแบบเป็นคู่อยู่แล้วก็คงโหวตให้ แต่ สว.จะไม่โหวตให้จนได้เสียงถึง 375-376 เสียง”
นายจตุพร ประเมินว่า ถ้านายเศรษฐา โหวตไม่ผ่านเป็นนายกฯ แล้ว อาจมีการเลือกข้ามอุ๊งอิ๊ง แล้วไปส่งไม้ต่อให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นคนรับรู้การเมืองว่าอะไรเป็นอะไรดี คงเลือกส่งต่อให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อายุ 78 ปี ดังนั้น การเมืองรอบนี้ ประชาชนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ยิ่งการแจกเงินดิจิตัลอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปคนละหมื่นบาท แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็ไม่ง่ายอย่างที่ใครคาดคิดกันไว้เลย
อีกอย่างการเมืองครั้งนี้ มีการเปลี่ยนแปลงเป็นรายวัน ดูอย่างเพื่อไทยไปหาก้าวไกลขอเสียงโหวตนายกฯ เพียงข้ามคืนนายไผ่ ลิกค์ สส.จาก พปชร. แถลงให้ 40 เสียงร่วมโหวตให้เพื่อไทยโดยไม่มีข้อผูกมัดอะไร ซึ่งหากไม่ได้ไฟเขียวจาก พล.อ.ประวิตร คงไม่กล้ามาพูดเช่นนี้ ดังนั้น การเมืองแบบนี้จึงทำให้เข้าใจว่า มีการตกลงร่วมกันไว้แล้วกับเกมเดินไปขอขมา ขอเสียงก้าวไกล
"การเมืองที่ไม่มีจิตใจมั่นคงกับประชาชนอย่างไรก็แพ้ โดยแพ้เพราะความอยากของตัวเองที่แอบอ้างประชาชน ผมเชื่อว่า คนในประเทศนี้ส่วนใหญ่ ยึดมั่นในหลักการคำมั่นสัญญา หมายความว่า ถ้าตระบัดสัตย์ทางการเมืองแล้วได้รับการยกย่อง คุณจะไม่รู้สึกหรือว่าบ้านเมืองเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร"
นายจตุพร กล่าวถึงการตั้งรัฐบาล 315 เสียงและอาจจัดแบ่งตำแหน่ง รมต. ด้วยสัดส่วน 9 ต่อ 1 นั้น อยากถามว่า เห็นหัวประชาชนหรือไม่ อย่ามาบอกว่า จะแก้ รธน. เพราะที่ผ่านมา 3 รัฐบาล พรรคเพื่อไทยก็แก้ไม่ได้ อีกอย่างอ้างแก้เศรษฐกิจ เมื่อการเมืองเป็นแบบนี้ใครจะเชื่อมั่น ดังนั้น ประชาชนจึงอยู่ในสภาพน่าสงสารอย่างเวทนาที่สุด
อย่างไรก็ตาม ถ้าคิดถึงความสำเร็จกับการตั้งรัฐบาลนั้น นายจตุพร คาดว่า ยังจะมีการพลิกอีกหลายรูปแบบ ซึ่งไม่ได้ง่ายกันอย่างนี้ และคำตอบจะมีก่อนวันที่ 16 ส.ค.นี้
“ในชีวิตนี้ใครไม่เคยเห็นความอุบาทว์ทางการเมืองก็ต้องเห็น เพราะไม่เคยเจอมาก่อนเลย และยังอธิบายทางการเมืองอย่างไรก็ได้ แล้วยังเลยความหน้าด้านอีกมาก ซึ่งควรฉุกคิดบ้าง กรณี พล.อ.สุจินดา คราประยูร พูดผิดครั้วงเดียว คนไทยไม่ให้โอกาสเลย แต่พวกนี้โกหกทุกวัน”
นายจตุพร กล่าวว่า เพื่อไทยคงดีใจ ภูมิใจกันมาก และตนก็ขอแสดงความยินดีกับความฉิบหายที่กำลังจะเกิดขึ้น หากตั้งรัฐบาลจับมือกับพวกยึดอำนาจแล้ว ก็อย่าดูถูกประชาชน แม้ประชาชนตื่นยาก แต่ตื่นแล้วจะเอาเรื่องไม่มีถอย เห็นอยู่นิ่งเงียบก็อย่าประมาทคนไทย คาดว่าคงอีกไม่นานจะตื่่น
“ถ้าคิดว่าเป็นความสำร็จ เป็นชัยชนะ เป็นความสุขก็รีบเสพกันให้เต็มที่ ขอให้หาความสำราญกันได้เลย ส่วนความฉิบหายจะมาอีกไม่นาน จงจำวันนี้ให้ดี ถ้าคิดได้ภายหลังจะบอกว่า รู้เช่นนี้ไม่ควรทำอย่างนี้เลย ซึ่งไม่น่าเดินมาถึงจุดนี้ ในวันที่คุณไม่เหลืออะไรเลย”
นายจตุพร กล่าวว่า ขอให้โชคดีกันถ้วนหน้า ที่บอกให้สลายความขัดแย้งเพื่อประเทศไทยจะได้ไปต่อ แต่ทุกวันจากนี้ไปกระแสประชาชนจะมีความเข้มข้น พุ่งเพิ่มเป็นเท่าทวีความร้อนแรง