กรณีเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2566 เกิดเหตุคนร้ายเข้ามาขโมยเด็กทารกแรกเกิดในโรงพยาบาลบางเลน จ.นครปฐม จนกระทั่งพบภาพวงจรปิด ชี้ชัดว่า เป็น นายนันทจักรษ์ หรือเจ๊นัน อายุ 43 ปี ซึ่งอยู่ตรงข้ามบ้านน้องต่อ เด็กชายวัย 8 เดือนที่หายตัวลึกลับ ซึ่งตำรวจได้เข้าจับเจ๊นันซึ่งอยู่กับเด็กภายในบ้าน
วันนี้ (14 ส.ค) ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางไปที่ สภ.บางเลน จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นที่ควบคุมตัวเจ๊นัน โดยช่วงเวลาประมาณ 10.00น. มีการเบิกตัวออกจากห้องขังภายเพื่อขึ้นรถไปที่บ้านของเจ้าตัวโดยระหว่างที่มีการคุมตัวขึ้นรถ ทีมข่าวพยายามสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าตัวปฏิเสธที่จะตอบ และเมื่อถามเกี่ยวกับรูปน้องต่อที่อยู่ในมือถือ ก็ไม่ได้มีการตอบคำถามดังกล่าวแต่อย่างใด แต่มีการพูดสั้นๆ ว่า “ อย่าเอาไปโยงเรื่องน้องต่อ ไม่เกี่ยวกัน”
ทันทีที่ถึงบ้านเจ๊นันท์ ตำรวจคุมตัวเข้าไปตรวจค้น ตั้งแต่เวลาประมาณ 10.30 น. กระทั่งสิ้นสุดเมื่อเวลา 14:00 น. ใช้เวลาร่วม 4 ชั่วโมง มีการตรวจยึดเสื้อผ้าและของใช้ภายในห้องไปเป็นวัตถุพยานในคดี พร้อมทั้งสิ่งของอื่นที่คาดว่าอาจจะมีการใช้ทำร้ายร่างกายเด็ก 2วัน โดยมีการนำใส่ถุงสีน้ำตาล จำนวน 6 ถุง ขึ้นรถพิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบ
และทีมข่าวยังสังเกตว่าท่าทีของนายนันทจักรษ์ เจ้าตัวนั่งอยู่ในบ้านโดยถูกใส่กุญแจ นั่งอยู่ที่โต๊ะไม้กลางบ้าน แต่ก็มีการพูดคุยและให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนและสืบสวนเป็นระยะ พร้อมทั้งมีการพูดคุยกับคนในบ้าน โดยท่าทีค่อนข้างเครียด และพยายามพูดตลอดว่า "อย่าเอาไปโยงกับเรื่องของน้องต่อ"
เจ๊นัน เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นเรื่องที่ตนเองมีปมแค้นกับอดีตแฟนเก่าคือ นายวา ซึ่งไปมีครอบครัวใหม่ ทำให้ตนเองติดใจและฝังใจ จนกระทั่งรู้ว่าไปมีภรรยาใหม่แล้วตั้งท้อง ตนเองจึงได้เดินทางไปที่โรงพยาบาล เพื่อที่จะไปเอาลูกของนายวามา ตั้งใจที่จะแกล้ง และไปเอาลูกของครอบครัวของเขามาซ่อน โดยในวันนั้นที่เดินทางไปก็ไม่ทันได้ดูว่าใครเป็นใคร แต่เห็นว่าน่าจะใช่ลูกของนายวา จึงไปอุ้มออกมาจากโรงพยาบาล ส่วนกระเป๋าสีดำก็ไม่ได้เตรียมการ แต่เพราะว่าเป็นกระเป๋าที่ตนเองตั้งใจจะไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ จึงได้หยิบติดมือไปด้วย แล้วใช้สำหรับใส่เด็กตอนที่กลับมาที่บ้าน
