กรมอุทยานแห่งชาติฯ แจ้งสาเหตุการตายของ "พลายตุลา" ลูกช้างป่าพลัดหลงแม่ เกิดจากภาวะบาดเจ็บรุนแรงของกระดูกต้นขาหน้าทั้ง 2 ขา หัก ทำให้เกิดการช็อกตามมา
วันนี้ (14 ส.ค.66) เพจเฟซบุ๊ก ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช รายงานว่า นายก้องเกียรติ เต็มตำนาน ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 เปิดเผยจากรายงานการดูแลช้างป่าตุลาว่า นายสัตวแพทย์ไพโรจน์ พรมวัฒน์ ระบุว่า วานนี้ (13 สิงหาคม 2566 ) เวลา 04.00 น.สัตวแพทย์ และเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ 2 (กระบกคู่) เข้าช่วยเหลือลูกช้างป่าในการพยุงตัวลุกยืน โดยก่อนหน้านี้สัตวแพทย์ตรวจพบว่าลูกช้างป่า (ตุลา) มีอาการป่วยด้วยภาวะโรคกระดูกบาง (metabolic bone disease) จากนั้นสัตวแพทย์ได้ทำการรักษาโรคกระดูกบางรวมถึงเฝ้าระวังและติดตามอาการการใช้ขาของลูกช้างป่ามาอย่างต่อเนื่อง
ต่อมาพบว่า ลูกช้างป่า (ตุลา) ไม่สามารถลุกยืนได้หลังจากการนอนของคืนวันที่ 13 ส.ค. เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าช่วยเหลือโดยการใช้เครนยกตัวเข้าช่วยพยุงตัวให้ยืนขึ้น จากนั้นสัตวแพทย์ได้ทำการตรวจร่างกายพบว่า ขาหน้าทั้ง 2 ข้างมีอาการอ่อนแรง บวม ข้อเท้าขาหน้าทั้งสองมีการงอ ไม่ขยับเดิน จึงได้ทำการให้ยาลดปวด ลดอักเสบ และพันขาลดการปวดการอักเสบ โดยตลอดทั้งวัน พบว่าลูกช้างป่า ไม่สามารถใช้ขาช่วยพยุงตัวให้ยืนขึ้นได้ จึงได้ทำการให้นอนพัก และให้เจ้าหน้าที่ติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ตลอด 24 ชั่วโมง
กระทั่งเวลา 18.00 น.ของวันเดียวกัน พบว่าลูกช้างป่า (ตุลา) เริ่มมีอาการหายใจช้าลง ลิ้นเริ่มมีสีซีด และมีภาวะหัวใจหยุดเต้น สัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าช่วยเหลือปฐมพยาบาลอย่างเร่งด่วน ด้วยการทำ CPR เพื่อกระตุ้นการหาย แต่พบลูกช้างป่า ไม่มีการตอบสนอง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นเกิดการภาวะบาดเจ็บรุนแรงของกระดูกต้นขาหน้าทั้ง 2 ขา หัก (Humerus fracture) ทำให้เกิดการช็อกตามมา (Pain shock) โดยหลังจากนี้สัตวแพทย์จะทำการชันสูตรเพื่อหาสาเหตุและเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางปฏิบัติการเพื่อยืนยันถึงสาเหตุการเสียชีวิต ในวันนี้ (14 ส.ค.2566) #ตุลา #ลูกช้างป่าพลัดหลง