กรณีเมื่อช่วง 7 โมงเช้า วันที่ 12 ส.ค. 2566 มีชาวบ้านไปพบศพนายกนกพล หรือกุ้ง อายุ 37 ปี เป็นศพอยู่ในกระสอบปุ๋ยจมอยู่ในหนองน้ำท้ายหมู่บ้านบ้านโสกจาน ม.3 ต.ในเมือง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น
ต่อมาตำรวจตามรวบตัวนายวิชัย หรือชัย อายุ 50 ปี ผู้ต้องสงสัย ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมหมู่บ้านที่กินเหล้ากับนายกนกพลเป็นคนสุดท้ายมาสอบปากคำ จนกระทั่งนำไปสู่การออกหมายนายวิชัย หลังพบหลักฐานกล้องวงจรปิดที่เห็นนายวิชัยขี่รถซาเล้งนำศพของนายกนกพลใส่กระสอบปุ๋ย ขี่ผ่านหมู่บ้านเพื่อนำไปทิ้งอำพราง
วันนี้ (14 ส.ค.) ช่วง 10 โมงเช้า ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บ้านไผ่ ได้ควบคุมตัวนายวิชัย ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังจากที่ช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา นายวิชัยสร่างเมา และยอมรับสารภาพกับตำรวจแล้วว่า เป็นผู้ลงมือฆ่านายกนกพลด้วยตัวเอง
ทีมข่าวสอบถามนายวิชัยก่อนตำรวจจะพาตัวไปแผนฯ นายวิชัย อ้างว่า วันเกิดเหตุผู้ตายได้ชวนตนเองกินเหล้าที่บ้านพักของตน ซึ่งเป็นบ้านของพี่สาวที่เปิดเป็นร้านอาหาร ระหว่างกินเหล้ากันผู้ตายพูดจาไม่เข้าหู และมีการพูดจาดูถูกกันเรื่องรอยสักบนตัว โดยต่างคนต่างอวดรอยสักกันว่ายันต์บนตัวใครดีกว่ากัน ซึ่งนายกนกพลได้อวดว่า ตัวเองมีรอยสักที่หนังเหนียวฟันแทงไม่เข้า ตนเองไม่เชื่อ นายกนกพลจึงชกเข้าที่หน้าของตนเองก่อน 1 ครั้ง ด้วยความเมาและโมโหที่ถูกต่อย ตนเองจึงได้เดินไปหยิบจอบซึ่งอยู่ใกล้แคร่ที่นายกนกพลกำลังนั่งกระดกเหล้า จากนั้นได้เอาจอบทุบเข้าที่หัวของนายกนกนพลจนสลบ และได้ใช้จอบทุบใบหน้าอีก 1 ครั้ง จนมั่นใจว่านายกนกพลตายแล้ว
เมื่อนายกนกพลตาย ตนเองไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับศพ ประกอบกับขนศพไปทิ้งคนเดียวไม่ไหว จึงตัดสินใจเดินไปยืมรถซาเล้งของเพื่อนบ้าน ขี่นำมาขนศพ โดยหลอกให้เพื่อนข้างบ้านมาช่วยยกศพ โดยอ้างว่าเป็นซากหมาตาย และขี่นำศพไปทิ้งหนองน้ำ
ส่วนตอนแรกหลังก่อเหตุที่ตนเองยังปากเเข็ง บอกกับชาวบ้านและเมียผู้ตายว่าไม่ได้เป็นคนฆ่านายกนกพล เพราะตอนนั้นยังไม่สร่างเมาและกลัวความผิด แต่ตนเองก็รู้ในใจลึกๆ อยู่แล้วว่า ยังไงตำรวจก็ต้องจับตนเองได้ จึงไม่ได้หนีออกจากหมู่บ้าน
ตอนนี้สร่างเมาแล้ว และสำนึกผิดแล้ว จึงยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา และฝากขอโทษไปยังครอบครัวคนตาย ตนเองเมาหนักไปหน่อย ตนเองทำผิดพลาดไปแล้ว เมื่อคืนนี้ตนเองถูกจับ นอนในคุกก็นอนไม่หลับ นึกถึงหน้าของนายกนกพลผู้ตายตลอดเวลา
ต่อมาตำรวจได้ควบคุมตัว นายวิชัย ผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุ โดยมีชาวบ้านในหมู่บ้านนับร้อยคนที่ทราบข่าวเดินทางมารอดู ทันทีที่มาถึง จุดที่ 1 ภายในโรงจอดรถ ชาวบ้านญาติพี่น้องของผู้ตาย รวมถึงนางนัฐิยา เมียของผู้ตาย ต่างตะโกนสาปแช่งนายวิชัยด้วยความโกรธแค้น โดยบอกว่า “มึงฆ่าผัวกู แล้วใครจะเลี้ยงกู ผัวกูใจดีกับมึงทุกอย่าง ไปขอข้าวผัวกูก็ให้ อยากกินเหล้าผัวกูก็ขี่จักรยานไปซื้อให้ ทำไมมึงถึงทำแบบนี้กับผัวกู กูจะฆ่ามึง ไอ้ฆาตกร” และพยายามจะเข้าไปรุมประชาทัณฑ์ จนเกิดเหตุชุลมุน
ต่อมาตำรวจได้คุมตัวนายวิชัย ไปทำแผนฯในจุดที่ 2 บริเวณหนองน้ำท้ายหมู่บ้าน ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1.3 กิโลเมตร โดยตำรวจต้องรีบพาตัวไปทำแผนฯในจุดที่ 2 เนื่องจากยังมีกลุ่มชาวบ้านและญาติผู้ตายบางคนได้ขี่รถไล่ตามรถของผู้ต้องหาเพื่อจะเข้าไปรุมประชาทัณฑ์
ตำรวจรีบพานายวิชัย ลงจากรถและพาไปชี้จุดที่เจ้าตัวขี่รถซาเล้งนำศพไปโยนทิ้งหนองน้ำ แล้วรีบคุมตัวขึ้นรถกลับโรงพักทันที โดยทีมข่าวพยายามสอบถามนายวิชัยเป็นครั้งสุดท้ายว่ามีอะไรอยากขอโทษญาติของผู้ตายไหม เจ้าตัวได้รีบขึ้นรถ และพูดสั้นๆ ว่า “ผมขอโทษครับ”