และการก่อเหตุครั้งนี้ยอมรับว่าอยู่ในอาการมึนเมา ตอนแรกก็จะไปที่ร้านสะดวกซื้อก่อน แต่เมื่อไล่ไทม์ไลน์เวลาแล้วคิดว่าเป็นช่วงที่ลูกของนายวาน่าจะเป็นช่วงคลอดอยู่ที่โรงพยาบาลบางเลน จึงแวะเข้าไปดู แล้วมีการก่อเหตุดังกล่าว
ส่วนกรณีที่มีคนเชื่อมโยงว่าเป็นเหตุการณ์ที่อาจเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของน้องต่อวัย 8 เดือน ส่วนตัวขอยืนยันย้ำอีกครั้งว่า "ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของน้องต่อ เป็นคนละเรื่อง" การที่ในมือถือของตนเองมีภาพเด็กน่ารักหลายคน รวมถึงมีภาพของน้องต่อ เป็นเพราะตนเองชอบดูออนไลน์ที่เกี่ยวกับเด็ก บางครั้งก็มีการเซฟหรือบันทึกเก็บเอาไว้ เช่นเดียวกับเหตุการณ์น้องต่อหายตัวไป ตนเองก็เปิดดูข่าวน้องต่อแล้วแคปเก็บเอาไว้บ้าง จึงทำให้ในมือถือเต็มไปด้วยรูปของเด็กๆ และน้องต่อ
ทั้งนี้ภายในมือถือของตนเองแม้ว่าจะมีสลิปการโอนเงิน หรือแม้แต่เรื่องของการส่ง QR Code การโอนเงินกับนางสาวนิ่มแม่ของน้องต่อ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเหตุการณ์การหายตัวไป แต่เป็นเรื่องของการเล่นแชร์หรือลงทุน เมื่อมีการจ่ายดอกหรือจ่ายต้นก็มีการโอนให้แก่กันและกัน และที่สำคัญในมือถือของตนเองก็มีสลิปการโอนหลักตั้งแต่ 20,000-30,000 บาท เรื่องดังกล่าวก็เป็นเรื่องของการลงทุนหรือยืมเงินออนไลน์ ซึ่งแม้ว่าจะมีการทำเรื่องเอาไว้ในออนไลน์ตั้งหลายบาท จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้เงินครบ ในเมื่อวันนี้เป็นข่าวแล้วก็อยากให้คนที่เป็นเจ้า รีบโอนเงินมาให้ครบ
ขณะเดียวกัน เจ๊นันท์ ยังกล่าวถึงกรณีที่เด็กมีลักษณะเบาตาบวมมีรอยช้ำเขียว ยืนยันว่าไม่ได้มีการทำร้ายร่างกาย เอาเด็กมาก็ดูแลเป็นอย่างดี และเด็กก็ไม่ได้ตกหล่นร่วงพื้น แต่คาดว่าช่วงที่เอาใส่กระเป๋าเดินทางขึ้นรถมอเตอร์ไซค์มาจากโรงพยาบาล อาจมีการกระทบกับรถหรือบังโคลนหรือไม่ จึงทำให้เด็กได้รับบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนี้ตนเองทำไปเพราะเกิดจากความเข้าใจ อยากจะฝากขอโทษไปยังครอบครัวของเด็กที่ตนเองไปเอาลูกเขามา ซึ่งวันนี้ตนเองสำนึกผิดแล้วพร้อมที่จะรับโทษตามกระบวนการของกฎหมาย
ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในบ้านของเจ๊นัน เมื่อวันที่ 13 ส.ค. เวลา 11.23 น. จับภาพความเคลื่อนไหวเจ้าตัวออกมายืนพูดคุยกับคนในบ้าน ก่อนที่แม่พร้อมกับญาติคนอื่นจะเดินเข้าไปถาม เพราะเริ่มเห็นโซเชียลลงคลิปชายลักพาตัวเด็กในโรงพยาบาล ซึ่งคล้ายกับนายนันทจักรษ์ เจ้าตัวจึงได้พาแม่และญาติเข้าไปภายในห้องเพื่อไปเจอเด็ก และภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพได้ตอนที่แม่ค่อยไปอุ้มเด็กออกมาจากห้องนอนเพื่อที่จะเอาไปส่งคืนเจ้าของที่โรงพยาบาล
