คณะกรรมการไต่สวน กกต. ชงยกคำร้อง "พิธา" เหตุไม่พบไอทีวีประกอบกิจการ มีรายได้จากสื่อ ในช่วงที่สมัคร สส. แต่ยังต้องลุ้นอนุฯวินิจฉัยสอบเพิ่ม คาดรอศาลรับธรรมนูญ ชี้สถานะ สส. ก่อนสรุปเสนอ กกต.

กรณี นายอิทธิพร บุญประคองประธานคณะกรรมการ​การเลือกตั้ง​ (กกต.)​ ระบุเมื่อเร็วๆนี้ว่าสำนวนการสอบสวนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส. บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกลกรณีรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติ​ประกอบ​รัฐธรรมนูญ​ (พ.ร.ป.)​ ว่าด้วยการเลือกตั้งสส.มาตรา 151 เนื่องจากมีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้งสส.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (6)เพราะเหตุมีชื่อถือครองหุ้นบริษัทไอทีวี จำกัด มหาชน จำนวน 42,000 หุ้น ได้ถูกส่งมายังชั้นสำนักงานกกต.นั้น

มีรายงานว่า ผลสอบที่คณะกรรมการไต่สวนดำเนินการสืบสวนไต่สวนเสร็จสิ้น ได้เสนอความเห็นว่า เห็นควรให้ยกคำร้อง ด้วยเหตุผลว่า การดำเนินการตามมาตรา 151 เป็นคดีอาญาที่ต้องมีพยานหลักฐานชัดเจน แต่ขณะเปิดสมัครรับเลือกตั้งสส. วันที่ 4-7 เม.ย.ไม่พบว่าบริษัท ไอทีวี จำกัด มหาชน มีการประกอบกิจการอยู่และมีรายได้จากการทำสื่อ

ทั้งนี้คณะกรรมการไต่สวนได้สรุปสำนวนและเสนอรายงานไปยังเลขาธิการกกต.ซึ่งได้มอบรองเลขาธิการกกต.ให้ดำเนินการจ่ายสำนวนดังกล่าวให้คณะอนุกรรมการวินิจฉัยคำร้องและปัญหาหรือข้อโต้แย้งพิจารณา ตามที่ระเบียบกกต.ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวนและการวินิจฉัยชี้ขาด 2563 กำหนด ก่อนที่จะเสนอให้กกต.วินิจฉัย

อย่างไรก็ตามการพิจารณาเรื่องร้องเรียน ร้องคัดค้านของคณะอนุฯวินิจฉัยหลายกรณีเมื่อสอบสวนแล้วไม่เห็นด้วยกับความเห็นของคณะกรรมการไต่สวน โดยเมื่อคณะอนุวินิจฉัยได้รับสำนวนหากเห็นว่ามีประเด็นที่ยังไม่ชัดเจน มีข้อสงสัยก็จะดำเนินสอบสวนเพิ่มเติม รวมทั้งการเรียกผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจง ซึ่งในกรณีคาดว่า คณะอนุวินิจฉัยฯจะมีการสอบสวนเพิ่มเติม และแจ้งให้นายพิธาได้มาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา รวมทั้งมีความเป็นไปได้ที่จะรอคำวินิฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีกกต.ยื่นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ขอให้วินิจฉัยสถานะสส.ของนายพิธา จากเหตุเดียวกัน ก่อนที่จะสรุปสำนวนพร้อมความเห็นเสนอกกต.พิจารณา