ด้านนางลัดดา แม่ของเจ๊นัน ผู้ต้องหา ออกมาเปิดใจกับผู้สื่อข่าว ภายหลังตำรวจมีการตรวจค้นภายในบ้านว่า เหตุการณ์เมื่อวานนี้ (13 ส.ค.) หลังจากที่เพจข่าวเริ่มทยอยมีการแชร์ภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นผู้ชาย คน ใส่เสื้อสีดำกางเกงสีดำเข้าไปขโมยเด็กเพิ่งคลอด 2 วัน ตนเองเห็นว่าลักษณะคล้ายกับลูกชายจึงเกิดความตกใจ เข้าไปเคาะประตูห้องเพื่อที่จะสอบถาม ว่าไปเอาเด็กมาทำไม ปรากฏว่าตัวของลูกชายมีการอุ้มเด็กเอามายื่นให้ แล้วบอกว่า "ไม่ได้ตั้งใจไปขโมยลูกเค้ามา คิดว่าเป็นลูกของไอ้วาอดีตแฟนเก่า" ตนเองตกใจเพราะเห็นเด็กทั้งอึและฉี่ราดเต็มไปหมด ประกอบกับเบ้าตาของเด็กมีลักษณะฟกช้ำบวม จึงพยายามที่จะอุ้มเด็กขึ้นรถเก๋ง เตรียมที่จะเอาไปส่งคืนและไปบอกกับตำรวจ แต่ระหว่างนั้นตำรวจเข้ามาที่บ้านพอดี ลูกชายจึงถูกล็อกตัวและตำรวจเป็นคนเอาเด็กไปคืนเอง
และการที่ลูกแอบไปเอาลูกเขามา ตนเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเอามาไว้ตอนไหน เพราะลักษณะในห้องที่ลูกชายเอาเลี้ยงดูเด็ก เป็นลักษณะห้องกระจกทึบ จึงทำให้คนในบ้านไม่รู้แล้วไม่ได้ยินเสียงเด็กร้อง จนกระทั่งเกิดเรื่องจึงรู้ว่าลูกชายไปเอาลูกคนอื่นมา โดยวันนี้ตนเองอยากจะฝากขอโทษไปยังครอบครัวของเด็ก เพราะลูกชายไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ แต่เมื่อไปเอาลูกเขามาแล้วและลูกเขาอยู่ในสภาพบาดเจ็บ ก็ต้องฝากขอโทษผ่านสื่อไปยังครอบครัวของเด็กด้วย
สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ ชนวนเหตุที่ทำให้ลูกชายก่อเหตุ เป็นเพราะมีการเสพยาบ้าแล้วในวันนั้นมีการกินเบียร์และเหล้าผสมเข้าไป จึงทำให้เกิดอาการหลอนคิดไปเรื่อย เพราะสังเกตจากภาพในกล้องวงจรปิดเดินโซซัดโซเซ เหมือนคนไม่ปกติ เข้าใจว่าน่าจะเกิดจากการเมาแล้วหลอนยาบ้า ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะเสพยาแล้วไปกินเหล้ากินเบียร์แล้วออกไปกลางดึกแบบนี้ และสาเหตุที่ลูกชายเข้าไปลักพาตัวเด็กออกมา ก็เพราะเข้าใจผิดว่าเป็นลูกของอดีตแฟนที่เลิกราแล้วไปคบหากับผู้หญิงซึ่งเป็นแม่เด็ก เข้าไปเพราะต้องใจที่จะแก้แค้นที่นายวาอดีตแฟนเลิกรา ทิ้งให้อยู่คนเดียว จึงเกิดปมฝังใจ แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่นายวาอยู่ร่วมใช้ชีวิตด้วยไม่ได้ ก็เป็นเพราะชอบคิดไปเองและหลอน คิดว่านายวามีชู้ ทำให้นายวาจึงตัดสินใจหนีไปมีชีวิตใหม่